[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 เมษายน 2567 19:01:35 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “นรินทร์กลึง” อดีตขุนนาง ผู้กล้าส่งจดหมายด่าจอมพล ป. “มึงต้องลาออกฯ"  (อ่าน 1330 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2322


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 19 ตุลาคม 2563 15:04:41 »



(ซ้าย) ภาพถ่ายนรินทร์กลึง เมื่ออายุ 58 พ.ศ.2475 (ขวา) ไปรษณียบัตรบางส่วนที่นรินทร์เขียนถึงบุคคลต่างๆ
เมื่อถูกกักกันตัวที่นครศรีธรรมราช [ภาพจากหนังสือ ชีวิต, แนวคิด และการต่อสู้ของ "นรินทร์กลึง" หรือ-นรินทร์ ภาษิต]

“นรินทร์กลึง” อดีตขุนนางชั้นเจ้าเมือง
ผู้กล้าส่งจดหมายด่าจอมพล ป. “มึงต้องลาออกเดี๋ยวนี้”

ที่มา - ศิลปวัฒนธรรม  เผยแพร่ - วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2563

ในยุคที่เทคโนโลยีด้านการสื่อสารยังไม่พัฒนาเป็นระบบดิจิทัล คลิปตัดต่อหรือการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ออกอากาศสดทางโทรทัศน์ยังไม่แพร่หลาย การสื่อสารทางการเมืองเมื่อเกือบ 80 ปีก่อนยังต้องใช้จดหมายโต้ตอบกันอยู่ และน่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าสื่อสารไปถึงนายกรัฐมนตรี (ทหาร) ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ขั้นใช้คำว่า “มึงต้องลาออกจากนายกรัฐมนตรีเดี๋ยวนี้…”

เจ้าของวีรกรรมครั้งนี้เป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก “นรินทร์กลึง” หรือ “นรินทร์ ภาษิต” จอมขบถ (หรือบางคนอาจจดจำหรือรับรู้ในสถานะ “คนบ้า”) ที่เขียนจดหมายไปด่าจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี สมัย พ.ศ.2486 ด้วยถ้อยคำรุนแรงและหยาบคาย แต่เดี๋ยวก่อน! “ความหยาบคาย” ของนรินทร์กลึง ไม่ได้เป็นแค่การระบายอารมณ์แบบครั้งคราวเท่านั้น แต่เป็นตัวตนของเขาเองที่มีคำอธิบายและที่มาที่ไปซึ่งทำให้ต้องใช้คำหยาบในการสื่อสารในหลายด้านด้วย

นรินทร์ ภาษิต เป็นจอมขบถที่มีชื่อเสียงเมื่อกว่า 80 ปีก่อน แต่ใครจะเชื่อว่านรินทร์กลึง (ชื่อที่ให้ผู้อื่นเรียก) จะเป็นอดีตขุนนางบรรดาศักดิ์ชั้นคุณพระเจ้าเมือง แต่ก็ต้องถูกตะเพิดออกจากราชการก่อนอายุ 40 ปี เพราะขบถต่อคำสั่งเจ้านาย

ชายที่ชื่อนรินทร์ หรือเรียกกันในวัยเด็กว่า เด็กชายกลึง เกิดเมื่อ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2417 ที่จังหวัดนนทบุรี ก่อนจะกลายเป็นชายที่ขึ้นชื่อเรื่องขวางโลกมาตลอดอายุขัย

เอกสารคำให้การของนรินทร์เมื่อคราวต้องข้อหา “กบถภายในและเขียนข้อความเป็นปติปักต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ” เมื่อ พ.ศ. 2486 ขณะอายุ 70 ปี บอกเล่าประวัติของเขาเองว่า เมื่ออายุได้ 16 ปีเริ่มเข้ารับราชการเป็นเสมียนเสนากระทรวงเกษตร และเสมียนกรมศุลกากร ต่อมาไปเป็นเสมียนกระทรวงศึกษาธิการ และเปลี่ยนสังกัดมาอยู่ที่กรุงเก่า จนกระทั่งมาทำงานเป็นสรรพกรมณฑล มีบรรดาศักดิ์เป็น “หลวงสุภมาตรา” รับราชการตำแหน่งเกษตรมณฑล

หลังจาก พ.ศ.2442 ที่รัฐบาลตั้งโรงเรียนสอนการปกครอง นายนรินทร์มีโอกาสเล่าเรียนในโรงเรียนที่กรุงเก่า และอ้างว่าสอบได้ที่ 1 ได้รับแต่งตั้งเป็นนายอำเภอที่ลพบุรี ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหลวงรามบุรานุกิจ ย้ายจากลพบุรีไปเป็นปลัดเมือง(ปลัดจังหวัด)ที่ชลบุรี และไต่เต้าทางตำแหน่งขึ้นมาต่อเนื่องจนได้เป็นพระพนมสาระนรินทร์ ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการประจำจังหวัดนครนายก อยู่ในตำแหน่งได้ 1 เดือนก็ลาออกจากราชการเนื่องจากช่วยเหลือราษฎรเดินเรือรับจ้างแข่งกับบริษัทผูกขาดของฝรั่ง เนื้อหาในคำให้การอ้างว่าหลังจากนั้นทางราชการไม่ได้จ่ายบำเน็จบำนาญให้

เมื่อ พ.ศ.2458 หรือ 2459 นรินทร์ เล่าว่า เขาก็เริ่มวีรกรรมด้วยการทำใบปลิวแจกราษฏรเพื่อปฏิสังขรณ์โบสถ์วัดลานวัว ความทราบถึงราชการ ทำให้ราชการไม่ไว้ใจพฤติกรรมเพราะก่อนหน้านี้ ก็ได้รับกระแสข่าวว่านรินทร์ ที่เคยเป็นหัวแรงในการออกหนังสือ “สารธรรม” และ “โลกกับธรรม” ที่เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและทัศนะทางพุทธศาสนาที่สำคัญในช่วงเวลานั้น กำลังจะออกหนังสือ “ช่วยบำรุงชาติ” อันมีเนื้อหาแตกต่างจากสารธรรม โดยคำปรารภในหนังสือแจ้งว่าจะเป็นเชิง “ดัดทิฏฐิ ผู้ที่ถือลัทธิผิดๆ แลมักจะเป็นเรื่องที่ขวางใจคนโดยมาก” ข่าวคราวเข้าถึงราชการ และมีกระทรวงยื่นเรื่องถอดบรรดาศักดิ์

หลังจากถูกถอดแล้ว ครอบครัวก็เริ่มประกอบอาชีพปั้นหม้อดินขาย ส่วนนายนรินทร์ มาตั้งโรงพิมพ์ออกหนังสือพิมพ์รายวันและรายสัปดาห์ โดยช่วงเวลานั้นจัดตั้งกลุ่มที่เรียกว่า “คณะยินดีการคัดค้าน” มีหนังสือพิมพ์ “เหมาะสมัย” เป็นกระบอกเสียง คณะฯ แถลงจุดประสงค์ของกลุ่มในหนังสือพิมพ์ฉบับแรกว่า “รับจะช่วยระงับความเดือดร้อนอันบังเกิดแก่ประชาชน…เช่น ถูกบับคั้น กดขี่ บังคับ…”

นายนรินทร์ เคยต้องโทษจำคุกหลายครั้ง ครั้งหนึ่งคือจำคุกจากการแจกใบปลิวที่เรียกว่า “สงบไม่ได้” สาระสำคัญคือประณามข้าราชการฝ่ายปกครองว่าไร้ความสามารถ ไม่สามารถดูแลราษฎรได้ หลังเกิดการปล้นจี้อย่างอุกอาจหลายพื้นที่ แม้ว่าหลังจากนั้นจะโจมตีหนังสือพิมพ์ในเมืองไทยว่า วางตัวไม่เป็นกลางในการเสนอข่าวสงคราม เสนอข่าวเข้าข้างฝ่ายสัมพันธมิตร พร้อมกับโจมตีฝ่ายที่เสนอให้สยามเข้าร่วมสงครามเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร โดยช่วงเวลานั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ใกล้ปะทุขึ้น แต่สยามยังไม่ได้ประกาศเข้ากับฝ่ายใด ใบปลิวโจมตีนสพ.ในไทยไม่ได้อยู่ในคำฟ้องที่ทำให้นรินทร์ถูกจับ แต่กลับเป็นใบปลิวเรื่อง “สงบไม่ได้” ที่แจกในเวลาไล่เลี่ยกันและทำให้ต้องโทษจำคุก 2 ปี

หลังจากนั้นมาก็ต้องโทษอีกหลายครั้งด้วยข้อหาขบถในราชพระราชอาณาจักร และถูกจับอีกครั้งเมื่อ พ.ศ. 2483 ด้วยข้อหาขบถ เนื่องจากพิมพ์ข้อความในใบปลิวคัดค้านการยืดบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ถูกจำคุก 2 ปี พ้นโทษออกมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2485 แต่ก็เป็นอิสระไม่นาน มาเจอคดีอีกรอบ คราวนี้เป็นการส่งจดหมายส่วนตัวแล้ว

นรินทร์กลึง ส่งจดหมายส่วนตัวไปด่าจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2486 ใช้ถ้อยคำรุนแรง หยาบคายขั้นที่อาจไม่มีชาวไทยกล้าด่าบุคคลที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารประเทศระดับสูงโดยเปิดเผยตัวขนาดนี้ ข้อความส่วนใหญ่หยาบคายจนไม่อาจเผยแพร่ได้ แต่บางส่วนยังพอยกเป็นตัวอย่างได้ ข้อความส่วนหนึ่งมีใจความว่า

“…ถ้ามึงมีสติ หรือมีไหวดีๆ โดยรู้สึกตัวว่าการที่กูด่าสอนมึงมาแล้วนั้น และทั้งนี้ก็เพื่อให้มึงดี ชาติไทยจะได้พลอยดีไปด้วย เมื่อมึงไม่อาฆาตพยาบาทเกลียดโกรธกูด้วยแล้ว มึงก็ต้องทำตามกูว่า ดังมีต่อไปนี้…มึงต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเดี๋ยวนี้… เมื่อมึงยินดีลาออกตามที่กูว่าแล้ว ก็ควรบอกเสนอ ค.ร.ม. ว่าขอให้กูเป็นแทนมึงทันทีดีกว่า แล้วมึงก็ยังจะมีท่าได้เป็นคนดีต่อไป เพราะกูยังจะเลี้ยงสอนมึงไป พอเห็นได้ว่ามึงดีแล้ว กูก็จะได้มอบหมายให้มึงทำการแทนกูต่อไป”


จดหมายนี้ไม่เพียงทำให้เดือดร้อนอีกครั้งเท่านั้น ครั้งนี้นรินทร์ เล่าว่าเคยเกือบถูกสั่งฆ่า อย่างไรก็ตาม จดหมายฉบับนี้ทำให้เขาถูกจับและถูกส่งไปกักตัวที่โรงเรียนอบรมจิตใจ ที่กองทหารปืนใหญ่ โคกกระเทียม ลพบุรี และสถานกักกันที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเวลา 2 ปี 21 วัน

ส่วนสาเหตุของการสื่อสารที่ต้องใช้คำหยาบนั้น นรินทร์ ให้เหตุผลทำนองว่า “คำหวานมักเป็นลม” ตามคำอธิบายของนรินทร์ คือ นับตั้งแต่เกิดโลกใบนี้ขึ้น มนุษย์ใช้แต่คำอ่อนหวาน ข้อนี้เองเป็นส่วนที่ทำให้สัตว์โลก “ฉิบหาย” เนื่องจาก

“ไอ้คนใหญ่! คนโต!! … มันทำอะไรผิดๆ แล้วก็ไม่มีใครกล้าสามารถพูดจาว่ากล่าวคัดค้านหรือท้วงโดยรุนแรงกับมันได้ เพราะเกรงกลัวอำนาจของมัน แล้วไอ้ผู้ใหญ่! ที่ประพฤติผิดๆ นั้นๆ มันก็หารู้สึกผิดได้ไม่ เพราะมันไม่รู้สึกเจ็บแสบ… ฉะนั้น น.ร. จึงต้องใช้เพลงดื้อดันเอาน้ำร้อนสาดมันเข้าไป ก็เพื่อจะได้ให้มันโดด! และสดุ้งเสทือนแล้วมันจะได้รู้สึกผิดได้บ้างเท่านั้นฯ…” (ชวนฉลาด, ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 กันยายน 2491 หน้า 2-4)

ภาพหนึ่งที่คนทั่วไปจดจำนรินทร์กลึงได้คือการโกนหัว คิ้ว และหนวดเคราครึ่งซีก นุ่งแดงท่อนล่าง และห้อยรูปพระเจ้าตากแขวนคอ ด้วยเหตุผลว่า “ไม่มีใครเชื่อคำที่พูดจึงน่าแค้นหัวคิดตัวเอง”

นายนรินทร์ ภาษิต ถึงแก่กรรมเมื่อ 23 ธันวาคม พ.ศ.2493 ขณะอายุ 77 ปี เขาสั่งลูกหลานให้เก็บศพเขาไว้เพื่อให้รุ่นหลังรู้ว่าเคยมีมนุษย์ที่กล้าต่อสู้ผู้หนึ่งอยู่ และยังหลงเหลือร่างไว้รอให้คนไปศึกษาเรื่องราวของเขา




นรินทร์กลึงโกนหัวครึ่งซีก นุ่งแดง และมีรูปพระเจ้าตากแขวนคอ ถ่ายเมื่อ 28 มีนาคม 2477

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ตุลาคม 2563 15:06:34 โดย 自由人 » บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2322


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2563 15:13:52 »


นรินทร์กลึง ในชุดเดินธุดงค์ เมื่อ พ.ศ.2470 (ภาพจากหนังสือ "ชีวิต, แนวคิด และการต่อสู้ของ “นรินทร์กลึง” หรือ-นรินทร์ ภาษิต")

กฎหมายว่าด้วยความสงบเรียบร้อยในประเทศมีมาหลายยุคสมัยแล้ว หากถามว่าจะมีใครที่ถูกแจ้งข้อหาใกล้เคียงกับข้อหานี้มากที่สุดในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา คงต้องนึกถึงชื่อ “นรินทร์กลึง” หรือนรินทร์ ภาษิต อดีตขุนนางที่ต้องโทษจำคุกหลายครั้ง โดยเฉพาะจากข้อหา “กบถภายในและเขียนข้อความเป็นปติปักต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ” เมื่อ พ.ศ.2486

หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้เคยเผยแพร่เรื่องนรินทร์กลึง เขียนจดหมายด่าจอมพล ป. พิบูลสงคราม มาแล้ว แต่เชื่อว่ายังมีผู้อ่านที่ยังไม่คุ้นเคยเรื่องราวภูมิหลังของนรินทร์กลึง ในที่นี้จึงขอย้อนเล่าข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับท่านสักเล็กน้อยก่อนกล่าวถึงวีรกรรมการร่อนจดหมายแม้กระทั่งวันที่ถูกจองจำก็ยังไม่หยุดต่อสู้ดิ้นรน

ชายที่ชื่อนรินทร์ หรือเรียกกันในวัยเด็กว่า เด็กชายกลึง เกิดเมื่อ 14 สิงหาคม พ.ศ.2417 ที่จังหวัดนนทบุรี ก่อนจะกลายเป็นชายที่ขึ้นชื่อเรื่องขวางโลกมาตลอดอายุขัย ศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา ผู้เขียนหนังสือ “ชีวิต, แนวคิด และการต่อสู้ของ “นรินทร์กลึง” หรือ-นรินทร์ ภาษิต” บรรยายว่า นรินทร์ไม่เคยยอมจำนน และยังต่อสู้เพื่อแสดงความคิดเห็นของตัวเอง สิ่งใดที่เห็นว่า “ไม่สมควรจะทักท้วงทันที” จึงเป็นเหตุให้นรินทร์กลึง ถูกทางการแจ้งข้อกล่าวหาจนต้องโทษจำคุกหลายต่อหลายครั้ง

เหตุการณ์ครั้งที่เป็นตัวอย่างได้ชัดเจนที่สุดย่อมเป็นเรื่องข้อหาขบถในราชอาณาจักรจากการคัดค้านการยืดบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เรื่องราวลงเอยที่ศาลตัดสินจำคุกนรินทร์กลุง 2 ปี และออกมาก็กลับไปติดคุกอีกครั้งเนื่องจากเขียนจดหมายด่าจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยใช้ถ้อยคำอย่างรุนแรง เมื่อ พ.ศ.2486

เป็นที่รู้กันดีว่า นรินทร์กลึง เป็นนักเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ไว้หน้า แนวคิดของเขาเห็นว่า คนอื่นทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ ตั้งแต่ข้าราชการรัฐ รัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี จากพฤติกรรมของนรินทร์แล้ว ทำให้เห็นว่า เขาเห็นว่าคนพวกนี้กินเงินภาษีแต่ไม่ได้มีสำนึกในการทำงานเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แม้ว่านรินทร์จะถูกดูถูก และต้องโทษจำคุก แต่ก็ไม่เคยท้อ ดังที่เห็นได้จากการเขียนจดหมายไปถึงบุคคลสำคัญต่างๆ ทั้งที่ยังถูกจองจำ

จดหมายฉบับหนึ่งที่น่าสนใจคือฉบับที่เขียนไปถึงเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2475 ถ้าเห็นตัวเลขแล้วอาจคุ้นกันว่า เป็นวันก่อนเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 เพียงวันเดียว โดยช่วงเวลานั้น ศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา ผู้ศึกษาผลงานของนรินทร์บรรยายว่า เป็นช่วงที่นรินทร์ ถูกจองจำอยู่ด้วย

เนื้อหาส่วนหนึ่งในจดหมายมีใจความว่า

“…เกล้าฯ เป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยผู้หนึ่ง แต่ซึ่งในล้านคนก็มีโดยขาดไม่ได้ เพราะคนโดยมากเขามักทำการทำงานเพื่ออาชีพ ไม่ใช่เพื่อชาติ เมื่อเกล้าฯ รู้และเห็นมีช่องทางใดๆ ที่อาจพอปัดเป่าบันเทาความเดือดร้อน หรืออำนวยผลให้แก่เพื่อนราษฎรด้วยกัน หรือแก่ประเทศบ้านเกิดเมืองบิดรก็ดี เกล้าฯ ก็ได้มีความอุตสาหะพะยายามที่สุด ที่จะพึงร้องเรียนแล ความทูลเสนอความเห็นของเกล้าฯ นั้นๆ ขึ้นมายังท่านผู้มีอำนาจเหนือเพื่อขอความดำริ หรือช่วยด้วยประการต่างๆ แต่ก็เป็นที่น่าอนาถ ที่เกล้าฯ มิได้รับตอบแต่อย่างใดเลย คล้ายกับเกล้าฯ เพ้อพูดอยู่กับจ้าวพ่อตามศาล ๆ ก็ไม่น่าผิดนัก…”

สิ่งที่พิสูจน์เจตนารมย์ต่อสู้เรียกร้องเพื่อมนุษย์ด้วยกันของนรินทร์ อาจต้องเอ่ยถึงช่วงเวลาที่แม้แต่ตัวเองยังตกทุกข์ได้ยาก ถูกจองจำในคุกแล้ว ก็ยังยื่นเรื่องเรียกร้องให้เพื่อนนักโทษที่ตกทุกข์ได้ยากยิ่งกว่าเมื่อ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2475 ว่าด้วยการร้องขอให้รัฐบาลลดหย่อนโทษ ยังไม่นับการทำฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯถวายในหลวงในประเด็นต่างๆ หลายครั้งหลายคราด้วยกัน

หลังจากต่อสู้ยาวนาน นรินทร์ มีโอกาสลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ใน พ.ศ.2492 ครั้งนี้นรินทร์ สมัครเป็นผู้แทนชาวกรุงเทพฯ แต่แพ้ให้พลตรีขุนปลดปรปักษ์ และนายประพัฒน์ วรรธนะสาร คนของจอมพล ป. พิบูลสงคราม หลังการเลือกตั้งครั้งนั้น สื่อสิ่งพิมพ์ประโคมข่าวเรื่อง “การโกงเลือกตั้ง” โดยเฉพาะในเขตทหารอย่างที่เขตวัดจันทร์สโมสร

เมื่อผิดหวังจากการเลือกตั้ง เขามาตั้ง “สำนักงานปฤกษาการราษฎร์” ซึ่งอธิบายภารกิจสำนักงานว่า “รับปฤกษาช่วยเหลือความทุกข์ยากของผู้คนไม่เลือกขั้นวรรณะ…ข้าพเจ้ายินดีจะช่วยเหลือท่านแม้ว่างานนั้นจะนำไปสู่คุกตาราง เป็นต้น และความตายเป็นปริโยสาน เพราะข้าพเจ้าถือว่า อันคนเรานั้นเขาจะทำอะไรเราได้อย่างมากก็เพียงเอาไปฆ่าเราเสียเท่านั้น”

ช่วงปลายของชีวิต นรินทร์จัดทำหนังสือพิมพ์ “เสียงนรินทร์” และ “ชวนฉลาด” น่าเสียดายที่เส้นทางการต่อสู้ของนรินทร์ ยุติลงเมื่อถึงแก่กรรมในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2493 คงเหลือเพียงเรื่องราวและวีรกรรมขบถ เขาอาจเป็น “คนบ้า” ในสายตาบางคน แต่สำหรับบางคนก็อาจมองว่าเขาเป็น “นักต่อสู้”
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.421 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 01 เมษายน 2567 20:08:12