[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 00:22:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระนามอันไพเราะ "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลภาเทวี" สตรีผู้อาภัพรัก  (อ่าน 1018 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5444


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2562 14:24:16 »



นาฏกะกลอนนี้ฉันมีจิต       ขออุทิศแด่มิ่งมารศรี
ผู้เป็นยอดเสน่หาจอมนารี วัลภาเทวีคู่ชีวัน
ขอหล่อนจงรับไมตรีสมาน        เป็นพยานความรักสมัครมั่น    
เหมือนแหวนแทนรักทุษยันต์     แก่จอมขวัญศกุนตลาไซร้
แต่ผิดกันตัวฉันไม่ลืมหล่อน      จนสาครเหือดแห้งไม่แรงไหล
จนตะวันเดือนดับลับโลกไป  จะรักจอดยอดใจจนวันตาย
บทพระราชนิพนธ์ ใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชทาน พระวรกัญญาปทาน  พระองค์เจ้าวัลภาเทวี

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลภาเทวี

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี พระนามเดิม หม่อมเจ้าวรรณวิมล วรวรรณ มีพระนามเรียกกันในหมู่พระญาติว่า ท่านหญิงเตอะ หรือ ท่านหญิงขาว  เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ กับหม่อมอินทร์ วรวรรณ ณ อยุธยา ประสูติเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๓๕  เป็นที่รู้จักในฐานะเป็นอดีตพระคู่หมั้นในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) และได้รับการสถาปนาเป็น พระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี  

เล่ากันว่า ท่านสวยงาม มีสง่าและทันสมัยยิ่งนัก  พระองค์เป็นผู้ริเริ่มการสวมเครื่องประดับที่คาดศีรษะจนเป็นที่นิยมของสตรีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระองค์ได้รับการศึกษาและมีวิถีชีวิตเยี่ยงสตรีสมัยใหม่ ทรงมีความคิดอ่านอิสรเสรี ซึ่งพระบิดา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เป็นผู้ที่มีความสามารถ มีความรู้และความคิดที่กว้างไกลทันสมัย แม้กระทั่งการอบรมเลี้ยงดูพระโอรส-ธิดา ก็ทรงให้ได้รับการศึกษาสมัยใหม่ ไม่เข้มงวดดังการประพฤติปฏิบัติอย่างกุลสตรีโบราณ ทำให้เหล่าพระธิดาในกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์มีความคิดเห็นกว้างขวาง และกล้าที่จะแสดงออกในวัตรปฏิบัติผิดแผกแตกต่างไปสตรีส่วนมากในยุคสมัยนั้น

ในเรื่องนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์ ทรงเล่าไว้ใน เกิดวังปารุสก์ ตอนหนึ่งว่า "... ไม่มีผู้หญิงคนไทยครอบครัวใดที่จะช่างคุยสนุกสนานเท่าองค์หญิงตระกูลวรวรรณ เท่าที่ข้าพเจ้าเคยรู้จักพบมา..."

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะนั้นทรงมีพระชนมายุถึง ๔๐ พรรษา แต่ยังไม่เคยทรงรักใครมาก่อนเลย นับตั้งแต่ทรงเถลิงถวัลย์ราชสมบัติตั้งแต่พระชนมพรรษา ๓๑ พรรษา ก็ยังมิได้ราชาภิเษกสมรสหรือมีฝ่ายในดังพระมหากษัตริย์องค์ก่อนๆ ได้ทรงพบกับหม่อมเจ้าวัลภาเทวีครั้งแรกในงานประกวดภาพเขียนที่พระราชวังพญาไท  ซึ่งนับเป็นงานชุมนุมของพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งผู้ใหญ่และหนุ่มสาว ในงานนี้บรรดาท่านหญิงทั้งหลายของราชสกุลวรวรรณจึงเสด็จมาในงานนี้ด้วยหลายองค์  ซึ่งในเรื่องนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์ ทรงเล่าเกี่ยวกับการพบกันครั้งแรกของทั้งสองพระองค์ในหนังสือ เกิดวังปารุสก์ ความตอนหนึ่งว่า "... ข้าพเจ้าทูลว่า 'ทูลหม่อมลุงครับ ที่ห้องทางโน้นเขาเล่นไพ่บริดจ์กัน' ท่านทรงตอบว่า 'อย่างงั้นหรือ ลุงต้องไปดู บางทีจะไปเล่นกับเขาบ้าง' เมื่อท่านเสด็จไปเล่นจริงๆ ก็เลยไปพบท่านหญิงขาว..." ภายหลังจากนั้นก็ลือกันว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงพบรักครั้งแรกในชีวิตของพระองค์แล้ว

ต่อมาไม่นานนัก ก็มีพระบรมราชโองการประกาศหมั้น พร้อมกับโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระคู่หมั้นขึ้นเป็น “พระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลภาเทวี” โปรดเกล้าฯ ให้พระวรกัญญาปทาน ประทับในพระราชวังสวนจิตรลดา  ขณะที่พระองค์เองทรงประทับอยู่ที่พระราชวังพญาไท ซึ่งอยู่ใกล้กัน ตลอดเวลาที่อยู่ในฐานะพระคู่หมั้น พระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงความรักด้วยการเสด็จเยี่ยมเยือน โปรดเสด็จเสวยของว่างและโทรศัพท์คุยหากัน ทรงรับไปประพาสตามที่ต่างๆ ด้วยรถยนต์พระที่นั่ง ทรงออกงานสังคมร่วมกันอยู่เสมอ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ตรัสเล่าความว่า "...ทูลหม่อมลุงเสด็จเสวยของว่างที่นั่นทุกวัน ข้าพเจ้าก็ไปเฝ้าท่านที่นั่น บางเวลาเมื่อข้าพเจ้านั่งเฝ้าท่านอยู่ที่วังพญาไทเวลาทรงพระอักษร ทูลหม่อมลุงก็ทรงคุยกับคู่หมั้นของท่านโดยโทรศัพท์สังเกตว่าโปรดมาก..."

เพียงปีเดียวยังไม่ทันจะทรงเข้าสู่พิธีราชาภิเษกสมรส ก็กลับมีพระบรมราชโองการให้ถอนหมั้น เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ และโปรดเกล้าฯ ให้ออกพระนามว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลภาเทวี ตอนหนึ่งว่า "...มีความเสียพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาทรงทราบตระหนักแน่ชัดขึ้นว่า การจะไม่เป็นไปโดยเรียบร้อย สมพระราชประสงค์อันดีที่กล่าวมาแล้ว เพราะเหตุที่พระราชอัธยาศัยของพระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวีมิได้ต้องกัน...จึงโปรดให้เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลภาเทวี สืบไป ตัดพระนามว่า ‘พระวรกัญญาปทาน’ ออกเสีย..."  แล้วเชิญเสด็จพระองค์เจ้าวัลภาเทวี เสด็จไปประทับในพระบรมมหาราชวังต่อไป มิให้เสด็จออกมาภายนอก  

เล่ากันว่า พระองค์เจ้าวัลภาเทวี ทรงพบพระเจ้าอยู่หัวครั้งแรก ในขณะมีพระชนมายุถึง ๒๘ ปี ทรงเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว การที่ทรงมีชนมายุสูง มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความคิดที่ล้ำสมัยสตรีไทยในยุคนั้น และมีพระนิสัยค่อนข้าง “แข็ง” จึงไม่เป็นที่สบอารมณ์ของข้าราชบริพารสนิทในพระเจ้าอยู่หัว  และข้อที่สนับสนุนพระนิสัย “แข็ง” ของพระองค์ เห็นได้จากบทความที่ทรงเขียนในเรื่อง ดำริหญิง ตีพิมพ์ในหนังสือดุสิตสมิธรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๓ ความว่า  

"...ความเข้าใจของข้าพเจ้าคิดว่ามนุษย์ทุกคนมีความบกพร่องอยู่ในตัวอย่างที่ไม่รู้จักกันพอ เช่น หญิงชายแรกคบกันคงจะต้องสรรท่าที่ตัวคิดว่าดีออกอวดกัน ต่างคนก็บูชากันว่าเป็นผู้วิเศษในขณะนั้น ความพอใจย่อมมีต่อกันมาก ก็อาจให้สัญญาต่อกันทุกอย่างในความต้องการของฝ่ายใด ครั้นเมื่อคุ้นกันเข้า ความบกพร่องซึ่งเป็นของธรรมดาตามมากน้อยก็ต้องเกิดความรู้กันขึ้นทั้งสองฝ่าย ความนับถือซึ่งกันก็ย่อมซาไป…”

นอกจากนี้ บทความของพระองค์ที่ทรงนิพนธ์ขึ้น ยังแสดงให้เห็นถึงความมั่นพระทัยในบทบาทและความสามารถของสตรี รวมถึงสามารถผลักดันบุรุษให้ทำกิจการต่างๆ ความว่า  

“ข้าพเจ้าผู้หนึ่งเป็นหญิง มีประสงค์จะสนทนาระหว่างเพื่อนหญิงด้วยกันด้วยเรื่อง ‘ผู้หญิงเป็นควาย ผู้ชายเป็นคน’  เสียสักที เพราะความจริงเราก็คนผู้หนึ่ง มิได้ผิดไปจากมนุษย์ธรรมดาไปด้วยประการใดเลย คืออย่างไร? หญิงโดยมากมักจะบูชาว่าชายเป็นมนุษย์ที่วิเศษกว่าตัวเทือกเทวดา ทั้งนี้ก็เพราะในบ้าน โดยมากชายเป็นเจ้าบ้าน มีอำนาจบังคับบัญชากดขี่หญิง การที่ชายได้อำนาจไปมากเช่นนั้น ตามความเข้าใจของข้าพเจ้า คิดว่าคงเป็นเพราะหญิงมิได้ถือหน้าที่ที่ตนควรประพฤติ…”

ในตอนท้ายบทความ ทรงนิพนธ์เน้นถึงบทบาทของผู้หญิงในสมัย ๑๐๐ ปีมาแล้วว่า “ผู้หญิงถ้าไม่มีโอกาสได้ทำประโยชน์ช่วยชาติบ้านเมือง ซึ่งนับว่าเป็นส่วนใหญ่ของเรา แม้แต่ได้กระทำตนให้ถูกต้องตามหน้าที่ในครอบครัว ก็ควรจะพอใจอยู่แล้ว หญิงทำงานได้เท่าชายก็มี เช่น เป็นอาจารย์ หรือนางพยาบาลเหล่านี้ แต่ไม่ใช่ทั่วไป  ส่วนหน้าที่ผู้หญิงแทบทุกคนจะต้องประพฤติอย่างไร ดังที่ข้าพเจ้าอธิบายมาข้างต้น  เมื่อในบ้านมีสุขกันดีอยู่แล้ว เมืองจะทุกข์ไปได้ไฉน ถ้าช่วยกันพร้อมใจ รู้หน้าที่แห่งธรรมชาติของตน อาจเป็นผลแก่ชาติบ้านเมืองได้มากๆ ข้าพเจ้าเห็นว่ามือเบาๆ ของหญิงนี่แหละ อาจลูบหลังชายให้ออกไปต้านศึกได้ง่ายๆ ยิ่งกว่าจะใช้ปืนจ้องให้ต้องกลับหลังหันไป ขอเพื่อนหญิงทุกคนเมื่อได้ดำริ จงอิ่มใจ ช่วยกันคิดเลิกเป็นควาย จะได้ช่วยกันบำรุงชาติบ้านเกิดเมืองมารดรของเราให้เจริญ”  

สำนวนโวหารของพระองค์ บ่งบอกถึงสติปัญญา ความคิดความอ่านของพระองค์ ที่มีพระประสงค์ส่งเสริมให้สตรีมีความเท่าเทียมกับบุรุษ ทรงเห็นว่าสตรีก็มีความสามารถ แต่ก็มีพระประสงค์ให้บุรุษเข้าใจและเคารพสถานภาพของสตรี รู้จักหน้าที่ของบุรุษตามแบบสากล และขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้สตรีรู้จักทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม บทความนิพนธ์ ดำริหญิงดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก กับทั้งยังมีพระวิสัยถือพระองค์จากเหตุการณ์สะบัดมือ
 
เล่ากันว่า ครั้งหนึ่งเมื่อพระวรกัญญาปทานเสด็จมาถึงพระราชวังพญาไท มหาดเล็กคนโปรดในพระเจ้าอยู่หัวได้เข้าไปเพื่อจะรับพระหัตถ์ตามธรรมเนียมตะวันตก แต่พระองค์ไม่ทรงยินยอม ครั้นเมื่อเรื่องไปถึงพระกรรณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็กลายเป็นว่าทรงสะบัดมือ และแสดงพระกิริยาดูถูกมหาดเล็กคนนั้น ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกริ้ว และอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการถอดถอนหมั้น และเป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระพิโรธ และประพันธ์กลอนเชิงบริภาษว่า


อย่าทะนงอวดองค์ว่างามเลิศ      สวยประเสริฐยากที่จะเปรียบได้
อย่าทะนงอวดองค์ว่าวิไล อันสุรางค์นางในยังมากมี
อย่าทะนงอวดองค์ว่าทรงศักดิ์        จะใฝ่รักแต่องค์พระทรงศรี
นั่งรถยนต์โอ่อ่าวางท่าที เป็นผู้ดีแต่ใจไพล่เป็นกา
อย่าดูถูกลูกผู้ชายที่เจียมตน      อย่าดูถูกฝูงชนที่ต่ำกว่า
อย่าทะนงอวดองค์ว่าโสภา อันชายใดฤๅจะกล้ามาง้องอน

แต่ด้วยทรงพระทิฐิมานะ เมื่อมีเหตุทำให้พระองค์ทรงผิดหวัง จึงมิได้ทรงกำสรดโศรกมากมาย พระองค์เจ้าวัลลภาเทวีจึงไม่ทรงทูลขอพระราชทานอภัย ด้วยเหตุนี้ จึงทรงถูกจำขังลงโซ่ตรวนทองคำอยู่ในพระบรมมหาราชวังนับแต่นั้นจนตลอดรัชกาล

ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗) จึงมีพระบรมราชโองการให้ปลดปล่อยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลลภาเทวีออกจากพระบรมมหาราชวัง และพระราชทานวังที่ประทับให้อยู่บริเวณสี่แยกพิชัย ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ พระบิดา ประทานชื่อว่า พระกรุณานิวาสน์ ขณะทรงได้รับการปล่อยออกมานั้น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี มีพระชันษา ๓๓ ปี ทรงประทับอยู่ที่วังพระกรุณานิวาสน์ และสนพระทัยในพระพุทธศาสนาตลอดมา

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลลภาเทวีเข้าประทับรักษาพระองค์ในโรงพยาบาลศิริราชด้วยโรคพระวักกะพิการเป็นเวลา ๖๐ วัน โดยพระองค์ได้สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๔ สิริพระชันษา ๕๘ ปี

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 กุมภาพันธ์ 2562 18:18:42 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
"Lemon Soup" อาสาส่ง"ทุกวัน"เพลงกระตุ้น"รัก"ที่เมื่อรู้สึกแล้วต้อง"บอก"
หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
มดเอ๊ก 0 5136 กระทู้ล่าสุด 03 มิถุนายน 2554 10:29:07
โดย มดเอ๊ก
"สามัญชน" ผู้กลายเป็น "ราชินี" และ "เจ้าหญิง" โชคชะตาที่ฟ้าได้ "ลิขิต" ไว้
สุขใจ จิบกาแฟ
Kimleng 0 8154 กระทู้ล่าสุด 17 ธันวาคม 2557 14:13:59
โดย Kimleng
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 740 กระทู้ล่าสุด 07 กุมภาพันธ์ 2564 18:22:24
โดย ใบบุญ
[ข่าวด่วน] - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงประทานผ้าพระกฐินนำถวายวัดหางแข
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 131 กระทู้ล่าสุด 16 ตุลาคม 2565 20:55:15
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.481 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 17 เมษายน 2567 17:49:23