[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
04 ธันวาคม 2567 06:22:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัทธรรมปุณฑริกสูตร บทที่ 25 ว่าด้วยปุพพโยคกรรมของพระศุภวยูหราชโพธิสัตว์  (อ่าน 3879 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 5.0 Firefox 5.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 27 มิถุนายน 2554 07:56:55 »





พระสูตรสัทธรรมปุณฑรีกะ
วัดโพธิ์แมนคุณาราม
นายชะเอม แก้วคล้าย แปลจากต้นฉบับสันสกฤต
บทที่ 25
ศุภวยูหราชปูรวโยคปริวรรต
ว่าด้วยปุพพโยคกรรมของพระศุภวยูหราชโพธิสัตว์


        ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับคณะของพระโพธิสัตว์ทั้งปวงว่า ดูก่อนกุลบุตร เรื่องเคยมีมาแล้ว ในอดีตอันยาวนานจนนับมิได้ ได้มีมาแล้วหลายกัลป์จนนับไม่ได้ ในกาลสมัยนั้น พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ได้อุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ไม่มีใครยิ่งกว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ไม่มีใครยิ่งกว่าเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม ใน ปริยทรรศนกัลป์ ณ ไวโรจนรัศมิประติมัณฑิตโลกธาตุ ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ในศาสนาของพระตถาคตทรงพระนามว่าพระชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะนั้น ได้มีพระราชาองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าศุภวยูหะ

ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย พระเจ้าศุภวยูหะนั้น ได้มีพระมเหสีองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า วิมลทัตตา ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย พระเจ้าศุภวยูหะนั้น มีพระโอรสสองพระองค์ องค์หนึ่งชื่อว่าวิมลครรภ องค์ที่สองชื่อ วิมลเมตร พระราชบุตรทั้งสองพระองค์นั้นมีฤทธิ์มาก มีปัญญา มีบุญ มีความรู้ เป็นผู้ประกอบด้วยจริยาวัตรของพระโพธิสัตว์ เช่น ประกอบในทานบารมี ศีลบารมี ขันติบารมี วิริยบารมี ฌานบารมี ปัญญาบารมี อุปายโกศลบารมี จนถึงเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขาบารมี ในโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ เป็นผู้เข้าถึงสมาธิทั้งปวง คือวิมลสมาธิ นักษัตรราชาทิตยสมาธิ วิมลนิรภาสสมาธิ วิมลาภาสสมาธิ อลังการศุภสมาธิ  และมหาเตโชครรภสมาธิ ในกาลสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ได้แสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ เพื่ออนุเคราะห์แก่สัตว์เหล่านั้น และเพื่ออนุเคราะห์แก่พระเจ้าศุภวยูหะนั้นด้วย ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น ราชบุตร วิมลครรภ กับราชบุตร วิมลเนตร ได้เสด็จเข้าไปหาพระราชมารดาของตน

ครั้นเข้าไปหาแล้ว ได้ประนมมืออัญชลี กราบทูลพระมารดาว่า ข้าแต่พระแม่เจ้า  ข้าพระองค์ทั้งสองจักไปเข้าเฝ้า นมัสการใกล้ๆ พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ณ ที่ประทับของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ  พระองค์นั้น ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุใด? ข้าแต่พระแม่เจ้า เพราะว่า พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระองค์นี้ จักประกาศธรรมบรรยาย ชื่อสัทธรรมปุณฑรีกสูตรโดยพิสดารต่อหน้าชาวโลก รวมทั้งเทวโลก ข้าพระองค์ทั้งสองจักไปเพื่อฟังธรรมนั้น ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เมื่อพระราชบุตรทั้งสองกล่าวอย่างนั้น พระอัครมเหสีวิมลทัตตา ได้ตรัสกับราชบุตรวิมลครรภและวิมลเนตรว่า ดูก่อนกุลบุตรทั้งสอง ได้ยินว่า พระเจ้าศุภวยูหะ ผู้เป็นบิดาของเจ้าทั้งสองนั้น เลื่อมใสในพราหมณ์ ฉะนั้น เจ้าทั้งสองคงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเฝ้าพระตถาคตนั้น

ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระราชบุตรทั้งสองคือวิมลครรภและวิมลเนตร ได้ประนมมือประคองอัญชลี กราบทูลพระมารดาผู้ให้กำเนิดว่า ข้าพระองค์ทั้งสองประสูติแล้วในตระกูลที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่ข้าพระองค์ทั้งสอง ก็เป็นราชบุตรที่มีคุณธรรม  ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย  ครั้งนั้น พระอัครมเหสีวิมลทัตตา ได้ตรัสกับพระราชบุตรทั้งสองนั้นว่า ดีละ ดีละ กุลบุตรทั้งสอง เจ้าทั้งสอง จงแสดงปฏิหาริย์บางอย่าง เพื่ออนุเคราะห์แก่พระเจ้าศุภวยูหะ ผู้เป็นพระบิดาของเจ้า พระองค์คงมีความเชื่อมั่นในเจ้าทั้งสองบ้าง เมื่อพระองค์เชื่อมั่นแล้ว จะพึงอนุญาตให้พวกเรา ได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระองค์นั้น

        ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ในขณะนั้น พระราชบุตรทั้งสองคือ วิมลครรภและวิมลเนตร ได้เหาะขึ้นไปสู่อากาศสูงประมาณ 8 ชั่วต้นตาล แล้วแสดงยมกปาฏิหาริย์ตามพุทธอนุญาต เพื่อสงเคราะห์แก่พระเจ้าศุภวยูหะ ผู้เป็นพระราชบิดา พระราชบุตรทั้งสองนั้น เมื่อขึ้นไปแล้วได้เตรียมที่ประทับในอากาศนั้น ได้เดินจงกรมในอากาศ ทำให้ฝุ่นตลบขึ้นไปในอากาศแล้ว โปรยสายฝนออกจากส่วนภายใต้ของร่างกาย ในอากาศนั่นเอง ทำให้กลุ่มเพลิงโชติช่วงขึ้นจากส่วนเบื้องล่างของร่างกาย พระราชบุตรทั้งสองนั้น เป็นผู้มีร่างกายสูงใหญ่ แล้วกลายเป็นร่างเล็ก เป็นผู้มีร่างกายเล็ก แล้วกลายเป็นร่างสูงใหญ่ ในอากาศนั่นเอง อันตรธานไปในอากาศ แล้วผุดขึ้นบนพื้นดิน ครั้นผุดขึ้นบนพื้นดินแล้ว ก็ไปผุดขึ้นในอากาศอีก ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย พระราชบุตรทั้งสองนั้น ได้ชักนำพระเจ้าศุภวยูหะ พระราชบิดาของตน ด้วยฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหล่านี้

        ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ในขณะนั้น เมื่อพระเจ้าศุภวยูหะ ทรงเห็นฤทธิ์ปาฏิหาริย์นั้นของราชบุตรทั้งสองแล้ว ทรงยินดี ปลาบปลื้มใจสูงสุด ปราโมทย์ เกิดปีติโสมนัส ประนมมือประคองอัญชลี ตรัสกับราชบุตรทั้งสองนั้นว่า ดูก่อนราชบุตรทั้งสอง ใครเป็นครูของเจ้าทั้งสอง หรือเจ้าทั้งสอง เป็นศิษย์ของใคร?  ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระราชบุตรทั้งสองนั้น ได้กราบทูลพระเจ้าศุภวยูหะนั้นว่า ข้าแต่มหาราช พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะพระองค์นั้น ผู้เข้าไปสู่อาสนะแห่งธรรม ย่อมประทับอยู่ ย่อมดำรงอยู่ และจะดำรงอยู่ต่อไป ที่โคนรัตนโพธิพฤกษ์ พระองค์จักประกาศธรรมบรรยาย สัทธรรมปุณฑรีกสูตร โดยพิสดาร ต่อหน้าชาวโลกและเทวโลก พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นคือครูของข้าพระองค์ทั้งสอง ข้าแต่มหาราช ข้าพระองค์ทั้งสอง เป็นศิษย์ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะนั้น ได้ตรัสกับราชบุตรทั้งสองนั้นว่า ดูก่อนกุลบุตรทั้งสอง เราทั้งหลายจักเฝ้าพระศาสดาพระองค์นั้นของเจ้าทั้งสองด้วย เราทั้งหลายจักไปสู่ที่ประทับของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น

        ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น ราชบุตรทั้งสองพระองค์นั้น ได้ลงจากอากาศ เข้าไปหาพระชนนีผู้เป็นพระมารดาของตน ครั้นเข้าไปหาแล้ว ประนมมือประคองอัญชลี กราบทูลพระชนนี ผู้เป็นมารดาของตนว่า ข้าแต่พระแม่เจ้า ข้าพระองค์ทั้งสอง ได้แนะนำพระบิดาไห้ตั้งอยู่ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ข้าพระองค์ทั้งสอง ชื่อว่าได้กระทำกิจที่ควรแนะนำแก่พระบิดาแล้ว พระแม่เจ้าจึงควรไปพบพระองค์ในบัดนี้ ข้าพระองค์ทั้งสองจักไปสู่ที่ประทับของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น

        ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ขณะนั้น พระราชบุตรวิมลครรภและวิมลเนตร ได้กล่าวกับพระชนนี ผู้เป็นพระมารดาของบพระองค์ด้วยสองคาถาว่า

1      ข้าแต่พระมารดา ขอพระองค์จงอนุญาตการบรรพาเป็นอนาคาริก แก่ข้าพระองค์ทั้งสอง ข้าพระองค์ทั้งสอง จักบรรพชาอุปสมบท เพราะพระตถาคตนั้นเป็นผู้ที่พบได้ยากยิ่ง

2      พระชินเจ้านั้น เป็นผู้ทีพบได้ยากยิ่งกว่าการพบต้นมะเดื่อที่มีดอก ข้าพระองค์ทั้งสองจักสละแล้วไปบวช เพราะการถึงพร้อมด้วยโอกาสอย่างนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง

        พระมเหสีวิมลทัตตา ตรัสว่า

3      ดูก่อนราชบุตรทั้งสอง เราอนุญาต ดีละ ท่านทั้งสองจงไปในวันนี้ แม้เราเองก็จักบวช เพราะพระตถาคตนั้น เป็นผู้ที่พบได้ยากยิ่ง

        ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระราชโอรสทั้งสอง เมื่อได้กล่าวคาถาเหล่านี้แล้ว ได้กราบทูลพระมารดาพระบิดาว่า ข้าแต่พระมารดาพระบิดา ดีละ ท่านทั้งหลาย จงไปเราทุกคนควรไปสู่ที่ประทับของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะนั้นด้วยการ  เราทั้งหลายจักเข้าไปพบ นมัสการเฝ้าพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เพื่อฟังธรรม ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุไร? ข้าแต่พระมารดาพระบิดา เพราะการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้านั้น เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง เช่นเดียวกับการแสวงหาดอกมะเดื่อ และการเข้าไปสู่คอเต่าอันเป็นช่องแคบในกลียุคของมหาสมุทร ข้าแต่พระมารดา พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ข้าแต่พระมารดาพระบิดา เพราะฉะนั้น เราทั้งหลาย เป็นผู้มีบุญอย่างยิ่ง ที่มาเกิดในศาสนาเช่นนี้ ข้าแต่พระมารดาพระบิดา ดีละ ขอพระองค์ทั้งสอง จงอนุญาตการอุปสมบทนั้นข้าพระองค์ทั้งสองจักไป ข้าพระองค์ทั้งสอง จักอุปสมบท ในที่ประทับของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระองค์นั้นข้าแต่พระมารดาพระบิดา เพราะว่า การได้พบพระตถาคตทั้งหลาย เป็นสิ่งที่ได้โดยยากยิ่ง กาลที่เป็นเช่นในวันนี้ เป็นสิ่งที่ได้โดยยากยิ่ง พระธรรมราชา ที่เป็นเช่นนี้ก็ก็หาได้ยากยิ่ง การถึงพร้อมด้วยโอกาสเช่นนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากที่สุด

        ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย สมัยนั้น นางสนมจำนวน 84,000 คน ภายในวังของพระเจ้าศุภวยูหะ ได้เป็นฐาน (ภาชนะ) รองรับธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนั้น ราชบุตรวิมลเนตร ได้เป็นผู้ประพฤติในธรรมบรรยายนี้ ส่วนราชบุตรวิมลครรภ ได้เป็นผู้ประพฤติในสรรวสัตวปาปชหนสมาธิ ตลอดหลายร้อยพันหมื่นโกฏิกัลป์ ด้วยคิดว่า สัตว์ทั้งปวงจะพึงละบาปทั้งปวงได้อย่างไร พระมเหสีวิลทัตตา พระมารดาของพระราชกุมารทั้งสองนั้น ประสงค์จะสนทนากับพระพุทธเจ้าทั้งปวง ถึงฐานะการปฏิบัติธรรมจากพระพุทธเจ้าทั้งปวง ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย พระราชบุตรทั้งสอง ได้นำพระเจ้าศุภวยูหะ พระสหาย พระญาติ และชนบริวารของพระองค์ทั้งปวงเข้าสู่ศาสนาของพระตถาคต ก็พระมเหสีวิมลทัตตานั้น พร้อมกับชนผู้เป็นบริวารของพระองค์ทั้งปวง และพระโอรสทั้งสองนั้น ซึ่งเป็นราชบุตรของพระเจ้าศุภวยูหะ ร่วมกับสัตว์ทั้งหลาย จำนวน 42,000 คน พร้อมกับนางสนมในวัง อำมาตย์ รวมกันทั้งหมด เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะนั้น ครั้นเข้าไปแล้ว ได้ถวายอภิวาทพระบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า กระทำประทักษินพระผู้มีพระภาค 3 ครั้ง แล้วยืนอยู่ในที่สมควรข้างหนึ่ง

        ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ทรงทราบว่า พระเจ้าศุภวยูหะ พร้อมบริวารมาเฝ้า ทรงให้พบ ให้เกิดศรัทธา ให้เกิดความยินดี ปราโมทย์ด้วยธรรมกถา ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงทำให้พระเจ้าศุภวยูหะ เป็นสัมมาทิฏฐิ ยินดี เกิดศรัทธา อุตสาหะ ปราโมทย์ด้วยธรรมกถานั้น ในขณะนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ผู้ยินดีแล้วเกิดปีติโสมนัส ทรงสวมมงกุฎแก่พระอนุชา แต่งตั้งไว้ในราชสมบัติ พร้อมกับราชบุตรและชนผู้เป็นบริวารของพระองค์ พระมเหสีวิมลทัตตา และคณะสตรีที่เป็นบริวารราชบุตรทั้งสองพร้อมกับหมู่สัตว์ จำนวน 42,000 คนทั้งหมดพร้อมใจกันละบ้านเรือน บวชเป็นอนาคาริกด้วยศรัทธาในศาสนาของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระองค์นั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ครั้นอุปสมบทแล้วพร้อมกับบริวาร ได้ประกอบความเพียร นำไปสู่การพิจารณา เจริญภาวนา ท่องบ่นตลอดเวลา 42,000ปี ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ได้บรรลุสมาธิชื่อ สรรวคุณาลังการวยูหะ โดยกาลล่วงไปถึง 84,000 ปี พร้อมกับการได้สมาธินั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ได้เหาะขึ้นไปในอากาศ สูงประมาณ 7 ชั่วต้นตาล


        ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ผู้ยืนอยู่ในอากาศ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระองค์นั้นว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระราชบุตรทั้งสองนี้ คือครูของข้าพเจ้า เพราะข้าพระองค์ ถูกราชบุตรทั้งสองนี้ ชักนำออกจากมิจฉาทิฏฐินั้น ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ ของเธอทั้งสองให้ดำรงอยู่ในศาสนาของพระตถาคต พร้อมกับญาติ มิตร เตือนให้มาพบพระตถาคต ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ราชบุตรทั้งสองเป็นกัลยาณมิตร ที่ประสูติในราชวังของข้าพระองค์ ในรูปของพระโอรส แต่เป็นผู้เตือนข้อความการระลึกถึงกุศลมูลในอดีตให้(ข้าพระองค์)

        เมื่อพระเจ้าศุภวยูหะตรัสอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ได้ตรัสกับพระเจ้าศุภวยูหะนั้นว่า "เป็นเช่นนั้น มหาราช เป็นอย่างที่พระองค์ตรัส ดูก่อนมหาราช ความเป็นกัลยณมิตร ของกุลบุตร กุลธิดา ผู้มีกุศลมูลสะสมไว้แล้ว ผู้บังเกิดในคติภพ และบังเกิดในสถานที่อาศัยทั้งปวง ย่อมเป็นสิ่งที่หาได้ง่าย เป็นสิ่งที่ครูได้ทำให้มั่นคงแล้ว เป็นการสอน อบรม และเตรียมพร้อมแล้วในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ดูก่อนมหาราช ท่านจงดู พระราชบุตรทั้งสองพระองค์นี้ พระเจ้าศุภวยูหะตรัสว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ได้เห็นแล้ว ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์ได้เห็นแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ดูก่อนมหาราช ได้ยินว่า พระราชบุตรทั้งสองนี้ ได้กระทำการบูชาในสำนัก พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีจำนวนเท่ากับเมล็ดทรายใน 65 แม่น้ำคงคา ราชบุตรทั้งสองจะเป็นผู้รักษาธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ เพื่ออนุเคราะห์แก่สัตว์ทั้งหลาย และเพื่อประโยชน์ที่ก่อให้เกิดความเพียรในสัมมาทิฏฐิของสัตว์ทั้งหลาย ผู้มีความเห็นผิด

        ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ได้ลงจากท้องฟ้า ประนมมือประคองอัญชลี กราบทูลพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนั้น เป็นการดียิ่ง ขอพระตถาคตจงชี้แจงว่า พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกอบด้วยความรู้เช่นไร เหตุใดมงกุฎบนพระเศียร จึงส่องประกาย พระผู้มีพระภาค มีพระเนตรปราศจากมลทิน พระโลมาระหว่างคิ้ว (อูรณาโกศ) ย่อมส่องประกาย ราวกับแสงอันเรืองรองของพระจันทร์และสังข์ แถวพระทนต์เรียบสนิท ไม่มีช่องว่าง ส่องประกาย พระผู้มีพระภาคมีพระโอษฐ์ ดุจรูปพระปฏิมา พระสุคตมีพระเนตรที่งดงามยิ่ง

        ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ได้สรรเสริญพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ด้วยคุณทั้งหลายเหล่านี้ และได้สรรเสริญพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ด้วยคุณเหล่าอื่นอีกร้อยพันหมื่นโกฏิ ในขณะนั้นได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง คำสอนของพระตถาคต มีประโยชน์มากมายถึงเพียงนี้ พระธรรมวินัยที่พระตถาคตทรงแสดงนั้นมีคุณค่าที่ไม่สามารถคิดคำนวณได้ การศึกษาตามพระตถาคต ย่อมได้รับความรู้ดียิ่ง ข้าแต่พระผู้มีพระภาค โดยที่สุดในวันนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลาย ส่วนมากจะไม่ตกไปสู่อำนาจของจิต จะไม่ตกไปสู่อำนาจของมิจฉาทิฏฐิ จะไม่ตกไปสู่อำนาจของความโกรธ และจะไม่ตกไปสู่อำนาจของอกุศลที่เกิดขึ้นในจิต ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ได้มีกุศลธรรมเหล่านี้ จึงไม่ปรารถนาจะก้าวสู่ภูมิของพระผู้มีพระภาค พระราชาพระองค์นั้น ได้ถวายอภิวาทพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า แล้วเข้าไปสู่อวกาศ ได้ยืนอยู่อย่างนั้น

        ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะกับพระนางวิมลทัตตาอัครมเหสี ได้โยนมุกดาหาร มูลค่าร้อยพัน ขึ้นไปในอากาศ แต่พระผู้มีพระภาค มุกดาหารที่โยนไปในอากาศ เพื่อคล้องพระเศียรของพระผู้มีพระภาคนั้น ได้กลายเป็นกูฏาคารมุกดาหารตั้งอยู่ มี 4 เสา 4 มุม ถูกแบ่งเป็นส่วนเท่ากัน น่าชมยิ่งนัก บนกูฏคารนั้น มีที่ประทับ ซึ่งตกแต่งด้วยผ้าหลายร้อยพันชิ้น บนที่ประทับนั้น ปรากฏเป็นรูปของพระตถาคต ประทับนั่งขัดสมาธิ พระเจ้าศุภวยูหะเกิดความคิดว่า พุทธญาณนี้มีอานุภาพมาก พระตถาคตประกอบด้วยคุณที่ไม่อาจคำนวณได้ รูปของพระตถาคตไปปรากฏอยู่ท่ามกลางกูฏคาร น่าเลื่อมใส น่าชมยิ่งนัก เป็นบ่อเกิดแห่งสี ที่งดงามอย่างยิ่ง

                 

       ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ตรัสกับบริษัททั้ง 4 ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย ย่อมเห็นพระเจ้าศุภวยูหะ ผู้ยืนอยู่ในอากาศ กำลังบันลือสุรสีหนาทแล้วหรือ? ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลายได้เห็นแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าศุภวยูหะนี้ ครั้นได้อุปสมบทในศาสนาของเราแล้ว จักได้เป็น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ในโลกทรงพระนามว่า ศาเลนทรราช เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ไม่มีใครยิ่งกว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ไม่มีใครยิ่งกว่าเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม ในวิสตีรณวดีโลกธาตุ กัลป์นั้นมีชื่อว่า อภยุทคตราช

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศาเลนทรราช นั้น มีหมู่พระโพธิสัตว์ ที่ประมาณมิได้ มีหมู่พระสาวกที่ประมาณมิได้ วิสตีรณวติโลกธาตุนั้น จะเสมอเรียบดุจฝ่ามือ และประดับด้วยไพฑูรย์ พระองค์ (ศุภวยูหะ) จักเป็น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ใครๆ คิดไม่ถึงด้วยประการอย่างนี้ ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ความสงสัย ความเข้าใจผิด ความไม่แน่ใจ อาจจะทีแก่ท่านทั้งหลายว่า กาลสมัยนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ เป็นคนอื่นหรือ? ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลายท่านทั้งหลาย ไม่ควรคิดเห็นอย่างนั้น ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุไร? เพราะพระเจ้าศุภวยูหะ ในกาลสมัยนั้น คือ พระปัทมศรีโพธิสัตว์มหาสัตว์ นี้เอง ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ความสงสัย ความเข้าใจผิด หรือความไม่แน่ใจ พึงมีอยู่แก่ท่านทั้งหลายว่า พระอัครมเหสีวิมลทัตตา ในกาลสมัยนั้น เป็นบุคคลอื่นหรือ? ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านทั้งหลายไม่ควรคิดเห็นอย่างนั้น ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุไร? 

เพราะพระอัครมเหสีวิมลทัตตา ในกาลสมัยนั้น ก็คือ พระไวโรจนรัศมีประมัณฑิตธวัชราชโพธิสัตว์มหาสัตว์  นี้เอง เพื่ออนุเคราะห์ต่อพระเจ้าศุภวยูหะ และต่อสัตว์เหล่านั้น พระโพธิสัตว์ไวโรจนรัศมีประมัณฑิตธวัชราช จึงเข้าถึงความเป็นพระมเหสีของพระเจ้าศุภวยูหะ ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านอาจมีความสงสัย ความเข้าใจผิด และความไม่แน่ใจว่า ในกาลสมัยนั้น พระราชบุตรทั้งสอง เป็นบุคคลอื่นหรือ? ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านทั้งหลายไม่ควรคิดเห็นอย่างนั้น ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุใด? เพราะ พระราชบุตรทั้งสองนั้น คือ พระไภษัชยราช กับพระไภษัชยสมุทคต โดยกาลสมัยนั้น ได้เป็นโอรสของพระเจ้าศุภวยูหะ ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ไภษัชยราบ กับไภษัชยสมุทคต เป็นผู้ประกอบด้วยคุณ ที่ไม่สามารถคิดคำนวณได้ ได้สร้างกุศลมูลไว้ในหลายร้อยพันหมื่นโกฏิพุทธกาล ชนเหล่าใด จักท่อจำพระนามของสัตบุรุษทั้งอสงพระองค์นี้ ชนเหล่านั้นทั้งหมดเป็นผู้ที่ชาวโลกและเทวโลก พึงกระทำความนอบน้อม

        ได้ยินว่า เมื่อพระผู้มีพระภาค ทรงแสดงปูรวโยคปริวรรตนี้อยู่นั้น สัตว์จำนวน 84,000 คน ได้มีธรรมจักษุ ที่ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน และบริสุทธิ์ในธรรมทั้งหลาย

บทที่ 25 ศุภวยูหราชปูรวโยคปริวรรต ว่าด้วย ปุพพโยคกรรมของพระศุภวยูหราชโพธิสัตว์
ในธรรมบรรยาย ศรีสัทธรรมปุณฑรีกสูตร
มีเพียงเท่านี้



http://www.mahayana.in.th/tmayana/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81/สัทธรรมปุณทรีกะบท24-25-26-27.htm

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น: พระสูตร ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ ตรวจสอบ นายชะเอม แก้วคล้าย แปล  
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.532 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 26 ตุลาคม 2567 10:26:22