[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 เมษายน 2567 18:04:16 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อสัมปทานชาดก  (อ่าน 1339 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5458


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 20 มีนาคม 2563 18:07:01 »



จิตรกรรมฝาผนัง วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ

อสัมปทานชาดก
อสมฺปทาเนนิตรีตรสฺสาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ ฯ

-----------------------------

พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับ ณ พระวิหารเวฬุวัน ทรงพระปรารภพระเทวทัต ตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อสมฺปทาเนนิตรีตรสฺส ดังนี้

มีเรื่องย่อๆ ว่า ในกาลนั้นพวกภิกษุพากันตั้งเรื่องสนทนาในธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย เทวทัตเป็นคนอกตัญญู ไม่รู้คุณของพระตถาคต พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อพวกภิกษุกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้นที่เทวทัตเป็นผู้อกตัญญู แม้ในครั้งก่อน ก็เป็นคนอกตัญญูเหมือนกัน แล้วทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้


อตีเต มคธรฏฺเฐ ราชคเห เอกสฺมึ มคธรญฺเญ รชฺชํ กาเรนฺเต


ในอดีตกาลครั้งพระราชามคธพระองค์หนึ่งเสวยราชสมบัติ ณ พระนครราชคฤห์ ในแควนมคธ พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเป็นเศรษฐีของพระราชาพระองค์นั้น มีสมบัติ ๘๐ โกฏิ ชื่อว่าสังขเศรษฐี ในพระนครพาราณสี มีเศรษฐีมีสมบัติ ๘๐ โกฏิ ชื่อปิลิยเศรษฐี ทั้งสองเป็นสหายกัน ในเศรษฐีทั้งสองนั้น ปิลิยเศรษฐีในพระนครพาราณสี กระทำการงานอย่างหนึ่งเกิดภัยอย่างใหญ่หลวง สิ้นเนื้อประดาตัว ถึงเป็นคนขัดสนไร้ที่พำนัก ชวนภรรยาออกจากพระนครพาราณสี มุ่งไปอาศัยสังขเศรษฐี เดินทางไปสู่พระนครราชคฤห์ด้วยเท้าเท่านั้น จนกระทั่งถึงบ้านของสังขเศรษฐี ท่านสังขเศรษฐีเห็นเข้าแล้ว กล่าวว่า เพื่อนเรามาแล้ว รับรองแข็งแรง ด้วยความเคารพนับถือ ให้พักอยู่สองสามวัน วันหนึ่งจึงถามว่า เพื่อนเอ๋ย ท่านมาด้วยต้องการอะไร ปิลิยเศรษฐีตอบว่า เพื่อนเอ๋ย ภัยบังเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าถึงสิ้นเนื้อประดาตัว ช่วยอุดหนุนข้าพเจ้าด้วยเถิด ฝ่ายท่านสังขเศรษฐีกล่าวว่า ดีละเพื่อนเอ๋ย ท่านอย่าเสียใจเลย แล้วให้เปิดคลัง แบ่งเงินให้ ๔๐ โกฏิ แล้วยังแบ่งครึ่งสวิญญาณกทรัพย์และอวิญญาณกทรัพย์ที่เป็นของของตนทุกอย่างที่เป็นบริวารตามกำหนดให้ครึ่งหนึ่งทั้งนั้นเลย  ปิลิยเศรษฐีนั้นขนสมบัตินั้นกลับไปพระนครพาราณสีตั้งหลักฐานได้

อยู่มาไม่ช้าไม่นาน ภัยทำนองนั้นแหละ ก็เกิดแก่ท่านสังขเศรษฐีบ้าง ใคร่ครวญถึงที่พำนักของตน ได้คิดว่า เราได้อุปการะอันใหญ่หลวงไว้แก่สหาย แบ่งสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง เขาเห็นเราแล้วคงไม่ทอดทิ้ง เราต้องไปหาเขา ชวนภรรยาเดินเท้าไปสู่พระนครพาราณสีถึงแล้วจึงบอกภรรยาว่า นางผู้เจริญ เธอจะเดินไปตามท้องถนนกับพี่ดูไม่ควรเลย เธอคอยขึ้นยานที่พี่ส่งมารับไปกับบริวารมากทีหลัง จงคอยอยู่ที่นี่จนกว่าพี่จะส่งยานมารับทีเดียวนะ แล้วให้นางพักที่ศาลา ตนเองเข้าสู่พระนคร ไปสู่เรือนเศรษฐี ให้คนแจ้งให้ทราบว่า สหายของท่านชื่อสังขเศรษฐีมาจากพระนครราชคฤห์  ปิลิยเศรษฐีให้คนไปเชิญมา ครั้นเห็นท่านแล้ว ก็มิได้ลุกจากที่นั่ง มิได้กระทำปฏิสันถารเลย เอ่ยถามทีเดียวว่า ท่านมาทำไม สังขเศรษฐีตอบว่า ข้าพเจ้ามาเพื่อพบท่าน ถามว่า ได้ที่พักที่ไหนล่ะ ตอบว่า ที่พักของข้าพเจ้ายังไม่มีดอก ข้าพเจ้าให้แม่บ้านหยุดคอยที่ศาลาแล้วมาก่อน ปิลิยเศรษฐีกล่าวว่า ที่พักของท่าน ณ ที่นี้ไม่มี ท่านจงรับอาหารไปให้เขาหุงต้มกิน ณ ที่แห่งหนึ่งแล้วพากันไปเถิด อย่ามาพบเราอีกเลยนะ พลางสั่งทาสว่า เจ้าจงตวงข้าวลีบตุมพะหนึ่งห่อชายผ้าสหายของเราให้ไปเถิด ได้ยินว่าวันนั้นปิลิยเศรษฐีให้คนฝัดข้าวสาลีสีแดงไว้ประมาณพันเกวียนขึ้นยุ้งไว้เต็ม ทั้งที่ได้รับทรัพย์ ๔๐ โกฏิมา ยังอกตัญญู เป็นมหาโจรบอกให้ให้ข้าวลีบตุมพะเดียวแก่เพื่อนได้ ทาษตวงข้าวลีบตุมพะหนึ่งใส่กระเช้าแล้วไปหาพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์คิดว่า ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ ได้ทรัพย์ ๔๐ โกฏิจากสำนักของเรา บัดนี้สั่งให้ให้ข้าวลีบตุมพะหนึ่ง เราจะรับหรือไม่รับดีหนอ  ครั้นแล้วมีปริวิตกว่าผู้นี้มีอกตัญญูประทุษร้ายมิตร ทำลายมิตรภาพระหว่างเราเสีย ด้วยความที่เป็นคนตัดรอนอุปการะที่เราทำไว้ ถ้าเราจักไม่รับข้าวลีบตุมพะหนึ่งที่เขาให้ เพราะเป็นของเลวเล่าไซร้ ก็จักต้องทำลายมิตรภาพ พวกอันธพาลที่ไม่ยอมรับสิ่งที่ตนได้เล็กน้อยย่อมยังมิตรภาพให้สลายเสีย แต่เรารับข้าวลีบที่เขาให้ จักยังดำรงมิตรภาพไว้ได้ด้วยอำนาจของเรา แล้วท่านก็ห่อข้าวลีบตุมพะหนึ่งที่ชายผ้าลงจากปราสาทไปสู่ศาลา  ครั้นภรรยาถามว่า ท่านเจ้าข้า ท่านได้สิ่งไรมาเล่า ตอบว่าปิลิยเศรษฐี สหายของเราให้ข้าวลีบตุมพะหนึ่ง แล้วสลัดเราเสียในวันนี้เลยทีเดียว นางกล่าวว่า ท่านเจ้าข้า ท่านรับมาทำไม มันสมควรแก่ทรัพย์ ๔๐ โกฏิละหรือ แล้วเริ่มร้องไห้  พระโพธิสัตว์กล่าวว่า นางผู้เจริญเธออย่าร้องไห้เลย พี่เกรงจะแตกมิตรกับเขาเสีย จึงรับมาเพื่อดำรงมิตรภาพไว้ด้วยอำนาจของพี่ เธอร้องไห้ทำไมกัน แล้วกล่าวคาถานี้ว่า


อสมฺปทาเนนิตรีตรสฺส
พาลสฺส มิตฺตานิ กลี ภวนฺติ
ตสฺมา หรามิ ภุสํ อฑฺฒมานํ
มา เม มิตฺติ ภิชฺชิตฺถ สสฺสตายํ

แปลว่า ไมตรีของคนพาล ย่อมเป็นกลีได้ด้วยการไม่ยอมรับสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เหตุนั้นพี่จึงหอบหิ้วข้าวลีบกึ่งมานะมา เราอย่าทำลายไมตรีเสียเลย ไมตรีนี้ยังยั่งยืนเถิด ฯ

มีอรรถาธิบายว่า ไมตรีของคนโง่ๆ ไร้ปัญญา ย่อมชื่อว่าเป็นกลี คือเป็นเช่นกับตัวกาฬกรรณีกันได้  หมาความว่า ย่อมทำลายได้ด้วยการที่ไม่ยอมรับมอบคือไม่ยอมรับเอาสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ แม้จะเป็นของเลวหรือไม่เลว เพราะเหตุนั้นพี่จึงหอบหิ้วคือยอมรับข้าวลีบตุมพะหนึ่ง (มานะหนึ่ง ๘ ทะนาน กึ่งมานะ ๔ ทะนาน ตุมพะหนึ่ง ๔ ทะนาน) ที่สหายเขาให้ ไมตรีของเรากับสหายอย่าแตกกันเสียเลย ไมตรีนี้จงยั่งยืนต่อไปเถิด ฯ

ก็เมื่อท่านกล่าวอย่างนี้ ภรรยาคงร้องไห้อยู่นั่นเอง ขณะนั้นทาสทำการงานที่ท่านสังขเศรษฐีให้แก่ปิยเศรษฐี ผ่านมาทางประตูศาลาได้ยินเสียงภรรยาท่านเศรษฐีร้องไห้คร่ำครวญ พลางถามว่า ข้าแต่นาย ท่านพากันมาที่นี่ทำไม ท่านเศรษฐีก็เล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด ทาสทำงานนั้นจึงปลอบท่านทั้งสองว่า ข้าแต่นาย ท่านอย่าพากันเสียใจเลยแล้วพาไปเรือนของตนให้อาบน้ำหอมให้บริโภคอาหาร เรียกพวกทาสประชุมกันบอกให้แจ้งว่า นายของพวกท่านมาแล้ว รออยู่สองสามวันก็พาทาษทั้งหมดไปสู่ท้องพระลานหลวง ร้องอุประกาศขึ้น พระราชารับสั่งให้เรียกมาตรัสถามว่า นี่เรื่องอะไรกัน ทาสเหล่านั้นพากันกราบทูลเรื่องทั้งหมดนั้นแด่พระราชา พระราชาทรงสดับคำของพวกนั้นแล้วรับสั่งให้เรียกเศรษฐีทั้งสองมาเฝ้า ตรัสถามท่านสังขเศรษฐีว่า มหาเศรษฐี ได้ยินว่าท่านให้ทรัพย์ ๔๐ โกฏิ แก่ปิยเศรษฐี จริงหรือ ท่านกราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช มิใช่แต่ทรัพย์อย่างเดียวเท่านั้นที่ข้าพระองค์ให้แก่สหายผู้นึกถึงข้าพระองค์ แล้วมาสู่พระนครราชคฤห์ ข้าพระองค์แบ่งสวิญญาณกและอวิญญาณกที่เป็นสมบัติทุกอย่างเป็นสองส่วน แล้วให้เท่ากัน  พระราชาตรัสถามปิลิยเศรษฐีว่า ข้อนั้นจริงหรือ กราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ  ตรัสถามต่อไปว่า ก็เมื่อเขานึกถึงท่านมาหาถึงนี่แล้ว ท่านยังจะได้กระทำสักการะสัมมานะอะไรบ้างเล่า เขานิ่งเสีย รับสั่งถามต่อไปว่า ยังอีกข้อหนึ่งเล่า เจ้าได้ให้ทาษตวงข้าวลีบตุมพะหนึ่งใส้ชายผ้าให้แก่เขาไป ยังจะจริงหรือ  แม้เขาจะฟังเรื่องนั้นก็คงนิ่งอึ้ง  พระราชาตรัสปรึกษากับมวลอำมาตย์ว่า ควรทำอย่างไร แล้วตรัสบริภาษเขาว่า พากันไปเถิด เอาสมบัติในเรือนของปิยเศรษฐีให้แก่สังขเศรษฐีเถิด  พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ข้าพระองค์ไม่ต้องการของผู้อื่นเลย  ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานส่วนที่ข้าพระองค์ให้เขาเท่านั้นเถิด  พระราชาโปรดพระราชทานสิ่งของของพระโพธิสัตว์  พระโพธิสัตว์ได้คืนสมบัติที่ตนให้ทั้งหมดแล้ว แวดล้อมด้วยทาสไปสู่พระนครราชคฤห์ ตั้งหลักฐานได้แล้ว ทำบุญมีให้ทานเป็นต้น แล้วไปตามยถากรรม

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า ปิลิยเศรษฐีในครั้งนั้น ได้มาเป็นเทวทัต  ส่วนสังขเศรษฐี ได้มาเป็นเราแล ฯ


จบอสัมปทานชาดก  

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.331 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 19 กุมภาพันธ์ 2567 20:15:52