[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 17:32:01 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฝึกกสิณ ๑๐ ให้ใช้เพื่อละโทสะและปฏิฆะ ตลอดจนกระทั่งกามราคะ - พระครูวิลาศกาญจนธรรม  (อ่าน 2498 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 2097


【ツ】ต้นไม้แห่งแสง

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 81.0.4044.129 Chrome 81.0.4044.129


หน้ากู
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2563 13:43:56 »

ฝึกกสิณ ๑๐ ให้ใช้เพื่อละโทสะและปฏิฆะ ตลอดจนกระทั่งกามราคะ



โยมที่ถามปัญหาเมื่อเช้านี้เป็นเศรษฐีที่ใช้เงินไม่เป็น เขาบอกว่าเขาฝึกกสิณ ๑๐ จนครบแล้ว จะทำอย่างไรต่อไป ?
มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ? หลวงพ่อวัดท่าซุงสั่งให้ฝึกเพื่อที่จะใช้ในการละโทสะและปฏิฆะ ตลอดจนกระทั่งกามราคะ แต่ใช้ไม่เป็น

อาตมาก็เลยไปนึกถึงสมัยหลวงปู่ปานท่านไปหาหลวงปู่พริ้งที่วัดบางปะกอก ลูกศิษย์บอกว่า หลวงปู่ปานบอกกับใคร ๆ ว่า
หลวงปู่พริ้งเป็นอาจารย์ แต่ไม่เห็นท่านมาฝึกวิชาอะไรกับหลวงปู่พริ้งเลย หลวงปู่พริ้งท่านบอกว่า
"เขาไม่เหมือนพวกแกนี่ เขามาแค่คืนเดียว" แค่มาเรียนรู้วิธีใช้เงิน

พอเห็นโยมเมื่อเช้าแล้วก็ชื่นใจอยู่อย่างว่า คนที่ฝึกปฏิบัติธรรมแบบเอาจริงเอาจังยังมีอยู่ แต่ขณะเดียวกันส่วนหนึ่งที่น่ากลัวคือ
โยมทรงฌานอยู่ตลอดเวลา การทรงฌานใช้งานอยู่ตลอดเวลา จะเกิดผลอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือ
สภาพจิตปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง บางคนจะเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว

อาตมาเคยมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่งเป็นผู้หญิง ไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษีเกือบปี ฝึกทรงฌานในลักษณะอย่างนี้ พอฝึกไปเสร็จแล้ว
เขาก็หลุดปากออกมาว่า “หลวงพ่อ...คนเป็นพระอรหันต์ไม่เห็นจะต้องตายอย่างที่หลวงปู่ฤๅษีบอกเลย” เขามั่นใจว่าเขาเป็นแน่นอน
กิเลสไม่เกิดเป็นปีเลย ท้ายสุดด้วยความมั่นใจของเขาก็ขอลาไป ตอนนี้ไปเลี้ยงลูกเป็นโขยง ทั้ง ๆ ที่คิดว่าตัวเองบรรลุแล้ว..!

ประการที่ ๒ ก็คือ ถ้าเผลอสติหลุดจากฌานเมื่อไร คราวนี้ปางตายเลย กิเลสจะมาฟ้าถล่มดินทลาย เหมือนอย่างกับเขาจ้องตลอดเวลา
ว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหน แล้วจะโจมตีตรงนั้น อาตมาเองเคยเกือบตายมาหลายรอบแล้ว ไปกราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่า
"ข้าก็เคยเป็น ข้าทรงสมาบัติ ๘ คล่องตัวชนิดเข้าเมื่อไรก็ได้ตามที่ต้องการ ข้าก็คิดว่าแน่ มีอยู่วันหนึ่งหลุดออกมาเหลือแค่อุปจารสมาธิตอนไหนก็ไม่รู้ ?"

ท่านบอกว่าเกือบตาย รัก โลภ โกรธ หลง กระหน่ำมาทุกทิศทุกทาง ท่านบอกว่า "แกลองคิดดูว่า บ้านมีเสา ๘ ต้น อยู่ ๆ เสาก็พังไป ๗ ต้นครึ่ง
เหลืออยู่แค่ครึ่งต้น แล้วจะค้ำบ้านอยู่ไหม ?

เพราะฉะนั้น...อาตมาก็ยังเป็นห่วงโยมเขาอยู่ ลักษณะของผู้ทรงฌาน คนรอบข้างไม่เข้าใจอาจจะเป็นโทษกับเขาได้ด้วย
เพราะว่าจะไปพูดจาล่วงเกินอะไรเขาได้ เพื่อนฝูงเคยชวนกินเหล้าเมายาอยู่เป็นปกติก็ไม่ไปกับเขา

ถ้ายิ่งมีครอบครัวยิ่งลำบาก สมมติว่ามีภรรยา ภรรยามีความต้องการทางเพศตามปกติ แต่สามีตายด้านชั่วคราวไปทีหนึ่งหลาย ๆ เดือน
เดี๋ยวก็ได้บ้านแตกสาแหรกขาด

เรื่องของทางโลกกับทางธรรมจริง ๆ แล้ว เราต้องพยายามระมัดระวังไม่ให้โลกช้ำธรรมเสีย ยกเว้นบุคคลประเภทหนึ่ง
คือมาสายพุทธภูมิแต่เดิม ท่านทั้งหลายเหล่านี้กำลังใจเกินคน ส่วนที่ท่านคิดว่าพอดี มักจะเกินกว่าที่ชาวบ้านเขารับได้
จึงมักจะกลายเป็นโลกช้ำไป

ใครถอดเทปช่วงเมื่อเช้าลองฟังเสียงเขาดู ลักษณะของบุคคลทรงฌานจะเป็นอย่างนั้น มีอารมณ์เดียวตลอด ไม่รับอะไรเลย
ถามปัญหาแค่ ๒ ข้อ

ไปนึกถึงตัวอาตมาเองอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงมาทั้งหมด ๑๘ ปี เคยถามแค่ ๔ ครั้ง เพราะว่าในเรื่องของการปฏิบัติ
ถ้าเราทำจริง ๆ จะได้คำตอบเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปถามครูบาอาจารย์ เพียงแต่ว่าที่ไปถามเพราะว่าเป็นช่วงของการเปลี่ยนอารมณ์
การก้าวข้ามอะไรสักอย่าง ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าไปถูกทางหรือเปล่า ? ก็ต้องไปกราบเรียนถามหลวงพ่อเพื่อขอความมั่นใจ

เมื่อเช้านี้เขาก็ถามแค่ ๒ ข้อ คือสงสัยว่าที่ตัวเองทำมาผิดพลาดหรือถูกต้อง และจะไปต่ออย่างไร

ลักษณะอย่างนั้นถึงเวลาจำเป็นแล้ว หลวงปู่ หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ หรือพระท่านจะใช้งาน ไม่อย่างนั้นแล้วท่านไม่สั่งให้ฝึกขนาดนั้นหรอก
แบบเดียวกับที่สั่งเน้นพวกอาตมาให้ฝึกอภิญญาโดยเฉพาะ ท่านบอกว่ากาลต่อไปข้างหน้า บุคคลที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ
จะจ้วงจาบพระพุทธศาสนามาก ถึงขนาดกล่าวหาว่าอภิญญาสมาบัติเป็นของหลอกลวงกัน เพื่อยกย่องศาสดาของตน

ท่านบอกว่า ถึงวาระนั้นแล้วพวกแกจะต้องไปแสดงให้เขาดูว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีจริง ก็กราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า
"ก็พระพุทธเจ้าท่านห้ามไม่ให้ภิกษุสามเณรแสดงฤทธิ์แสดงอภิญญา แล้วพวกผมจะแสดงได้หรือ ?"
 หลวงพ่อท่านบอกว่า "ถึงเวลาแล้วพระท่านจะสั่งเอง"

ก็ได้แต่หวังว่าท่านจะไม่สั่ง เพราะว่ายังทำอะไรไม่ค่อยเป็น ถึงเวลาสั่งแล้วเดี๋ยวไปเหมือนกับโยมเมื่อเช้า มีสตางค์เต็มกระเป๋าแต่ใช้ไม่เป็น
แล้วที่ตลกมากก็คือ หลังจากที่มีโยมถามปัญหาขั้นประถมของเขา เลยไปเจอระดับปริญญาเข้าให้ โยมเขาบอกว่าขออนุญาตถามปัญหาระดับประถม
ก็เลยบอกว่า “เออ...ถึงระดับประถมแล้วหรือ ? ที่เจอมาอนุบาลล้วน ๆ” เพิ่งจะพูดจบไม่นานเจอระดับปริญญาเลย..!



พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ณ บ้านเติมบุญ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

เราช่วยกันนำต้นรักที่เพาะได้
   ส่งไปตาม บ้านที่ต้องการ
       อยากจะได้...
   หรืออยากจะเติม
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.367 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 15 มีนาคม 2567 16:15:47