[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
01 พฤษภาคม 2567 03:03:04 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รัสปูติน จุดจบราชวงศ์โรมานอฟ  (อ่าน 1107 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2327


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2562 18:52:14 »



(ซ้าย) แอนนา วิรูโบวา [ภาพถ่ายช่วง 1940] (ขวา) รัสปูติน [ไม่ปรากฏข้อมูลผู้ถ่าย]


พระนางอเล็กซานดร้า กับพระสหายแอนนา วิรูโบวา พบรัสปูติน สู่จุดจบราชวงศ์โรมานอฟ
ที่มา - ศิลปวัฒนธรรม มีนาคม 2549
ผู้เขียน - ส.สีมา
เผยแพร่ - วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562

พระนางอเล็กซานดร้า ทรงเป็นราชินีหรือซารีนาของพระเจ้าซาร์นิโคลาสที่ 2 ซาร์องค์สุดท้ายของมหาอาณาจักรรัสเซีย ก่อนจะล่มสลายเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบบสังคมนิยมเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 พระนางถูกปลงพระชนม์พร้อมๆ กับพระสวามี พระโอรส พระธิดา และข้าราชบริพารจํานวนหนึ่ง โดยคณะปกครองท้องถิ่นคณะหนึ่งในคฤหาสน์อิปาติเยฟ เมืองเอกาเตรินเบิร์ก เขตไซบีเรีย

สําหรับพระนางอเล็กซานดร้า นอกจากโครงกระดูกส่วนหนึ่งที่ทางการขุดค้นขึ้นภายหลังเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นพระนางแล้ว ยังมีปลายนิ้วชี้นิ้วหนึ่งถูกตัดขาดตรงข้อที่ 2 เป็นนิ้วที่มีเล็บและหนังสมบูรณ์ น่าประหลาดแท้ๆ!

พระนางอเล็กซานดร้าทรงเป็นนักบันทึกและนักเขียนจดหมายตัวยง ทรงเริ่มเขียนจดหมายโต้ตอบกับซาร์นิโคลาสตั้งแต่เป็นคู่รักกัน เขียนถึงทุกครั้งที่แยกจากกันเป็นครั้งคราวกับบันทึกอนุทินสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อถูกรัฐบาลเนรเทศไปอยู่ไซบีเรีย พระนางบันทึกไว้จนวันสุดท้ายก่อนจะถูกปลงพระชนม์ไม่กี่ชั่วโมง (16 กรกฎาคม 1917) จดหมายและอนุทินเหล่านั้นเป็นประโยชน์ในเชิงประวัติศาสตร์ไม่น้อย แม้สิ่งที่ทรงเขียนและบันทึกถึงมีข้อความและคําคล้ายการเขียนส่งโทรเลขก็ตามคือเป็นข้อความสั้นๆ และเป็นตัวย่อ แถมมีเครื่องหมายขีดคั่นสั้นยาวเต็มไปหมด

หลังจากพระนางสิ้นพระชนมชีพแล้ว มีผู้พบจดหมายและบันทึกทั้งหมดเหล่านั้น จัดเรียงเรียบร้อยอัดแน่นอยู่ในกระเป๋าหนังสีดํานับได้ 630 ฉบับ แบ่งเป็น 230 ฉบับ เขียนขึ้นในห้วงสงครามรัสเซีย-เยอรมนี ปี 1914 เมื่อซาร์เสด็จไปทัพหน้า อีก 400 ฉบับ เขียนขึ้นในห้วงปี 1914-1916 สําหรับถ้อยคําสํานวนในจดหมายของพระนางถึงพระเจ้าซาร์ มีสีสันโรแมนติคผิดปกติ โรเบิร์ต แมสซี (Robert K. Massie) เจ้าของหนังสือ Nicholas and Alexandra ตั้งข้อสังเกตว่าพระนางน่าจะมีจิตใจปั่นป่วนผิดปกติอยู่ไม่ใช่น้อย

พระนางอเล็กซานดร้ามีศักดิ์เป็นพระเจ้าหลานของพระนางวิคตอเรียแห่งอังกฤษ พระมารดาคือเจ้าหญิงมารี (ราชธิดาองค์ที่ 3 ของพระนางวิคตอเรีย) ทรงสมรสกับแกรนด์ ดยุค หลุยส์แห่งแคว้นดาร์มสตัดท์ เยอรมนี เรียกเธอสั้นๆ ว่าอลิกซ์ (อลิซ ในภาษาอังกฤษ) สายเลือดครึ่งอังกฤษ ครึ่งเยอรมัน แต่ชาวรัสเซียเรียกเธอว่า “หญิงเยอรมัน” โดยมีสําเนียงส่อไปในเชิงลบด้วย

เจ้าหญิงอลิกซ์ทรงพระสิริโฉมน่ารัก มีลักยิ้มข้างหนึ่ง แต่มีเส้นพระเกศาออกไปทางสีแดง-ทอง ซึ่งชาวรัสเซียมีความเชื่อว่าไม่สู้เป็นมงคล ซาร์นิโคลาสถูกต่อต้านอยู่บ้างครั้งแรกที่ทรงติดพันเธอ แต่ทางราชสํานักรัสเซียมิได้ทัดทานอะไรมากนัก พิธีอภิเษกสมรสจึงถูกจัดขึ้นในที่สุดด้วยความเห็นชอบของทั้ง 2 ฝ่าย และพระนางวิกตอเรียในฐานะสมเด็จยาย

เมื่อทรงเป็นราชินีรัสเซีย พระนางอเล็กซานดร้าทรงต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นคริสเตียนออร์โธดอกซ์ เปลี่ยนพระนามเป็นรัสเซียว่าแกรนด์ ดัชเชสส์ อะเล็กซานโดร เฟโดรอฟนา

ในสายตาชาวรัสเซีย (น่าจะเป็นในหมู่พระราชวงศ์และขุนนาง) ค่อนข้างมองอเล็กซานดร้าทางลบ เช่น แต่งตัวเชย งุ่มง่าม เต้นรําลีลา แข็ง สําเนียงฝรั่งเศสแปร่ง (ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ใช้ในราชสํานัก) เป็นคนขี้อาย ขี้ตื่น พระพักตร์บึ้งและหยิ่ง ประสานกับความเป็น “เมียเยอรมัน” อเล็กซานดร้าจึงตกที่นั่งลําบากมากและลําบากมากขึ้นไปอีก เมื่อภาษารัสเซียของเธอเป็นแบบงูๆ ปลาๆ ด้วย เธอจึงค่อนข้างโดดเดี่ยว มีพระสหายสนิทเพียงคนเดียวเท่านั้น คือแอนนา วิรูโบวา ซึ่งแม้จะเป็นลูกสาวขุนนางแต่ก็ไม่ได้เฉลียวฉลาดแยบยลอะไรนัก

บางทีจะเป็นเพราะแอนนานี่ก็ได้ ทําให้พระนางอเล็กซานดร้าได้พบรัสปูติน เรื่องมีอยู่ว่าแอนนาประสบอุบัติเหตุรถไฟตกราง และเธออยู่ในสภาพค่อนข้างแย่มาก ขณะที่พระนางและพระเจ้าซาร์เสด็จมาเยี่ยมแอนนา ถึงเตียงคนไข้ รัสปูตินก็เข้ามาเยี่ยมแอนนาด้วยเช่นกัน (ด้วยรู้จักกันมาก่อน) รัสปูตินใช้วิชาสะกดจิตแอนนาก็สามารถพูดและลุกขึ้นได้โดยพลันเป็นที่อัศจรรย์ เสร็จแล้วรัสปูตินก็ผลุนผลันเดินออกไป เพียงพ้นประตูรัสปูตินก็เกิดอาการเหงื่อท่วมตัวเป็นลมเป็นแล้งลงประหนึ่งว่าได้ใช้พลังทั้งหมดช่วยแอนนาจนดีเหมือนเดิม

ข้อสังเกตก็คือรัสปูตินเล่นละคร แต่ก็คุ้มค่า เพราะได้รับเชิญไปเป็นผู้รักษามกุฎราชกุมารอเล็กซิส ซึ่งกําลังป่วยเป็นเฮโมฟิเลีย (โลหิตไหลไม่หยุด) อยู่ในขณะนั้น และการรักษาโดยสะกดจิตของรัสปูตินได้ผลดีด้วย ทําให้ได้รับการโปรดปรานอย่างเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ดี รัสปูตินเป็นคนชั่วร้าย เขาอาศัยอํานาจของพระนางขจัดกวาดล้างบุคคลที่เกลียดชังและรู้ทันเขา เช่น พระเจ้าอาแกรนด์ ดยุค นิโคลาส ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ เขาใส่ความว่าจะแย่งบัลลังก์มกุฎราชกุมารอเล็กซิส กับใช้อํานาจของพระนางล้มสภาดูมา เพราะมีสมาชิกสภาดูมาบางคนคอยกีดกันเขา

บทบาทร้ายของรัสปูติน เป็นส่วนสําคัญส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้ราชวงศ์โรมานอฟล่มสลาย พระนาง พระสวามี โอรสและธิดาถูกปลงพระชนม์ พร้อมข้าราชบริพารผู้จงรักภักดีอีกส่วนหนึ่งอย่างโหดเหี้ยม!



(ซ้าย) แอนนา แอนเดอร์สัน ถ่ายเมื่อ 1920 โดยตำรวจเบอร์ลิน (ขวา) แอนนา แอนเดอร์สัน
ถ่ายเมื่อ 1930 ที่นิวยอร์ก (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม, กุมภาพันธ์ 2549)

จับไต๋ “แอนนา” ผู้อ้างเป็นเจ้าฟ้าหญิง “อนาสตาเซีย” หลังราชวงศ์โรมานอฟแห่งรัสเซียล่มสลาย

เธอทําให้โลกรู้จักและจดจํา อนาสตาเซีย เจ้าฟ้าหญิงองค์เล็กของราชวงศ์โรมานอฟกว้างขวางยิ่งขึ้น

เธอเป็นหญิงสาวชาวโปแลนด์ มีอาชีพเป็นคนงานในโรงงานแห่งใดแห่งหนึ่ง มีชื่อจริงว่าฟรานซิสก้า

ซานซ์โกสก้า และคงจะเป็นคนรักการอ่านติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองตามสมควร เธอเป็นผู้หนึ่งที่มีความปรารถนาแรงกล้า (wish) ที่จะให้เจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซียมีชีวิตอยู่โดยเธอสวมบทบาทเจ้าฟ้าหญิงเสียเลย และบางทีเธออาจหวังผลประโยชน์อะไรบางอย่าง หรือต้องการจะตายจากชีวิตคนงานหรือกรรมกรที่ยากจนข้นแค้นไปเกิดเป็นเจ้าหญิงในทันทีก็ได้

ไม่มีใครรู้ประวัติแอนนามากนัก รู้แต่ว่าเธอเคยถูกระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 1 ตกใจกลัวถึงขั้นขวัญหนีดีฝ่อ เคยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีประวัติว่าเจ็บป่วยด้วยโรคจิตแต่ประการใด แม้พฤติกรรมบางขณะจะมีแนวโน้มไปทางนั้นก็ตาม

ขณะที่ข่าวของพระราชวงศ์รัสเซียวุ่นวาย หนีตายมายังประเทศตะวันตก มีข่าวที่โผล่มาเพิ่มสีสันอีกข่าวหนึ่ง และแผ่ซ่านไปไกลมากทีเดียว

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1920 (หลังจากราชวงศ์ล่มสลายไปประมาณ 8-9 เดือน) ตํารวจเยอรมันได้ช่วยหญิงสาวผู้หนึ่งที่จะฆ่าตัวตายโดยโดดลงไปในคลองแลนด์เวห์รในเบอร์ลิน แต่เธอผู้นี้ไม่ให้ปากคําใดๆ แก่เจ้าหน้าที่ตํารวจเลย พูดเป็นนัยไว้แต่เพียงว่า “ถ้าคนรู้ว่าดิฉันเป็นใครแล้ว ดิฉันไม่อาจอยู่ที่นี่ได้” ข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมอีกเล็กน้อยคือเธอพูดภาษาเยอรมันได้ไม่ดีเลย เอ็กซเรย์กะโหลกศีรษะมีรอยร้าว ตามเนื้อตัวมีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด เป็นรอยถลอกมากมาย และมีรอยถูกแทงด้วยดาบปลายปืนที่ขาขวา จากสะโพกถึงปลายเท้า รอยแผลเป็นรูปดาว แต่เธอก็มิได้บอกตํารวจเยอรมันว่าแผลเป็นนี้มาจากไหนและจากใคร

เธอเงียบเฉยและแสดงด้วยอาการเศร้าและแสดงอารมณ์ดื้อดึง ตํารวจจึงต้องนําส่งโรงพยาบาลโรคจิต ในนามผู้ป่วยว่า “Miss Unknown” เธอรักษาตัวอยู่ที่นี่ 2 ปีเต็ม และบรรดาพระราชวงศ์รัสเซียที่อพยพมาพํานักในเบอร์ลินฉงนสนเท่ห์กันมาก เมื่อเธอบอกว่าเธอคือเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซีย ที่หลบหนีการฆ่าทารุณมาได้ เธอไม่แคร์ว่าใครจะเชื่อเธอหรือไม่ และไม่ยอมเล่ารายละเอียดการหลบหนีมาได้อย่างไรกับการฆ่าทารุณนั้น ทั้งยังไม่ยอมพูดภาษารัสเซียด้วย ดูราวกับว่าจะกระตุ้นบาดแผลใจของเธอให้ยิ่งเจ็บมากขึ้น จริงๆ แล้วเธอพูดภาษารัสเซียได้

ในที่สุดมีเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงของรัสเซียที่หนีรอดมาได้ได้ซักถามพิสูจน์ ด้วยแต่ละองค์คุ้นเคยกับเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซีย หลายองค์ยอมรับว่าเธอมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าฟ้าหญิง แต่บุคลิกภาพบางส่วนดูแปลกๆ อันอาจเป็นเพราะผ่านเหตุการณ์ที่โหดร้ายมา คําถามในรายละเอียดบางอย่างเธอออกอาการเลอะเลือนหรือลืม

ลอร์ดหลุยส์ เมาต์แบตเตน ผู้เป็นหลานชายของพระนางอเล็กซานดร้า ยอมจ่ายเงินจํานวนมากให้กับหน่วยนิติเวชในลอนดอน เมื่อหน่วยนั้นวิเคราะห์รูปทรงใบหูของทั้ง 2 ฝ่าย ได้ข้อสรุปว่า แอนนา แอนเดอร์สัน คือเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซียแน่นอน!

ฝ่ายของเจ้าหญิงโอลก้า พระขนิษฐาแท้ๆ ของพระเจ้าซาร์ ขณะนั้นลี้ภัยอยู่ในเดนมาร์ก ได้ใช้เวลา 5 วัน อยู่ด้วยกันกับแอนนา และได้ข้อสรุปว่าไม่ใช่ เช่นเดียวกับนางลิลี เดห์น พระสหายสนิทของพระนางอเล็กซานดร้า ใช้เวลา 6 วันพูดคุยถึงสีพรมลวดลายม่านประจําห้องต่างๆ ในพระราชวัง ตลอดจนมุมสวน สรุปว่าแอนนา คืออนาสตาเซียตัวปลอม

ข้อมูลตัวจริงตัวปลอมค่อนข้างก้ำกึ่งกันมาก พอดีได้พบกระดูกของพระราชวงศ์ที่เหมืองร้างห่างจากตัวเมือง 18 กิโลเมตร ในเวลาต่อมาการตรวจสอบไม่พบโครงกระดูกเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซีย ยิ่งทําให้น้ำหนักทางแอนนามีมากขึ้น

อย่างไรก็ดีข้อยุติน่าจะอยู่ที่การพิสูจน์ดีเอ็นเอ ซึ่งของแอนนาไม่ใกล้เคียงกับใครๆ ในหมู่พระญาติใกล้ชิดราชวงศ์โรมานอฟเลย แต่กลับเหมือนกับครอบครัวคนงานในโปแลนด์ครอบครัวหนึ่งที่แจ้งว่าลูกสาวหายสาบสูญไป

พอดีทางรัฐบาลรัสเซียได้ตรวจสอบโครงกระดูกโดยละเอียดอีกครั้ง พบว่าโครงกระดูกที่หายไปเป็นของเจ้าฟ้าหญิงมารี หายไปเพราะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านเกือบหมด ของเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซียยังอยู่

แอนนา แอนเดอร์สัน เสียชีวิตในอเมริกา ที่มาร์ธา เจฟเฟอร์สัน โฮสปิตอล เมื่อปี 1984 เธอจากเยอรมนีไปที่นั่นในความอุปถัมภ์ของบุรุษผู้หนึ่ง-จอห์น อี. มานาฮาน แห่งชาร์ลอตเตอร์วิลล์ เวอร์จิเนีย นักประวัติศาสตร์ผู้เชื่อมั่นแน่นแฟ้นว่า แอนนา แอนเดอร์สัน คือเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซีย

เป็นที่น่าเสียดายและสงสัยว่ามีสุภาพสตรีอีกผู้หนึ่ง ผู้เป็นพระสหายสนิทอย่างยิ่งของพระนางอเล็กซานดร้า เธอมีบ้านพระราชทานหลังเล็กๆ อยู่ในเขตพระราชฐาน ห่างจากที่ประทับของพระนางเพียง 200 เมตร ห้วงเวลาก่อนหน้านั้นเธอถูกจับกุมจําขังหลายต่อหลายครั้งก่อนลี้ภัยไป ฟินแลนด์ เธอคือแอนนา วิรูโบวา เธอไม่เคยถูกเชิญมาช่วยพิสูจน์ ทําไม?!
  ที่มา - ศิลปวัฒนธรรม กุมภาพันธ์ 2549, ผู้เขียน - ส.สีมา, เผยแพร่ - วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.421 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 27 เมษายน 2567 14:13:57