(ซ้าย) แอนนา วิรูโบวา [ภาพถ่ายช่วง 1940] (ขวา) รัสปูติน [ไม่ปรากฏข้อมูลผู้ถ่าย]
พระนางอเล็กซานดร้า กับพระสหายแอนนา วิรูโบวา พบรัสปูติน สู่จุดจบราชวงศ์โรมานอฟที่มา - ศิลปวัฒนธรรม มีนาคม 2549
ผู้เขียน - ส.สีมา
เผยแพร่ - วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562
พระนางอเล็กซานดร้า ทรงเป็นราชินีหรือซารีนาของพระเจ้าซาร์นิโคลาสที่ 2 ซาร์องค์สุดท้ายของมหาอาณาจักรรัสเซีย ก่อนจะล่มสลายเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบบสังคมนิยมเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 พระนางถูกปลงพระชนม์พร้อมๆ กับพระสวามี พระโอรส พระธิดา และข้าราชบริพารจํานวนหนึ่ง โดยคณะปกครองท้องถิ่นคณะหนึ่งในคฤหาสน์อิปาติเยฟ เมืองเอกาเตรินเบิร์ก เขตไซบีเรีย
สําหรับพระนางอเล็กซานดร้า นอกจากโครงกระดูกส่วนหนึ่งที่ทางการขุดค้นขึ้นภายหลังเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นพระนางแล้ว ยังมีปลายนิ้วชี้นิ้วหนึ่งถูกตัดขาดตรงข้อที่ 2 เป็นนิ้วที่มีเล็บและหนังสมบูรณ์ น่าประหลาดแท้ๆ!
พระนางอเล็กซานดร้าทรงเป็นนักบันทึกและนักเขียนจดหมายตัวยง ทรงเริ่มเขียนจดหมายโต้ตอบกับซาร์นิโคลาสตั้งแต่เป็นคู่รักกัน เขียนถึงทุกครั้งที่แยกจากกันเป็นครั้งคราวกับบันทึกอนุทินสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อถูกรัฐบาลเนรเทศไปอยู่ไซบีเรีย พระนางบันทึกไว้จนวันสุดท้ายก่อนจะถูกปลงพระชนม์ไม่กี่ชั่วโมง (16 กรกฎาคม 1917) จดหมายและอนุทินเหล่านั้นเป็นประโยชน์ในเชิงประวัติศาสตร์ไม่น้อย แม้สิ่งที่ทรงเขียนและบันทึกถึงมีข้อความและคําคล้ายการเขียนส่งโทรเลขก็ตามคือเป็นข้อความสั้นๆ และเป็นตัวย่อ แถมมีเครื่องหมายขีดคั่นสั้นยาวเต็มไปหมด
หลังจากพระนางสิ้นพระชนมชีพแล้ว มีผู้พบจดหมายและบันทึกทั้งหมดเหล่านั้น จัดเรียงเรียบร้อยอัดแน่นอยู่ในกระเป๋าหนังสีดํานับได้ 630 ฉบับ แบ่งเป็น 230 ฉบับ เขียนขึ้นในห้วงสงครามรัสเซีย-เยอรมนี ปี 1914 เมื่อซาร์เสด็จไปทัพหน้า อีก 400 ฉบับ เขียนขึ้นในห้วงปี 1914-1916 สําหรับถ้อยคําสํานวนในจดหมายของพระนางถึงพระเจ้าซาร์ มีสีสันโรแมนติคผิดปกติ โรเบิร์ต แมสซี (Robert K. Massie) เจ้าของหนังสือ Nicholas and Alexandra ตั้งข้อสังเกตว่าพระนางน่าจะมีจิตใจปั่นป่วนผิดปกติอยู่ไม่ใช่น้อย
พระนางอเล็กซานดร้ามีศักดิ์เป็นพระเจ้าหลานของพระนางวิคตอเรียแห่งอังกฤษ พระมารดาคือเจ้าหญิงมารี (ราชธิดาองค์ที่ 3 ของพระนางวิคตอเรีย) ทรงสมรสกับแกรนด์ ดยุค หลุยส์แห่งแคว้นดาร์มสตัดท์ เยอรมนี เรียกเธอสั้นๆ ว่าอลิกซ์ (อลิซ ในภาษาอังกฤษ) สายเลือดครึ่งอังกฤษ ครึ่งเยอรมัน แต่ชาวรัสเซียเรียกเธอว่า “หญิงเยอรมัน” โดยมีสําเนียงส่อไปในเชิงลบด้วย
เจ้าหญิงอลิกซ์ทรงพระสิริโฉมน่ารัก มีลักยิ้มข้างหนึ่ง แต่มีเส้นพระเกศาออกไปทางสีแดง-ทอง ซึ่งชาวรัสเซียมีความเชื่อว่าไม่สู้เป็นมงคล ซาร์นิโคลาสถูกต่อต้านอยู่บ้างครั้งแรกที่ทรงติดพันเธอ แต่ทางราชสํานักรัสเซียมิได้ทัดทานอะไรมากนัก พิธีอภิเษกสมรสจึงถูกจัดขึ้นในที่สุดด้วยความเห็นชอบของทั้ง 2 ฝ่าย และพระนางวิกตอเรียในฐานะสมเด็จยาย
เมื่อทรงเป็นราชินีรัสเซีย พระนางอเล็กซานดร้าทรงต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นคริสเตียนออร์โธดอกซ์ เปลี่ยนพระนามเป็นรัสเซียว่าแกรนด์ ดัชเชสส์ อะเล็กซานโดร เฟโดรอฟนา
ในสายตาชาวรัสเซีย (น่าจะเป็นในหมู่พระราชวงศ์และขุนนาง) ค่อนข้างมองอเล็กซานดร้าทางลบ เช่น แต่งตัวเชย งุ่มง่าม เต้นรําลีลา แข็ง สําเนียงฝรั่งเศสแปร่ง (ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ใช้ในราชสํานัก) เป็นคนขี้อาย ขี้ตื่น พระพักตร์บึ้งและหยิ่ง ประสานกับความเป็น “เมียเยอรมัน” อเล็กซานดร้าจึงตกที่นั่งลําบากมากและลําบากมากขึ้นไปอีก เมื่อภาษารัสเซียของเธอเป็นแบบงูๆ ปลาๆ ด้วย เธอจึงค่อนข้างโดดเดี่ยว มีพระสหายสนิทเพียงคนเดียวเท่านั้น คือแอนนา วิรูโบวา ซึ่งแม้จะเป็นลูกสาวขุนนางแต่ก็ไม่ได้เฉลียวฉลาดแยบยลอะไรนัก
บางทีจะเป็นเพราะแอนนานี่ก็ได้ ทําให้พระนางอเล็กซานดร้าได้พบรัสปูติน เรื่องมีอยู่ว่าแอนนาประสบอุบัติเหตุรถไฟตกราง และเธออยู่ในสภาพค่อนข้างแย่มาก ขณะที่พระนางและพระเจ้าซาร์เสด็จมาเยี่ยมแอนนา ถึงเตียงคนไข้ รัสปูตินก็เข้ามาเยี่ยมแอนนาด้วยเช่นกัน (ด้วยรู้จักกันมาก่อน) รัสปูตินใช้วิชาสะกดจิตแอนนาก็สามารถพูดและลุกขึ้นได้โดยพลันเป็นที่อัศจรรย์ เสร็จแล้วรัสปูตินก็ผลุนผลันเดินออกไป เพียงพ้นประตูรัสปูตินก็เกิดอาการเหงื่อท่วมตัวเป็นลมเป็นแล้งลงประหนึ่งว่าได้ใช้พลังทั้งหมดช่วยแอนนาจนดีเหมือนเดิม
ข้อสังเกตก็คือรัสปูตินเล่นละคร แต่ก็คุ้มค่า เพราะได้รับเชิญไปเป็นผู้รักษามกุฎราชกุมารอเล็กซิส ซึ่งกําลังป่วยเป็นเฮโมฟิเลีย (โลหิตไหลไม่หยุด) อยู่ในขณะนั้น และการรักษาโดยสะกดจิตของรัสปูตินได้ผลดีด้วย ทําให้ได้รับการโปรดปรานอย่างเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ดี รัสปูตินเป็นคนชั่วร้าย เขาอาศัยอํานาจของพระนางขจัดกวาดล้างบุคคลที่เกลียดชังและรู้ทันเขา เช่น พระเจ้าอาแกรนด์ ดยุค นิโคลาส ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ เขาใส่ความว่าจะแย่งบัลลังก์มกุฎราชกุมารอเล็กซิส กับใช้อํานาจของพระนางล้มสภาดูมา เพราะมีสมาชิกสภาดูมาบางคนคอยกีดกันเขา
บทบาทร้ายของรัสปูติน เป็นส่วนสําคัญส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้ราชวงศ์โรมานอฟล่มสลาย พระนาง พระสวามี โอรสและธิดาถูกปลงพระชนม์ พร้อมข้าราชบริพารผู้จงรักภักดีอีกส่วนหนึ่งอย่างโหดเหี้ยม!(ซ้าย) แอนนา แอนเดอร์สัน ถ่ายเมื่อ 1920 โดยตำรวจเบอร์ลิน (ขวา) แอนนา แอนเดอร์สัน
ถ่ายเมื่อ 1930 ที่นิวยอร์ก (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม, กุมภาพันธ์ 2549)
จับไต๋ “แอนนา” ผู้อ้างเป็นเจ้าฟ้าหญิง “อนาสตาเซีย” หลังราชวงศ์โรมานอฟแห่งรัสเซียล่มสลายเธอทําให้โลกรู้จักและจดจํา อนาสตาเซีย เจ้าฟ้าหญิงองค์เล็กของราชวงศ์โรมานอฟกว้างขวางยิ่งขึ้น
เธอเป็นหญิงสาวชาวโปแลนด์ มีอาชีพเป็นคนงานในโรงงานแห่งใดแห่งหนึ่ง มีชื่อจริงว่าฟรานซิสก้า
ซานซ์โกสก้า และคงจะเป็นคนรักการอ่านติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองตามสมควร เธอเป็นผู้หนึ่งที่มีความปรารถนาแรงกล้า (wish) ที่จะให้เจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซียมีชีวิตอยู่โดยเธอสวมบทบาทเจ้าฟ้าหญิงเสียเลย และบางทีเธออาจหวังผลประโยชน์อะไรบางอย่าง หรือต้องการจะตายจากชีวิตคนงานหรือกรรมกรที่ยากจนข้นแค้นไปเกิดเป็นเจ้าหญิงในทันทีก็ได้
ไม่มีใครรู้ประวัติแอนนามากนัก รู้แต่ว่าเธอเคยถูกระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 1 ตกใจกลัวถึงขั้นขวัญหนีดีฝ่อ เคยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีประวัติว่าเจ็บป่วยด้วยโรคจิตแต่ประการใด แม้พฤติกรรมบางขณะจะมีแนวโน้มไปทางนั้นก็ตาม
ขณะที่ข่าวของพระราชวงศ์รัสเซียวุ่นวาย หนีตายมายังประเทศตะวันตก มีข่าวที่โผล่มาเพิ่มสีสันอีกข่าวหนึ่ง และแผ่ซ่านไปไกลมากทีเดียว
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1920 (หลังจากราชวงศ์ล่มสลายไปประมาณ 8-9 เดือน) ตํารวจเยอรมันได้ช่วยหญิงสาวผู้หนึ่งที่จะฆ่าตัวตายโดยโดดลงไปในคลองแลนด์เวห์รในเบอร์ลิน แต่เธอผู้นี้ไม่ให้ปากคําใดๆ แก่เจ้าหน้าที่ตํารวจเลย พูดเป็นนัยไว้แต่เพียงว่า “ถ้าคนรู้ว่าดิฉันเป็นใครแล้ว ดิฉันไม่อาจอยู่ที่นี่ได้” ข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมอีกเล็กน้อยคือเธอพูดภาษาเยอรมันได้ไม่ดีเลย เอ็กซเรย์กะโหลกศีรษะมีรอยร้าว ตามเนื้อตัวมีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด เป็นรอยถลอกมากมาย และมีรอยถูกแทงด้วยดาบปลายปืนที่ขาขวา จากสะโพกถึงปลายเท้า รอยแผลเป็นรูปดาว แต่เธอก็มิได้บอกตํารวจเยอรมันว่าแผลเป็นนี้มาจากไหนและจากใคร
เธอเงียบเฉยและแสดงด้วยอาการเศร้าและแสดงอารมณ์ดื้อดึง ตํารวจจึงต้องนําส่งโรงพยาบาลโรคจิต ในนามผู้ป่วยว่า “Miss Unknown” เธอรักษาตัวอยู่ที่นี่ 2 ปีเต็ม และบรรดาพระราชวงศ์รัสเซียที่อพยพมาพํานักในเบอร์ลินฉงนสนเท่ห์กันมาก เมื่อเธอบอกว่าเธอคือเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซีย ที่หลบหนีการฆ่าทารุณมาได้ เธอไม่แคร์ว่าใครจะเชื่อเธอหรือไม่ และไม่ยอมเล่ารายละเอียดการหลบหนีมาได้อย่างไรกับการฆ่าทารุณนั้น ทั้งยังไม่ยอมพูดภาษารัสเซียด้วย ดูราวกับว่าจะกระตุ้นบาดแผลใจของเธอให้ยิ่งเจ็บมากขึ้น จริงๆ แล้วเธอพูดภาษารัสเซียได้
ในที่สุดมีเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงของรัสเซียที่หนีรอดมาได้ได้ซักถามพิสูจน์ ด้วยแต่ละองค์คุ้นเคยกับเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซีย หลายองค์ยอมรับว่าเธอมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าฟ้าหญิง แต่บุคลิกภาพบางส่วนดูแปลกๆ อันอาจเป็นเพราะผ่านเหตุการณ์ที่โหดร้ายมา คําถามในรายละเอียดบางอย่างเธอออกอาการเลอะเลือนหรือลืม
ลอร์ดหลุยส์ เมาต์แบตเตน ผู้เป็นหลานชายของพระนางอเล็กซานดร้า ยอมจ่ายเงินจํานวนมากให้กับหน่วยนิติเวชในลอนดอน เมื่อหน่วยนั้นวิเคราะห์รูปทรงใบหูของทั้ง 2 ฝ่าย ได้ข้อสรุปว่า แอนนา แอนเดอร์สัน คือเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซียแน่นอน!
ฝ่ายของเจ้าหญิงโอลก้า พระขนิษฐาแท้ๆ ของพระเจ้าซาร์ ขณะนั้นลี้ภัยอยู่ในเดนมาร์ก ได้ใช้เวลา 5 วัน อยู่ด้วยกันกับแอนนา และได้ข้อสรุปว่าไม่ใช่ เช่นเดียวกับนางลิลี เดห์น พระสหายสนิทของพระนางอเล็กซานดร้า ใช้เวลา 6 วันพูดคุยถึงสีพรมลวดลายม่านประจําห้องต่างๆ ในพระราชวัง ตลอดจนมุมสวน สรุปว่าแอนนา คืออนาสตาเซียตัวปลอม
ข้อมูลตัวจริงตัวปลอมค่อนข้างก้ำกึ่งกันมาก พอดีได้พบกระดูกของพระราชวงศ์ที่เหมืองร้างห่างจากตัวเมือง 18 กิโลเมตร ในเวลาต่อมาการตรวจสอบไม่พบโครงกระดูกเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซีย ยิ่งทําให้น้ำหนักทางแอนนามีมากขึ้น
อย่างไรก็ดีข้อยุติน่าจะอยู่ที่การพิสูจน์ดีเอ็นเอ ซึ่งของแอนนาไม่ใกล้เคียงกับใครๆ ในหมู่พระญาติใกล้ชิดราชวงศ์โรมานอฟเลย แต่กลับเหมือนกับครอบครัวคนงานในโปแลนด์ครอบครัวหนึ่งที่แจ้งว่าลูกสาวหายสาบสูญไป
พอดีทางรัฐบาลรัสเซียได้ตรวจสอบโครงกระดูกโดยละเอียดอีกครั้ง พบว่าโครงกระดูกที่หายไปเป็นของเจ้าฟ้าหญิงมารี หายไปเพราะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านเกือบหมด ของเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซียยังอยู่
แอนนา แอนเดอร์สัน เสียชีวิตในอเมริกา ที่มาร์ธา เจฟเฟอร์สัน โฮสปิตอล เมื่อปี 1984 เธอจากเยอรมนีไปที่นั่นในความอุปถัมภ์ของบุรุษผู้หนึ่ง-จอห์น อี. มานาฮาน แห่งชาร์ลอตเตอร์วิลล์ เวอร์จิเนีย นักประวัติศาสตร์ผู้เชื่อมั่นแน่นแฟ้นว่า แอนนา แอนเดอร์สัน คือเจ้าฟ้าหญิงอนาสตาเซีย
เป็นที่น่าเสียดายและสงสัยว่ามีสุภาพสตรีอีกผู้หนึ่ง ผู้เป็นพระสหายสนิทอย่างยิ่งของพระนางอเล็กซานดร้า เธอมีบ้านพระราชทานหลังเล็กๆ อยู่ในเขตพระราชฐาน ห่างจากที่ประทับของพระนางเพียง 200 เมตร ห้วงเวลาก่อนหน้านั้นเธอถูกจับกุมจําขังหลายต่อหลายครั้งก่อนลี้ภัยไป ฟินแลนด์ เธอคือแอนนา วิรูโบวา เธอไม่เคยถูกเชิญมาช่วยพิสูจน์ ทําไม?! ที่มา - ศิลปวัฒนธรรม กุมภาพันธ์ 2549, ผู้เขียน - ส.สีมา, เผยแพร่ - วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562