หลวงพ่อคูณ สิริธัมโม วัดดอกบัวทอง หมู่ 3 ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

หลวงพ่อคูณ สิริธัมโม
วัดดอกบัวทอง หมู่ 3 ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

พระครูสุวรรณปทุมรักษ์ หรือ หลวงพ่อคูณ สิริธัมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดดอกบัวทอง หมู่ 3 ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พระนักปฏิบัติที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย และเป็นพระนักพัฒนา ทำให้เป็นที่นับถือศรัทธาจากพุทธ ศาสนิกชนในจังหวัดสุรินทร์และใกล้เคียง

มีเลือดเนื้อเชื้อไขสายขะแมร์ เมืองแปะ จ.บุรีรัมย์ เกิดวันพุธที่ 6 ส.ค.2456 บ้านเลขที่ 32 บ้านเขว้า ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ บิดา-มารดาชื่อ นายลอย-นางแจ่ม ตรากลาง เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน

จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนบ้านเขว้า ในปี 2477 อายุครบ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดจำปา อ.ประโคนชัย โดยมี พระครูบริหารโกศล เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า อโสโก

จากนั้นไปจำพรรษาที่วัดบ้านเขว้า ศึกษาพระปริยัติธรรม 1 พรรษา จากนั้นไปธุดงค์ที่ประเทศกัมพูชา 4 ปี ระหว่างนั้นได้ศึกษาอักขระขอม จนเขียนอ่านอักษรอย่างผู้ชำนาญและฝึกช่างวาดภาพ แกะสลัก ช่างอิฐปูนปั้นรูปเหมือน และช่างไม้อีกด้วย

ในปี พ.ศ.2481 กลับภูมิลำเนา ขอลาสิกขาและแต่งงานอยู่กินกับนางเสริญ มีบุตรชายหญิง 5 คน

เมื่อครั้งเข้าประเทศกัมพูชา หลวงพ่อคูณ เรียนวิชาหลายอย่าง หายจากบ้านเป็นอาทิตย์ บางครั้งเป็นเดือน กระทั่งมีเสียงร่ำลือว่าไปเป็นนักเลงหัวไม้ นายลอยบิดาต้องวิงวอนให้ยุติเป็นนักเลง เพราะชีวิตจะสั้น

พ.ศ.2506 เข้าพิธีอุปสมบทเป็นครั้งที่ 2 ณ วัดมุนีนิรมิต (วัดกำโปล) ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยมีพระครูไพศาลมุนีธรรม (หลวงพ่อเมริก) ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อจุก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า สิริธัมโม

บวชแล้วก็ฝึกปฏิบัติธรรมสายวิปัสสนา 1 พรรษา ต่อจากนั้น จึงไปนมัสการหลวงปู่สุข ธัมมโชโต วัดละหารทราย ปรนนิบัติรับใช้ 1 พรรษา โดยหลวงพ่อสุขเมตตายอมถ่ายทอดวิชาเสกน้ำมนต์ เพื่อช่วยปัดเป่าคลายทุกข์ให้ราษฎร ใครที่ได้รับน้ำมนต์หลวงพ่อคูณต่างยอมรับในความขลัง

พ.ศ.2507 หลวงพ่อเมริก ได้เรียกหลวงพ่อคูณไปพบเพื่อให้ช่วยพัฒนาถาวรวัตถุวัดต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อคูณให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ช่วยสร้างศาลาเรือนไม้วัดเจ้าคุณ สร้างโบสถ์วัดบ้านโดนโอก นอกจากนี้ยังสร้างกุฏิวัดสองชั้น และก่อสร้างปูนปั้นพระประธานวัดละลมระไซ

ด้วยคุณงามความดีที่ทำงานรับใช้พระศาสนาอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย หลวงพ่อเมริกจึงรับไว้เป็นศิษย์ ถ่ายทอดวิชาอาคม เขียนผ้ายันต์ เขียนตะกรุดโทน จนวัตถุมงคลเครื่องรางของท่านขึ้นชื่อได้รับความนิยมจากศิษยานุศิษย์อย่างท่วมท้น โดยเฉพาะตำรวจ ทหาร ที่ได้รับไปแล้วประจักษ์ในพุทธคุณเป็นอย่างดี

พ.ศ.2508 ได้มีชาวบ้านเดินทางไปนิมนต์ให้ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดอกบัวทอง บ้านบักดอก ต.ปรือ อ.ปราสาท ซึ่งเป็นวัดร้าง

เป็นพระนักพัฒนาอันทรงคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนามากมายเมื่อรับนิมนต์เป็นเจ้าอาวาส ได้นำพระภิกษุสงฆ์พัฒนาสร้างถาวรวัตถุ เจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ทั้งอุโบสถ 7 ล้านบาท สร้างซุ้มประตู ฯลฯ พร้อมกับปรับปรุงภายในบริเวณวัดให้มีแต่ความร่มรื่นสวยงาม

พ.ศ.2519 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลปรือ

พ.ศ.2526 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูสุวรรณปทุมรักษ์

อุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนามาอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย จากชีวประวัติเป็นนักเลงหัวไม้ กลับเนื้อกลับตัวเข้าอุปสมบทครั้งที่ 2 อุทิศตัวเพื่อพระพุทธศาสนา นำวิชาช่างฝึกสอนให้พระภิกษุสงฆ์ ไปประกอบอาชีพยั่งยืน จึงเป็นทิฏฐานุคติสำหรับอนุชนรุ่นหลัง

พ.ศ.2531 อนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคล เหรียญรูปเหมือน รุ่นแรกจำนวน 15,000 เหรียญ เพื่อแจกจ่ายในงานทอดผ้าป่าในปี พ.ศ.2533 จัดสร้างเหรียญ รุ่น 2 ในปี 2537 จัดสร้างเหรียญ รุ่น 3 พร้อมตะกรุดผ้ายันต์ และเริ่มป่วยอาพาธ

จนกระทั่งวันที่ 29 มิ.ย.2541 มรณภาพอย่างสงบ รวมอายุ 85 ปี ข่าวสดออนไลน์