[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 21:57:44 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าสยองขวัญ เหตุระทึก ในมหา'ลัย  (อ่าน 2234 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 23 ธันวาคม 2552 00:46:25 »

  เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเองเลยในช่วงที่เรียนมหา'ลัย   มันเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4 ปีก่อนครับ  ตอนนั้นผมเรียนอยู่ที่มหา'ลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ต่างจังหวัด  แต่ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯ หรอกนะครับ  บรรยากาศที่นั่นก็ดูร่มรื่นดีมากเพราะเป็นป่าซะเป็นส่วนใหญ่  อากาศเลยค่อนข้างสะอาดบริสุทธิ์มากในตอนเช้าๆ  ขนาดว่าผมเป็นภูมิแพ้เวลาอยู่บ้านมักจะจามหรือไออยู่เรื่อย  แต่ตอนอยู่ที่นั่นเรียกได้ว่าผมแทบจะไม่ป่วยอะไรเลย  เย็นๆ หนุ่มสาวนักศึกษาที่เป็นแฟนกันก็จะมานั่งกินลมชมวิวเป็นแบบกึ่งๆ ปิคนิคกันตามริมทะเลสาบ  หรือบ่อน้ำที่ร่มรื่น  ชวนให้ผ่อนคลายสมอง  แต่เมื่ออาทิตย์ตกความเงียบและมืดมิดชวนวังเวงก็คลอบคลุมบรรยากาศรอบๆ มหา'ลัยในทันที  ยิ่งตอนผมเข้ามาใหม่ๆ ล่ะยิ่งเงียบเหงาชวนให้เสียวสันหลังเวลาค่ำคืนยิ่งนัก  แต่ด้วยความที่หอใน(มหาลัย)ห้องหนึ่งอยู่กันตั้ง 6 คนจึงช่วยบรรเทาความรู้สึกเหล่านั้นไปได้  

    ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมอยู่ปี 3 เทอม 1  ในเวลานั้นมหาลัยกำลังต้องการรับนักศึกษาปี 1 เพิ่ม (ทั้งๆ ที่จริงๆ ปีนึงก็รับมาอยู่แล้ว) เลยเร่งสร้างผลงานโดยการปรับปรุงทัศนวิสัยตรงโน้นตรงนี้  และสร้างตึกอะไรต่อมิอะไรเพิ่ม   ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือตึกคอมของคณะผมที่มีแผนกันว่าจะสร้างตรงพื้นที่ว่างข้ามตึกของคณะที่ผมใช้เรียนอยู่ในตอนนั้น   พื้นที่ตรงนั้นแต่เดิมในสายตาของผมก็เป็นแค่ป่าที่มีการทำถนนไว้เป็นเส้นเล็กๆ สำหรับเป็นทางลัดจากหอพักในไปสู่คณะครับ (ผมใช้เส้นทางนี้บ่อยถึงบ่อยมาก)  ดังนั้นเมื่อพื้นที่ตรงนี้ต้องนำมาใช้ในการก่อสร้างมันก็ถูกปิดล้อมรั้วไปอย่างแน่นหนาก็เป็นอันว่าทางลัดนี้ห้ามใช้ไปอีกพักหนึ่งครับ  แต่หลังจากที่มีการเริ่มก่อสร้างไปได้ประมาณสิบกว่าวันก็มีข่าวว่ารุ่นน้องปี 1 ของผมในคณะเดียวกันประสบอุบัติเหตุโดยมอเตอร์ไซค์ที่เค้าขี่ไปอัดเข้ากับสิบล้อที่สี่แยกหน้ามหา'ลัย  คนขี่เสียชีวิตทันที  ในฐานะรุ่นพี่พวกเราก็ไปร่วมงานศพกันพร้อมด้วยคณาอาจารย์  ตอนนั้นในสายตาของผมคิดว่าเป็นอุบัติเหตุธรรมดาๆ เพราะหน้ามหาลัยจะมีร้านข้าวอร่อยๆ   รวมทั้งผับและสถานบันเทิงอื่นๆ ด้วยจึงเป็นเรื่องปกติที่นักศึกษาส่วนใหญ่ชอบขี่รถออกไป  แล้วมันก็เป็นไปได้ว่าน้องเค้าอาจจะโชคร้ายที่ต้องมาประสบอุบัติเหตุนี้  ไม่นานข่าวเรื่องนี้ก็เริ่มเงียบลงแต่มันก็เป็นไปได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเพราะเดือนต่อมาก็มีเรื่องอีกเมื่อรุ่นน้องของผมที่อยู่ปี 2 ขี่มอเตอร์ไซค์แล้วเสียหลักหลุดโค้งแล้วชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางอย่างแรง  คนขับอาการโคม่าแล้วไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล  หลักฐานคือต้นไม้ที่อยู่ข้างทางออกมหาลัยต้นนั้นที่เห็นได้ชัดว่าโดนชนซะเปลือกไม้แตกกระจายพร้อมด้วยคราบเลือดแถวๆ นั้น  เนื่องจากรุ่นน้องคนนี้เป็นคนที่ผมคุ้นหน้า  และเป็นสายรหัสของเพื่อนผมด้วย  มันเลยทำให้ผมสลดใจอย่างบอกไม่ถูกและอดสงสัยไม่ได้ว่าเด็กคณะเราอีกแล้วเหรอที่เสียชีวิต   ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่คิดถึงเรื่องนี้เพราะคนอื่นๆ ในมหา'ลัยก็เริ่มมีการจับกลุ่มกันพูดคุยและวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้กันอย่างแพร่หลาย  

    แต่ยังไม่ทันได้ข้อสรุปอะไรเพิ่มเติมต้นเดือนต่อมาก็มีการเสียชีวิตของคนในคณะอีก  เรื่องนี้ผมไม่ทราบรายละเอียดชัดเจนแต่เพื่อนผมที่อ้างว่าสนิทกับยามตรงประตูทางออกหลังมหาลัยเล่าว่า   ทุกๆ เช้ามืดลูกจ้างฝ่ายธุรการของคณะผมคนหนึ่งจะมาส่งแฟนขึ้นรถไปทำงาน  วันนั้นก็เป็นเหมือนทุกวันขณะที่เค้ามามองดูแฟนก้าวขึ้นรถแล้วก็จ้องดูรถแล่นออกไปนั้น  ก็มีรถมอเตอร์ไซค์ของคนละแวกนั้นพุ่งเข้าชนเค้าจากด้านหลัง  ตามปากคำของยามก็คือชนแรงมากจนลูกจ้างคนนั้นกระเด็นสูงขึ้นจากพื้นต่อหน้าต่อตายามที่นั่งอยู่ในป้อมเลย  รายละเอียดเพิ่มเติมจากนั้นทางมหาลัยพยายามปิดข่าวอย่างสุดฤทธิ์แต่สิ่งที่ไม่สามารถปิดได้คือคราบเลือดรอยใหญ่ชวนสยองตรงแถวประตูนั้น  เรื่องนี้เรียกได้ว่าทำให้เด็กคณะผมเริ่มออกอาการแปลกๆ กันไปหมด  ข่าวลือมากมายเริ่มแพร่สะพัดไปทั่วและหนึ่งในนั้นเป็นสิ่งที่หลายๆ คนค่อนข้างพูดตรงกัน "ที่ตรงนั้นที่จะสร้างตึกคอมน่ะ  มันเป็นป่าช้าเก่านะ  คนเก่าคนแก่ของที่นี่เค้าก็พูดกันแต่คณบดีเรา  ไม่ยอมฟัง  ไม่ยอมทำพิธีอะไรเลย"  นอกจากนี้ก็มีประมาณว่ามีใครซักคนที่เป็นผู้ใหญ่ในคณะฝันว่ามีผู้หญิงชุดไทยมาบอกว่า " มึงสร้างตึกทับที่กู  กูจะเอาชีวิตคนรอบตัวมึงไปอยู่กับกู"    แม้ผมจะเป็นคนที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า "พื้นดินทุกที่ที่เรายืนอยู่ปัจจุบันมันก็อาจจะเป็นที่ฝังศพของใครๆ ก็ได้ทั้งนั้นแหละวะ"  เพราะฉะนั้นผมเลยอดไม่ได้ที่จะพูดกับเพื่อนที่เล่าข่าวลือนี้ว่า "ใต้ดินที่นายยืนอยู่เนี่ย  ก็ต้องมีใครบางคนถูกฝังอยู่แหละ  อย่าไปเชื่อเลยเวลามีใครมาบอกว่าตรงโน้นตรงนี้เป็นป่าช้าอะไรพวกนั้นน่ะ  เราคนนึงล่ะไม่เชื่อ"  

   ผมจำได้ว่าตอนเย็นของวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันหยุด  ผมไปนั่งเล่น internet ที่ตึกที่มี wireless ฟรีซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆหอพัก  แต่ด้วยภายในตัวตึกเป็นห้องกิจกรรมที่กำลังใช้รับน้องปี 1 ของคณะศึกษาศาสตร์ อยู่  ผมจึงนั่งเล่นที่ม้าหินด้านนอกข้างๆ ต้นไม้ใหญ่ที่เก่าแก่จนแทบจะกลายเป็นส่วนเดียวกับตึกไปแล้ว  แต่เล่นไปได้ไม่ทันไรท้องฟ้าโปร่งของวันนั้นก็มืดครึ้มลงอย่างรวดเร็วจนเหมือนเป็นเวลากลางคืน  ลมกรรโชกแรงมากๆ  ตัวผมตอนนั้นกำลังนั่งโหลดหนังอยู่เลยไม่อยากปิดเครื่องถึงแม้ลมจะหอบเอาใบไม้แถวนั้นพัดมาอย่างแรงแต่ผมก็เอากระเป๋าโน้ตบุ๊คบังเครื่องไว้ไม่ให้เศษไม้หรือเศษดินเลอะเครื่องแล้วก็ยังคงนั่งเล่นอยู่ที่เดิมในขณะที่หลายๆ คนที่นั่งอยู่ก่อนเริ่มลุกเก็บข้าวของกลับหอไปแล้ว  ขณะนั้นเองก็มีผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาไม่คุ้นชะโงกหน้าออกมาจากห้องกิจกรรมที่ค่อนข้างมืดเพราะดูเหมือนว่าไฟจะดับไปแล้ว  เธอบอกผมว่า "เข้ามาหลบในนี้ก่อนก็ได้นะ"  (ผมเดาว่าเป็นพวกปี 3 หรือปี 4 ที่กำลังร่วมกิจกรรมรับน้องอยู่ในห้องกิจกรรมนั้น  เพราะปี 1 จะต้องใส่ชุดนิสิตส่วนคนนี้เค้าใส่ชุดเสื้อวอร์มสีดำ)  "อ๋อ  ไม่เป็นไรครับ  ผมจะไปแล้ว" ผมตอบอย่างดื้อดึงเพราะขี้เกียจจะมานั่งโหลดใหม่    "น่าเข้ามาเถอะนะ  ลมแรงจะตายอยู่แล้ว"  ในที่สุดผมเลยตัดสินใจยกโน้ตบุ๊คขึ้นโดยไม่ได้ปิดเครื่องแล้วเดินเข้าไปในห้องกิจกรรม  ทันทีที่ผมก้าวเข้าห้องกิจกรรมก็มีเสียงดังโครม!!! ที่บริเวณม้าหินที่ผมนั่งอยู่เมื่อสักครู่นี้   พอผมมองออกไปก็เห็นว่ากิ่งไม้ขนาดใหญ่มากหล่นลงมาบนม้าหินจนเก้าอี้ที่ผมนั่งตะกี้บิ่นไปเลยครับ  ตอนนั้นผมตกใจมากจนโน้ตบุ๊คเกือบหล่นจากมือเพราะนึกในใจว่าถ้าผมไม่ลุกมาเมื่อกี้ผมจะเป็นยังไงเนี่ย  บอกตรงๆ ว่าอยู่มหาลัยมา 2 ปีไม่เจอพายุแรงขนาดนี้มาก่อนเลย  ในใจก็คิดว่าต้องขอบคุณคนที่เรียกให้ผมเข้ามา  แต่ทั้งที่ผมจำหน้าเค้าได้  พอผมจะขอบคุณเค้า  ผมกลับมองหาเค้าไม่เจอเลยทั้งที่พวกปี 3 - 4 ในห้องก็ไม่ได้มีเยอะ  สักพักฝนก็ตกอย่างหนัก  ผมเลยอาศัยห้องนั้นหลบฝนและเก็บเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนฟังทันทีที่มีโอกาส  ผมก็เลยได้ฟังข่าวลืออีกเรื่องจากเพื่อนเป็นการแลกเปลี่ยนว่า  รถคณบดีคณะผมก็มีกิ่งไม้ใหญ่ตกลงไปใส่จนหลังคาบุบเลยโชคดีที่ไม่มีคนอยู่  ตอนนั้นเองผมเลยฉุกคิดถึงเรื่องที่ผมพูดแนวๆ ลบหลู่เรื่องป่าช้าที่เพื่อนผมเล่าขึ้นมาได้  ผมเลยยกมือขึ้นไหว้ขอขมาสิ่งที่ผมพูดไป  

    นอกจากเรื่องที่ผมเจอในเย็นวันนั้นและข่าวลือเกี่ยวกับรถคณบดีแล้ว  วันรุ่งขึ้นผมยังได้ทราบว่ามีเรื่องเกิดขึ้นในห้องของรุ่นน้องปี 2 ที่ตายไปด้วย  โดยรูมเมทเค้าเล่าให้เพื่อนผมที่เป็นสายรหัสของรุ่นน้องที่ตายไปคนนี้ฟังว่า   เมื่อวานเค้าหลับอยู่ในห้องคนเดียวเพราะเมทคนอื่นกลับบ้านกันหมด  พอตื่นขึ้นก็เห็นว่าฝนตกหนักมากห้องก็มืดไปหมด  จะเดินไปเปิดไฟก็ต้องอาศัยคลำๆ ทางไปจากเป็นคนไม่กลัวแต่พอเจออย่างนี้ก็อดจินตนาการถึงเพื่อนที่ล่วงลับไม่ได้  ยิ่งพอคลำไปถึงสวิทซ์แล้วพยายามเปิดเท่าไหร่ไฟก็ไม่ติดเพราะว่าตอนนั้นไฟมันดับทั้งมหาลัยเลยก็ว่าได้   ใจก็ยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ  เลยรีบตรงเข้าไปหาประตูและเปิดออกเพื่อให้แสงจากข้างนอกส่องเข้ามาให้พอไล่ความกลัวไปได้บ้าง  ได้ผลครับแสงข้างนอกส่องเข้ามาพอให้เห็นอะไรๆ ภายในห้องได้บ้าง  น้องคนนี้เค้าเลยคิดว่าจะเดินไปที่โต๊ะหยิบกระเป๋าตังและมือถือมาเพราะกะจะไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่ห้องอื่น  พอจังหวะหมุนตัวไปที่โต๊ะเท่านั้นเองเค้าก็เห็นผู้ชายอีกคนนั่งหันหลังก้มหน้าอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะนั้น  ตอนนั้นน้องเค้าก็ตกใจสุดขีดจนแทบจะร้องแหกปากแต่ก็เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่คอ  น้ำตาไหลพราก  เมื่อไม่รู้จะทำยังไงเค้าก็เลยพยายามหันหลังให้กับภาพที่เห็นและเดินจากมาอย่างยากเย็นโดยที่ไม่ได้ปิดประตูห้องเลยด้วยซ้ำ   วันรุ่งขึ้นน้องคนนี้เค้าป่วยเลยครับถึงขนาดต้องเรียกรถพยาบาลของทางมหาลัยไปส่งตัวที่ร.พ.ใกล้ๆ   เรื่องนี้เลยไปถึงหูอาจารย์หลายๆ ท่านและคงจะถึงหูคณบดีด้วย

    ไม่กี่วันจากนั้นช่วงประมาณบ่ายๆ ผมก็ได้ยินข่าวจากแฟนผมว่าวันนี้จะมีการเชิญพระและพราหมณ์มาทำพิธีที่ตึกคอมซึ่งตอนนี้สร้างไปได้พอสมควรแล้ว  ผมก็เลยนึกอนุโมทนาสาธุว่าก็ดีเหมือนกัน  เรื่องร้ายๆ จะได้จบไปซะที  และคิดว่าพิธีก็คงจะไม่มีอะไรมากนอกจากโยงสายสิญจน์รอบตึกแล้วก็คงสวดมนต์  เจิมประตู  สาดน้ำมนตร์  อะไรพวกนี้  ผมก็เลยทำอะไรต่างๆ เหมือนปกติ   พวกอาจารย์เองก็ไม่ได้พูดถึงพิธีเลยซักนิดก็เลยยิ่งทำให้ผมคิดว่าคงจะไม่มีอะไรหรอกวันนี้  แต่พอตอนหัวค่ำผมขี่รถมาพาแฟนผมไปขี่รถเล่นในมหา'ลัยซึ่งผมทำเป็นปกติแทบทุกวันที่ว่าง  ก็ปรากฎว่ายามที่หน้าหอหญิงซึ่งคุ้นเคยกันดีเค้าก็ทักขึ้นมาว่า
"วันนี้อย่าไปไหนเลยนะน้อง"  
ผมได้ฟังก็เลยงงและถามแกไปว่า "ทำไมล่ะพี่"  
"วันนี้เค้าทำพิธีกันน้อง  มันอาจจะไม่ดี...."
ผมได้ฟังก็ยิ่งงงว่ามันจะเกี่ยวอะไรกันขนาดนั้นเลยเหรอ  ผมเลยถามว่า "แรงขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ไม่รู้สิ  พี่ก็ว่าจะแอบๆดูหน่อย  เห็นอาจารย์เค้าบอกไว้ว่าถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นก็ให้อยู่หอกันนะคืนนี้"
อึ้งเลยครับ  ได้แต่คิดในใจว่า "ขนาดนั้นเลยเหรอวะ"  แต่ก็ไม่กล้าขัดครับ  ก็พอดีแฟนลงมาจากหอ  ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเธอก็บอกผมแบบเดียวกับยามเลย  ผมก็เลยเออออไปด้วย  ที่สำคัญเธอกำชับกับผมด้วยว่า "พอเข้าห้องให้หันหัวรองเท้าออกนะ  แล้วถ้าไม่มีอะไรก็อยู่ในห้องไว้นะ"  ผมถามเธอว่าใครบอกให้ทำอย่างงี้  เธอก็บอกเพียงแค่ว่า "เค้าบอกต่อๆ กันมา"     คงจะจริงอย่างเธอว่าเพราะผมก็เห็นว่ายามหญิงที่คุยกับผมตะกี้ก็พยายามบอกนิสิตชายคนอื่นๆ ที่มารับสาวๆ    รวมถึงนิสิตหญิงที่กำลังจะขี่รถผ่านป้อมยามแบบเดียวกับที่บอกผม

    ผมเดาว่าหลายคนคงจะทราบข่าวนี้แล้วเพราะรถหรือผู้คนที่มาเดินบนถนนตอนนี้มีไม่เยอะเหมือนเวลาปกติ  ผมกลับมาห้องและพบว่ารองเท้าของรูมเมททุกคนในห้องผมถูกวางหันหัวออกเรียบร้อยแล้วทุกคู่  ไม่เว้นรองเท้าผ้าใบเน่าๆ ของผมที่ไม่ได้ใส่นานแล้วด้วย  พอเข้าห้องไปพวกเค้าก็ทักว่าถอดรองเท้าแล้ววางแบบพวกเค้ารึยัง  ตอนนี้รูมเมทของผมบางคนก็กำลังกระจายข่าวนี้ไปให้คนอื่นๆ ด้วย  ทำให้ผมอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้านี่เป็นการอำกันก็คงเป็นการอำที่หลอกลวงคนได้เยอะแยะจริงๆ  แต่ทุกๆ คนก็ไม่ได้สีหน้าล้อเล่นอะไรแต่อย่างใด  ออกจะเครียดๆด้วยซ้ำ     ต้องยอมรับจริงๆ ว่าบรรยากาศมันทำให้คนเปลี่ยนทัศนคติไปได้เหมือนกัน  เพราะว่าถ้าเกิดผมไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ตรงนี้ผมคงจะหาว่าคนที่ทำหรือที่เชื่ออะไรแบบนี้ค่อนข้างงมงาย  แต่ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ผมเองก็คงต้องยอมรับเหมือนกันว่าผมกลัว   คืนนั้นผ่านไปด้วยใจที่ลุ้นระทึก  ผมนอนหลับๆ ตื่นๆ  บางครั้งก็ได้ยินเสียงก่อกๆ แก่กๆ นิดหน่อย  ที่ประตูบ้าง  หน้าต่างบ้าง  ก็ได้แต่บอกตัวเองว่าเรากำลังกลัวและกำลังมองหาสิ่งผิดปกติต่างๆ เอามาหลอนตัวเอง  เพราะถ้าเป็นสภาวะปกติเราอาจจะไม่ได้สนใจเสียงเหล่านี้ด้วยซ้ำ  จนสุดท้ายรุ่งเช้าก็มาถึง

    ผมตื่นมาแบบงัวเงีย  และรีบอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนเช่นเดียวกันเมทคนอื่นด้วยความกระหายใคร่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง  ซึ่งเพื่อนที่คณะของผมก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง  "ว่ากันว่าเมื่อวานเค้าเชิญวิญญาณกันเว้ย  เพื่อที่จะทำพิธีสวดส่งวิญญาณน่ะ  เห็นมีคนบอกด้วยนะเว้ยว่ามีรุ่นน้องเราที่ตายไปด้วยอ่ะ  เหมือนว่าญาติเค้าไม่ได้มาเชิญวิญญาณเค้าไปจากที่เกิดเหตุแหละ  น้องเค้าเลยกลับมาที่คณะเรา  พวกพราหมณ์เค้าบอกด้วยนะเว้ยว่าที่นี่อ่ะแรง"  นี่คือสิ่งที่ผมได้ยินจากเพื่อนๆ  แล้วมันก็ค่อนข้างจะตรงกับยามหน้าหอหญิงที่เค้าบอกว่าจะไปแอบดู  หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ  นิสิตก็มีเสียชีวิตกันบ้างแต่ไม่ถี่และไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับคณะผมคณะเดียวเหมือนแต่ก่อน   ผมเองไม่ทราบว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นจริงรึเปล่า  แต่ผมกล้าบอกได้ว่าเรื่องที่ผมเล่ามานั้นเป็นเรื่องที่ผมได้รับรู้มาจริงๆ  เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมนั้นก็เป็นเรื่องจริง   การเสียชีวิตเกิดขึ้นจริงๆ  การสร้างตึกมีขึ้นจริงๆ  การทำพิธีโดยเชิญพราหมณ์หรือพระมานั้นเป็นเรื่องจริง  ความกลัวและความเชื่อที่เกิดขึ้นในคืนวันทำพิธีของคนในมหาลัยหลายๆ คนก็เป็นเรื่องจริง  แต่ข่าวลือทั้งหลายที่ผมทราบ   ผมไม่อาจจะไปพิสูจน์ถึงข้อเท็จจริงกับใครได้  แต่ยังไงผมก็อยากจะจดจำเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ว่านี่คือ เหตุระทึกในมหา'ลัย ที่ครั้งนึงในชีวิตมันเกิดขึ้นกับผม

   ปล. หลังจากที่เกิดเรื่องนี้เพื่อนผมมันไปดูหมอ  แล้วหมอดูก็ทักว่าที่ๆ เรียนอยู่สร้างทับป่าช้านะ คือมันไม่ใช่แค่เฉพาะจุดที่สร้างตึกคอมอย่างที่พวกเราเข้าใจในทีแรก   ซึ่งก็ตรงกับการบอกเล่าของลุงที่มาประกอบอาชีพหลังเกษียณอยู่ในมหาลัยมาช้านาน (ลุงคนนี้แกเชื่อได้เพราะแกเป็นผู้พิพากษามาก่อน  ถ้าใครรู้จักจะเชื่อว่ามาดอย่างแกไม่ได้เป็นคนชอบพูดเล่นหรอก)



 ตาย น้ำตาเล็ด ตาย น้ำตาเล็ด ตาย


ที่มา: ShockFM

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.48 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มีนาคม 2567 03:53:02