[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 02:34:44 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วัดพระธาตุดอยคำ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่  (อ่าน 1242 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 16 มิถุนายน 2563 13:48:24 »






วัดพระธาตุดอยคำ
ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

วัดพระธาตุดอยคำ ตั้งอยู่บนยอดดอยม่อนเล็กๆ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ ๒๐๐ เมตร อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมืองเชียงใหม่ ในพื้นที่ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ เป็นวัดเก่าแก่สร้างในปี พ.ศ.๑๒๓๐ ตรงกับรัชสมัยพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งหริภุญชัย โดยเจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศ ๒ พระโอรสแฝดของพระนางจามเทวี ได้ขึ้นมาก่อเจดีย์ครอบพระสถูปเกศานั้นไว้ เมื่อปี พ.ศ.๑๒๓๐ เดิมชื่อวัดสุวรรณบรรพต แต่ชาวบ้านเรียกว่าวัดดอยคำ

วัดพระธาตุดอยคำกลายเป็นวัดร้างมายาวนาน เมื่อราวปี พ.ศ.๒๕๐๙ วัดดอยคำกรุแตก ชาวบ้านพบโบราณวัตถุหลายชิ้น เช่น พระรอดหลวง พระหินทรายปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ (เนื้อดิน) เป็นต้น ซึ่งนำมาประดิษฐานไว้ ณ วัดพระธาตุดอยคำ



พระเจ้าทันใจ หรือ หลวงพ่อทันใจ ประดิษฐานอยู่ในวัดพระธาตุดอยคำ ตามประวัติสร้างขึ้นในรัชสมัยพญากือนา หรือพญาธรรมิกราช
พระมหากษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์มังราย ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.๑๘๙๘-๑๙๒๘ หลวงพ่อทันใจแห่งวัดพระธาตุดอยคำ
มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ ที่มีผู้เดินทางมาขอพร บนบาน แล้วประสบความสำเร็จ และได้เดินทางกลับมาถวายดอกมะลิ
เพื่อแก้บน. "หลวงพ่อทันใจ" ท่านให้โชคลาภและมีญาณวิเศษที่ให้ผู้คนที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ แม้กระทั่งอัมพฤกษ์หรืออัมพาตหายขาดมาได้
รวมถึงผู้คนที่นิยมเสี่ยงดวงกับกับการซื้อหวย โชคดีกันไปอย่างไม่น่าเชื่อ

วิธีบนขอพรจาก “หลวงพ่อทันใจ” การอธิษฐาน จะต้องใช้ดอกมะลิสด ๕๐ พวงขึ้นไป (จะมากว่านั้นก็ได้เป็นร้อยพวกก็เคยมีคนทำมาแล้ว)
และสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการให้อธิษฐานขอพร คือ ขอได้เพียง “อย่างเดียวเท่านั้น” ท่านถึงจะให้พรได้สมใจหวังซึ่งปัจจุบันผู้คนที่มา
อธิฐานและขอพรหรือบนบานศาลกล่าว พอได้โชคลาภโชคดีดังที่ขอ ก็จะนำดอกมะลิมากราบไหว้  ซึ่งแต่ละวันจะมีคนนำดอกมะลิมากราบ
ไหว้ไม่น้อยกว่าหลายร้อยหลายพันพวงเลยทีเดียว
คำบูชาหลวงพ่อทันใจ
ตั้งนะโม 3 จบ
โอมนะโม พุทธายะ ยะอะสะ สุมัง จะปาคะ











อนุสาวรีย์สุเทวฤาษี
มีเรื่องเล่าว่าในอดีตบรมกาล ก่อนตั้งเมืองเชียงใหม่ “นพบุรีศรีนครพิงค์” มีเมืองหนึ่งเรียกว่า “ระมิงค์นคร” หรือ “บุพพนคร”  ตั้งอยู่เชิงเขาดอยสุเทพ
และดอยคำ เป็นเมืองของคนเผ่าลั๊วะ ในป่าทางด้านทิศตะวันออกของเมืองระมิงค์นคร มียักษ์สองสามี-ภรรยา และบุตร ๑ ตน อาศัยอยู่ ยักษ์สองสามี
ภรรยา ชื่อ “ปู่แสะ–ย่าแสะ” ยักษ์ปู่แสะย่าแสะและบุตร คอยจับมนุษย์และสัตว์น้อยใหญ่กินเป็นอาหารเป็นประจำ ในกาลครั้งนั้น องค์สมเด็จพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าได้เสด็จจาริกพร้อมด้วยพระสาวกมาถึงเมืองระมิงค์นครครแห่งนี้ เจ้าเมืองระมิงค์นครได้ทูลร้องทุกข์กับพระบรมศาสดาว่าราษฎรในเมืองได้รับ
ความเดือดร้อนลำบากอย่างหนัก เนืองจากถูกยักษ์ทั้ง ๓ ตน จับคนกินเป็นอาหารเป็นประจำ จนทำให้เมืองระมิงค์นครแทบจะเป็นเมืองร้างผู้คน ขอให้
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อนด้วยเถิด พระพุทธองค์จึงเสด็จพร้อมพระสาวก มาถึงบริเวณเชิงดอยคำ ยักษ์ทั้ง
๓ ตน ได้เห็นพระพุทธเจ้าก็จะจับกิน พระพุทธองค์ทรงแผ่เมตตาจนยักษ์ทั้งสามเกรงในพระบารมี ก้มกราบเบื้องบาทองค์พระศาสดา  พระพุทธองค์ทรง
เทศนาโปรดยักษ์ทั้งสามตน ให้ตั้งมั่นอยู่ในศีล เจริญภาวนา ดูแลรักษาป่า ส่วนยักษ์ผู้เป็นลูกได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ ก็เกิดศรัทธาเลื่อมใส กราบทูล
ขอบวชในพระพุทธศาสนา แต่เนื่องจากเป็นยักษ์ ไม่สามารถบวชเป็นพระได้ พระพุทธเจ้าอนุญาตให้บวชเป็น “ฤๅษี” เท่านั้น เมื่อบวชแล้วมีชื่อว่า
สุเทวฤๅษี หรือวาสุเทวฤๅษี
 


อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี
จากตำนานท้องถิ่นในภาคเหนือเกือบทุกเล่มกล่าวตรงกันว่า ในปี พ.ศ.๑๑๖๖  ท่านสุเทวฤๅษีซึ่งยังอยู่ปฏิบัติบำเพ็ญพรตอยู่หลังดอยสุเทพ
วันหนึ่งท่านได้ลงมาเก็บอัฐิของบิดามารดา(ปู่แสะ-ย่าแสะ) ที่บริเวณป่าพะยอม(ปัจจุบันคือตลาดพะยอม) และท่านได้มาพักผ่อนอยู่ที่เชิงดอยคำ
ทันใดนั้น ท่านได้เห็นพญาเหยี่ยวกำลังขยุ้มทารกน้อยวัยประมาณ ๓ เดือน โฉบผ่านมาพอดี ท่านจึงได้ตวาดใส่เหยี่ยวตัวนั้นทันที  เหยี่ยวตกใจ
จึงปล่อยทารกน้อยล่องลอยตกลงมายังพื้นดิน เดชะบุญตรงนั้นเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ใกล้เชิงดอยคำ  เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งที่ดอกบัวใหญ่ใน
สระน้ำได้อ้ากลีบรับทารกน้อยนั้นไว้ไม่ให้ตกลงพื้นน้ำ    สุเทวฤๅษีก็มหัศจรรย์ใจยิ่งนัก จึงรับทารกน้อยวัย ๓ เดือนมาเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม
โดยให้เรียนสรรพวิชาจนหมดสิ้น รวมถึงศิลปวิทยาการทำศึกหรือตำราพิไชยสงครามและดนตรีทุกอย่างจนกระทั่งทารกน้อยนั้นได้เจริญวัยครบ
๑๓ ปี  สุเทวฤๅษีจึงต่อเรือยนต์ใส่กุมารีน้อยพร้อมด้วยฝูงวานรจำนวนหนึ่งเป็นบริวาร ปล่อยไหลล่องลอยไปตามลำน้ำปิงจนถึงเมืองละโว้
ณ ท่าน้ำวัดเชิงท่า (ตำนานบางเล่มบอกว่าวัดชัยมงคล) เมื่อพระเจ้าเมืองละโว้และมเหสีได้เห็นกุมารีน้อย ที่มีพระสิริโฉมงดงามและมีสิริลักษณ์
บ่งบอกว่าเป็นผู้มีบุญ จึงได้นำไปเลี้ยงไว้ในพระราชวัง และตั้งเป็นราชธิดา มีนามว่า “จามเทวีกุมารี” และให้ศึกษาศิลปวิทยาการตำราพิไชยสงคราม
และดนตรีทุกอย่างเหมือนกับพ่อเลี้ยงคนแรก (ฤๅษี) จนกระทั่งจามเทวีกุมารี มีพระชนมายุได้ ๒๔ พรรษา เจ้าเมืองละโว้จึงให้สมรสกับเจ้าชายราม
แห่งนครรามบุรี ในปี พ.ศ.๑๑๙๐ รามบุรีเป็นเมืองขึ้นและเมืองหน้าด่านของขอม(ปัจจุบันคือ อ.แม่สอด จ.ตาก) ในปี พ.ศ.๑๒๐๔ พระเจ้ากรุงละโว้
จึงทรงแต่งตั้งให้พระนางจามเทวี ขึ้นครองเมืองหริภุญชัย ตามคำเชิญของสุเทวฤๅษี และสุทันตฤๅษี  ซึ่งขณะนั้นพระนางมีพระชนม์ได้ ๓๘ พรรษา


นกหัสดีลิงค์
นกใหญ่ชนิดหนึ่งในเทวนิยายว่า อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ ลำตัวเป็นนก มีปีก
มีหางอย่างนกแต่มีหัวเป็นช้าง มีกำลังเทียบเท่าช้าง ๕ เชือกมารวมกัน



ช้างคู่บารมีของเจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศ ๒ พระโอรสแฝดของพระนางจามเทวี แห่งหริภุญไชย












ทวารบาลวัดพระธาตุดอยคำ


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มิถุนายน 2563 14:28:32 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
วัดอุโมงค์และสวนพุทธธรรม ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
สุขใจ ไปเที่ยว
wondermay 4 8458 กระทู้ล่าสุด 22 เมษายน 2554 22:23:27
โดย หมีงงในพงหญ้า
งานยี่เป็ง วัดพันเตา และภาพชุดขบวนแห่งานยี่เป็ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 1 11271 กระทู้ล่าสุด 25 พฤศจิกายน 2557 16:13:39
โดย Kimleng
พระธาตุเจดีย์หลวง วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 1 2617 กระทู้ล่าสุด 24 ตุลาคม 2563 16:49:14
โดย Kimleng
พระเทพวิสุทธิคุณ (กุศล คันธวโร) วัดบุพพาราม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 877 กระทู้ล่าสุด 21 พฤศจิกายน 2561 15:07:29
โดย ใบบุญ
วิหารวัดบวกครกหลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ - ควรแก่การอนุรักษ์ให้สถิตในบวรพุทธศาสนา
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 0 439 กระทู้ล่าสุด 30 ตุลาคม 2565 19:47:44
โดย Kimleng
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.401 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 22 กุมภาพันธ์ 2567 07:36:54