[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 เมษายน 2567 19:08:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “ตั้ว ศรัณยู” ภาคภูมิใจเสนอ “คนโขน” อลังการงานสร้าง หนังไทยทรงคุณค่า  (อ่าน 5523 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5069


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554 16:59:45 »

ตัวอย่าง คนโขน (Official Tr.)


หนังตัวอย่าง คนโขน ออกมาแล้วครับ ดูจากตัวอย่าง ก็รู้สึกถึงความเข้มข้นมากเลยทีเดียว ใครที่เรียกร้องอยากเห็นหนังไทยเนื้อหาเข้มข้น มีออกมาให้ได้พิสูจน์แล้ว

   “คนโขน” เล่าเรื่องราวความรัก, ความผูกพัน, มิตรภาพ, ตัณหา และอาฆาตแค้นของหลากหลายตัวละครที่มีวิถีศิลปะนาฏกรรมการร่ายรำโขนเป็นฉากหลังของชะตากรรมชีวิต ผ่านการประชันฝีมือการแสดงสุดเข้มข้นของทีมนักแสดงชั้นครูอย่าง “สรพงษ์ ชาตรี”, “นิรุตติ์ ศิริจรรยา”, เพ็ญพักตร์ ศิริกุล” และการพลิกบทบาทการแสดงอย่างถึงใจที่ไม่เคยเห็นในเรื่องใดมาก่อนของ “กบ-พิมลรัตน์ พิศลยบุตร”
   พร้อมด้วยทีมนักแสดงหน้าใหม่ที่ฝีไม้ลายมือการแสดงภาพยนตร์และการร่ายรำโขนน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น “อาร์-อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ” (รับบท “ชาด” พระเอกของเรื่องผู้ใฝ่ฝันที่จะขึ้นสู่จุดสุดยอดของโขน), “นัท-ขจรพงศ์ พรพิสุทธิ์” (รับบท “คม” คู่อริของพระเอก), “กอง-กองทุน พงษ์พัฒนะ” (รับบท “ตือ” คู่ซี้ของพระเอก) และ “ตรี-นันทรัตน์ ชาวราษฎร์” (รับบท “แรม” สาวน้อยผู้อยากจะเป็นนางเอกลิเก) “คนโขน” พร้อมให้พิสูจน์คุณภาพ 25 ส.ค. นี้ ทุกโรงภาพยนตร์

   
   
   
   
   
   คนโขน 25 สิงหา 2554

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5069


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554 17:00:53 »

“ตั้ว ศรัณยู” ภาคภูมิใจเสนอ “คนโขน” อลังการงานสร้าง หนังไทยทรงคุณค่า


   
   ห่างหายจากงานกำกับภาพยนตร์ไปนานถึง 5 ปี หลังจาก “อำมหิตพิศวาส” (The Passion) ผลงานนั่งแท่นกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2549 มาปีนี้ ผู้กำกับฝีมือละเมียดอีกคนหนึ่งของวงการ “ศรัณยู วงษ์กระจ่าง” ก็พร้อมแล้วกับภาพยนตร์ทรงคุณค่าเรื่อง “คนโขน” ผลงานกำกับเรื่องที่ 2 ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของคน เรื่องเข้มข้นของโขน สะท้อนผ่านความรัก ชีวิต มิตรภาพของหลากหลายตัวละครที่มีสีสัน และพันผูกอยู่กับศิลปะนาฏกรรม “โขน” ที่เป็นดั่งชีวิตและจิตใจ

   
   ภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้กำกับฯ มีแรงบันดาลใจและความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะนำเสนอคุณค่าแห่งความเป็นไทยสะท้อนผ่านศิลปวัฒนธรรมกับการแสดง “โขน” ซึ่งอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนานแต่เหมือนกำลังเลือนหายไปจากสังคมไทย ให้ออกมาเป็นภาพยนตร์ในรูปแบบสากลที่ดูสนุกน่าติดตามไปกับเรื่องราวชะตากรรมของตัวละครที่เต็มไปด้วยรักโลภโกรธหลงและกิเลสตัณหา รวมถึงการเข้าถึงอรรถรสของโขนอย่างลึกซึ้ง

   
   ผู้กำกับฯ ได้เผยถึงผลงานใหม่เรื่องนี้ว่า “จุดกำเนิดโปรเจ็คต์ ‘คนโขน’ นี้มันก็เริ่มจากการที่เรามีอาชีพทำหนัง เมื่อถึงเวลาที่พร้อมก็ควรจะทำหนัง ซึ่งเราก็เคยคิดว่า อยู่ๆ ทำไมวัฒนธรรมไทยมันเริ่มหายๆ ไป หนังน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยดึงสิ่งเหล่านั้นกลับมาได้ มันอาจจะไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่ก็เป็นหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นสิ่งเหล่านี้ได้ ก็เลยคิดว่าน่าจะทำเรื่องราวที่มันสะท้อนศิลปะวัฒนธรรมไทย แต่เราต้องไม่พูดเป็นเชิงสารคดี ต้องไม่ใช่ว่าสอนอย่างงี้ๆ หมายความว่าเราต้องทำหนังที่มันครบรสชาติ ทำหนังชีวิตที่มันมีรัก โลภ โกรธ หลง ผู้ใหญ่หรือเด็กหรือวัยรุ่นจะดูก็ได้ทั้งนั้น เพราะมันเป็นกลางๆ  แล้วเป็นหนังไทยจริงๆ

   พอได้ไอเดียนี้ก็เลยมีความคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ที่จะเอาศิลปะวัฒนธรรมใส่เข้าไปเป็นฉากหลังของภาพยนตร์ และ ‘โขน’ ก็เป็นความตั้งใจของผมเองนานมากแล้ว เพราะมันมีความสวยงามที่น่าหยิบมาทำภาพยนตร์ อย่างหนังจีนก็ยังมีเรื่องงิ้ว ไทยก็น่าจะมีเรื่องนี้เข้ามาได้ ก็คิดว่าเรื่องเหล่านี้น่าจะหยิบขึ้นมาทำได้ เพราะมันมีความสวยงามในเชิงศิลปะการร่ายรำ และน่าสนใจในการนำเสนอ มันเป็นการสะท้อนชีวิตที่เราได้เห็นแง่มุมของอารมณ์ผู้คนต่างๆ โดยตัวละครเหล่านี้เป็นนักแสดงโขนก็เลยมีเรื่องโขนให้เห็นอยู่ ก็เลยเป็นสัดส่วนที่ลงตัว และมีความสุขที่มันออกมาแบบนี้ได้ และก็น่าจะเป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่งที่สะท้อนศิลปะวัฒนธรรมโขนด้วย

   
   ผมวางให้หนังเรื่องนี้มันมีอิสระจากการประทับยี่ห้อทุกอย่าง ทั้งตัวผู้กำกับเองหนังก็ไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองใดๆ อย่างชื่อหนังที่ชื่อ ‘คนโขน’ ก็ไม่ใช่ประทับตราว่าเป็นหนังวัฒนธรรม ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากดู ความโดดเด่นของหนังก็จะเป็นเรื่องรสชาติของความเป็นหนังไทย ไม่ได้เข้าใจยาก แต่ก็ไม่ใช่หนังที่สามารถเดาได้ มันจะมีลีลามีปมหลังของตัวละครที่สามารถกลมกลืนทำให้เราลุ้นตาม เราเชียร์ตัวละคร สงสาร เห็นใจ เข้าใจชีวิตเขาได้

   
   ในมุมของคนที่ชอบโขนชอบศิลปะ แน่นอน หนังเรื่องนี้มีให้ดูครบถ้วน จะครบ 100% หรือไม่ต้องให้ท่านผู้ชมตัดสินใจเอง แต่ในฐานะของคนทำภาพยนตร์ เราได้ทำเต็มที่กับปัจจัยต้นทุนในการทำภาพยนตร์อย่างเต็มร้อยเท่าที่เรามีแล้ว ในเรื่องของมุมมอง ภาพ จังหวะ บท การแสดงมีตรงนี้ให้ดูได้  เหมือนกับการที่เราเข้าไปดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งที่นำเสนอเรื่องปฏิวัติวัฒนธรรม การเรียกร้องของสังคม ที่เราสามารถดื่มด่ำกับหนังเรื่องนั้นได้ก็เพราะบทและการนำเสนอ ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็นำเสนอเช่นนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปกลัวว่าหนังเรื่องนี้เป็นโขน ถ้าคุณเข้าไปดูเรื่องนี้ มันจะมีเพลงเพราะ มีพระเอกหล่อ นางเอกสวยๆ ให้เด็กดูก็ได้ มันเป็นหนังที่ครบรสชาติ คุณสามารถมีความสุขในการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ และสามารถเลือกซึมซับสิ่งที่คุณชอบได้ครับ”

   
   “คนโขน” เล่าเรื่องราวความรัก, ความผูกพัน, มิตรภาพ, ตัณหา และอาฆาตแค้นของหลากหลายตัวละครที่มีวิถีศิลปะนาฏกรรมโขนเป็นฉากหลังของชะตากรรมชีวิต พร้อมให้พิสูจน์คุณภาพ 25 ส.ค. นี้ ทุกโรงภาพยนตร์

   
บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5069


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554 17:02:38 »








































เบื้องหน้าคือความวิจิตรตระการตา
      เบื้องหลังคือตัณหาและมายาแห่งนาฏกรรม...
      ...
      หลังการออกฉายของ “โหมโรง” ในปีนับจากนั้นมาดูเหมือนว่าแทบจะไม่มีหนังไทยเรื่องไหนอีกเลยที่จะหยิบหรือจับเอา “นาฏศิลป์-ดนตรีไทย” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหนังในการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ
     
      กระทั่งการมาถึงของ “คนโขน”
     
      ทันทีที่หลายคนได้มีโอกาสเห็นข่าวคราวความเคลื่อนไหวตลอดจนการประชาสัมพันธ์ถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งในส่วนที่เป็นภาพนิ่ง และภาพยนตร์ตัวอย่าง ก็เริ่มมีกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมามากมายทันที โดยส่วนใหญ่นั้นเป็นไปในเชิงบวก ขณะที่บางส่วนก็มองด้วยความหวังว่าหนังเรื่องนี้อาจจะทำให้คนไทยได้รู้สึกถึงคุณค่าในความเป็นไทยอีกครั้งหลังจากที่โหมโรงเคยทำมาแล้ว
     
      “หนึ่งคือเราสงสัยมากว่า จู่ๆ ทำไมวัฒนธรรมไทยมันเริ่มหายไป ทำไมไปคลั่งเกาหลี คลั่งฝรั่งกันมาก ก็เลยอยากจะทำหนังที่มันจะช่วยให้ดึงสิ่งเหล่านั้นกลับมาได้ คือมันอาจจะไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นสิ่งเหล่านี้ได้ เลยคิดน่าจะทำเรื่องราวที่มันสะท้อนศิลปะวัฒนธรรมไทย” ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง บอกเล่าถึงโจทย์แรกในการทำงานจนกลายเป็นที่มาของ “คนโขน” ผลงานการกำกับชิ้นที่ 2 ของเขา
     
      “ซึ่งเราก็ต้องแยกตามความถนัดของเราออกมาด้วยว่าจะทำในแง่ไหน ก็คิดว่าเราต้องไม่พูดเป็นเชิงสารคดี ต้องไม่ใช่ว่าสอนอย่างงี้ๆ ก็ได้เส้นร่างคร่าวๆ หมายความว่าเราทำหนังที่มันครบรสชาติ ทำหนังไทยให้คนไทยดูละกัน ทำหนังชีวิตที่มันมีรัก โลภ โกรธ หลง ตามแบบฉบับของนวนิยายไทย พอมันออกมาแบบนี้แล้ว เด็กจะดูหรือผู้ใหญ่จะดู หรือวัยรุ่นจะดู ก็ดูได้ทั้งนั้น เพราะมันเป็นกลางๆ แล้วเป็นหนังไทยจริงๆ”
     
      “พอได้ไอเดียนี้ก็เลยมีความคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ โดยเอาศิลปวัฒนธรรมที่เราจะใส่เข้าไปเนี่ยเป็นฉากหลังของภาพยนตร์ พอพูดถึงศิลปวัฒนธรรมในความเป็นไทยอะไรที่ควรจะถูกหยิบมาพูดในหนัง ก็มีการแตกความคิดกันเยอะมาก และโขนก็เป็นความตั้งใจของพี่เองนานมากแล้ว เพราะมันมีความสวยงามที่น่าหยิบมาทำภาพยนตร์ได้”
     
      ผู้กำกับที่ควบตำแหน่งเขียนบทด้วยเผยว่า หนังเรื่องนี้ตนและทีมงานใช้เวลาในการศึกษาหาข้อมูลนานกว่า 2 ปี ผ่านการลองผิดลองถูกมาหลายครั้งเพื่อให้ภาพที่ออกมานั้นมีความสมบูรณ์มากที่สุด โดยมีคนโขนตัวจริงอย่าง “ครูมืด ประสาท ทองอร่าม” ศิษย์เอกของ อ.เสรี หวังในธรรม เป็นที่ปรึกษา
     
      “ต้องขอบคุณครูมืดและครูหลายๆ คนมากที่กรุณาให้เราไปสัมภาษณ์ให้เรานั่งคุย ก็เลยเชิญครูมืดแกมาเป็นที่ปรึกษาซะเลย บอกแกว่าถ้ามันมีอะไรผิดพลาดก็โทษครูคนเดียวเลยนะเพราะว่าขึ้นชื่อครูมืดไปแล้ว (หัวเราะ) แกก็บอกเป็นไงเป็นกันเอาให้เต็มที่ ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้มีความเป็นโขนครบถ้วนและผ่านการกลั่นกลองจากครูโขนอย่างแท้จริง”
     
      คนโขน...เล่าย้อนกลับไปในปีพุทธศักราช 2508 ถึงเรื่องราวของ "ชาด” เด็กกำพร้าที่ถูกครูโขนฝีมือดีอย่าง “ครูหยด” เลี้ยงดูและฝึกหัดโขนให้ตั้งแต่เล็กๆ จนกระทั่งเติบใหญ่มีฝีไม้ลายมือเก่งกาจ อย่างไรก็ตาม เส้นทางการก้าวเพื่อมุ่งสู่จุดสูงสุดของชีวิตนักแสดงโขนตามความทะยานอยากในวัยหนุ่มของชาดก็หาได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่อย่างใด
     
      เมื่อ “ครูเสก” อดีตเพื่อนรักของครูหยด ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจด้วยปมแค้นฝังลึกได้รับรู้เรื่องการแสดงของคณะครูหยดที่เตรียมจะเปิดตัวชาดในบทพระรามเป็นครั้งแรกในงานแสดงโขนประจำปีครั้งใหญ่ที่วัดอ่างทอง เขาจึงหาวิธีกลั่นแกล้งและนั่นก็เข้าทางหลานชายสายเลือดโขนของครูเสก อย่าง “คม” คู่อริเก่าของชาดที่ต้องการแก้แค้นและเอาคืนชาดอย่างสาสมเช่นกัน
     
      ปัญหาที่เข้ามาหาครูหยดและชาดหาใช่แค่มายาแห่งนาฏกรรมโขนอันเกิดมาจากความอาฆาตแค้นไม่สิ้นสุดของครูเสกและคมเท่านั้น หากยังมีเรื่องของตัณหาราคะจากตัวของ “รำไพ” และมิตรภาพในความเป็นเพื่อนกับ “แรม” และ “ตือ” ที่สั่นคลอน ล้วนถาโถมเข้ามาพร้อมๆ กัน...
     
      นอกจากความวิจิตรของการแสดง “โขน” แล้ว สิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่อก็คือ เรื่องของ “คน” นั่นเอง...“โดยรวมมันเป็นเรื่องพื้นฐานของชีวิตมนุษย์ที่มีรัก โลภ โกรธ หลง มีชะตากรรมเข้ามาเป็นตัวกำหนด คือเรื่องนี้ถ้าถอดเรื่องโขนออกจะชี้ให้เห็นว่าชีวิตคนเราไม่ว่าจะเดินไปทางไหนมันคือเรื่องจิตใจ เรื่องกิเลส ถ้าเราให้กิเลสเป็นตัวนำพา เราตัดสินใจอะไรผิดพลาดไปผลที่ตามมานั้นมันก็จะโยงใยหลายชีวิตเข้าด้วยกัน”
     
      ในส่วนของนักแสดงนั้น นอกจากจะเข้มข้นกับการโคจรมาพบกันของ 2 นักแสดงคุณภาพรุ่นใหญ่ “เอก สรพงษ์ ชาตรี” กับบท “ครูหยด” และ “หนิง นิรุตติ์ ศิริจรรยา” ในบท “ครูเสก” ร่วมด้วย “ต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล” ในบท “ซ่อนกลิ่น” และการพลิกบทบาทการแสดงครั้งสำคัญของ “กบ พิมลรัตน์ พิศลยบุตร” ในบทของ “รำไพ” แล้ว...
     
      ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้นักแสดงรุ่นใหม่เข้ามาร่วมสร้างสีสันอีกหลายคน ทั้ง “อาร์ อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ” นิสิตชั้นปีที่ 3 ภาควิชานาฏยศิลป์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ผ่านงานแสดงโขนมาหลากหลายงานในบทของ “ชาด” พร้อมด้วยรุ่นพี่ร่วมคณะ “ตรี นันทรัตน์ เชาวราฎศร์” ซึ่งกวาดรางวัลจากการประกวดด้านดนตรีและนาฏศิลป์มามากมายมารับบท “แรม”
     
      รวมถึง “นัท ขจรพงศ์ พรพิสุทธิ์” หลานชายพระเอกชื่อดังของกรมศิลป์ “ปกรณ์ พรพิสุทธิ์” ที่มีความสามารถในเชิงโขนไม่แพ้กันรับบท “คม” และ “กอง กองทุน พงษ์พัฒนะ” หนุ่มปริญญาตรี คณะดุริยางคศาสตร์ สาขาดนตรีแจ๊ซ มหาวิทยาลัยศิลปากร รับบทเป็น “ตือ” หนุ่มที่มีความสามารถในการวาดภาพ โดยในส่วนของนักแสดงหน้าใหม่นี้ทางทีมงานต้องใช้เวลาในการคัดเลือกตัวกันร่วม 5 เดือนเลยทีเดียว
     
      “เริ่มจากตัวพระเอก เราก็ได้นักแสดงที่เป็นโขนจริงๆ น้องอาร์ เรียนนาฏศิลป์ที่จุฬาฯ มีพื้นฐานทางนี้ดีพอตัวเลย นางเอกเราแคสหลายคนมากๆ จนไปเห็นรูปน้องตรีในหนังสือแฟชั่น เห็นแล้วก็สวยดี แถมกำลังเรียนนาฏศิลป์ที่จุฬาฯ เหมือนกัน ก็เข้าตาเลย จากนั้นคนอื่นๆ ไม่น่าเชื่อว่าแม้กระทั่งน้องกองตัวเพื่อนในเรื่องก็เคยเรียนโขน คือได้มาจากกลุ่มโขน”
     
      “ส่วนตัวผู้ร้ายคู่ปรับอันนี้มาครั้งแรกก็ได้เลย น้องนัท เป็นหลานของคุณปกรณ์ พรพิสุทธิ์ พระเอกและครูโขนชื่อดังในกรมศิลป์ และหน้าตาก็ใช่เลยเหมาะกับยุคสมัย...มาถึงนักแสดงรุ่นใหญ่ ซึ่งตามบทมันก็มีบทของครูโขน 2 คนที่เป็นรุ่นใหญ่ ที่มีภูมิหลังที่เขาเป็นเพื่อนเก่ากันมาและมาหักกันในยุคนี้ครูคนหนึ่งก็เป็นครูของพระเอก ครูอีกตัวก็เป็นครูของตัวร้าย เป็นคู่อริกัน”
     
      “ก็ตามสูตรหนังเลย ต้องเป็นคนที่มีบารมีที่จะมาค้ำทั้งหมดของหนัง คือถ้าดูแล้วไม่เชื่อ ตรงนี้ก็จะดูไม่แข็งแรง ในโลกการแสดงเมืองไทยต้องเป็นสองคนนี้เท่านั้น สรพงษ์ ชาตรี และ นิรุตติ์ ศิริจรรยา ซึ่งดูแล้วมีบารมี มีศักดิ์ศรีค้ำกันได้ ตามมาด้วยอีกสองคนของเรื่องซึ่งเป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน คนหนึ่งก็คือแฟนเก่าของครูหยดคือสรพงษ์ เมื่อได้สรพงษ์มา ใครล่ะที่จะใส่ชุดนางรำได้สวยงาม เป็นคนรำแล้วสวยงาม ก็นึกถึงพี่ต่าย เพ็ญพักตร์ คุณต่ายก็ยินดีอยากใส่ชุดสวยงามเหล่านี้...”
     
      “และอีกคนที่เป็นหัวใจของเรื่องก็คือตัวที่เป็นครูสอนรำ ชื่อครูรำไพ เราก็ต้องการใครสักคนที่มีความเหมาะสมกับนางรำในยุคนั้น ต้องมีความเป็นไทย และต้องมีกิเลสตัณหามาจับในชีวิตของเขา ต้องสะท้อนเรื่องราวเหล่านี้ได้ ก็คิดและเลือกอยู่นาน สุดท้ายเราก็ต้องเลือกกบ พิมลรัตน์ ไม่มีเหตุผลใด คือเราวางกบไปแล้วมันพอดี มันตอบทุกอย่างได้ มันไม่ได้โดดเด่นจนข่มนักแสดงคนอื่นทั้งหมด และก็ไม่ได้กลืนหายจากการเป็นนางรำคนหนึ่ง”
     
      อีกหนึ่งที่แสดงถึงความพิถีพิถันของผู้กำกับที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ การที่เจ้าตัวได้เลือกใช้กล้องฟิล์มในการถ่ายทำนั่นเอง...“พี่ยังเป็นคนรุ่นเก่าอยู่มั้ง (หัวเราะ) คือถ้าดูว่าระหว่างฟิล์มกับกล้อง SD ยังไงพี่ก็ชอบฟิล์มมากกว่า จะเห็นความแตกต่างทางอารมณ์ด้วยเนื้อฟิล์ม ทางด้านภาพก็จะสวยและมีเสน่ห์ในตัวของมัน”
     
      “และสิ่งที่ได้มาจากการใช้ฟิล์มถ่าย คือ สมาธิหน้ากองฯ ดีมาก คือถ้าจะถ่ายเป็น SD เป็นวิดีโอ จะถ่ายกี่เทกก็ได้ สมาธิก็น้อย พอเป็นฟิล์มก็ต้องซ้อมนะ พอถ่ายจริงฟิล์มพี่ก็ไม่เปลือง ไม่ถึง 200 ม้วน บางคนอาจจะไม่ชอบที่มันยุ่งยาก แต่พี่ชอบที่มันมีสมาธิดี พี่รู้เลยว่าถ้าไม่ใช่ฟิล์มจะมีการถ่ายเผื่อเยอะมาก ซึ่งตรงนั้นจะทำให้ใช้คิวในการถ่ายเยอะไปอีก พอเป็นฟิล์มก็จะคิดเดี๋ยวเปลืองฟิล์มก็ต้องมีการทำงานบนโต๊ะเยอะ พอถ่ายทุกคนก็จะมีสมาธิที่จะเงียบที่จะฟัง คือถ้ามันยังผลิตฟิล์มอยู่ พี่ก็จะใช้มันไปเรื่อยๆ นะ”
     
      ภาพยนตร์เรื่อง “คนโขน” ดำเนินงานสร้างโดย “นับหนึ่ง นีโอฟิล์ม” โดยมี บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล รับหน้าที่บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ซึ่งทางผู้กำกับเองได้สรุปภาพรวมความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ทั้งหมดให้ฟังว่า...“ความน่าสนใจรวมๆ ของเรื่องนี้คือวางให้หนังเรื่องนี้มันมีอิสระจากการประทับยี่ห้อทุกอย่าง ทั้งตัวผู้กำกับเองหนังก็ไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองใดๆ อย่างชื่อหนังที่ชื่อคนโขนผมก็ไม่อยากให้เป็นการประทับตราว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังวัฒนธรรม ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากดู”
     
      “ความโดดเด่นของหนังก็จะเป็นเรื่องรสชาติของความเป็นหนังไทย ไม่ได้เข้าใจยาก แต่ก็ไม่ใช่หนังที่สามารถเดาได้ มันจะมีลีลามีปมหลังของตัวละคร สามารถกลมกลืนทำให้เราลุ้นตาม เราเชียร์ตัวละคร สงสาร เห็นใจ เข้าใจชีวิตเขาได้ เพราะฉะนั้นคนดูก็ซึบซับเรื่องราวเหล่านี้ซึ่งเกือบจะเป็นดราม่า เป็นชีวิตน้ำเน่าด้วยซ้ำได้ แล้วแต่ว่าใครจะมองว่าหนังน้ำเน่าเป็นแบบไหน”
     
      “ในมุมคนที่ชอบโขน ชอบศิลปะ แน่นอนมีครบถ้วน เพราะฉะนั้นอย่างน้อยคน 2 กลุ่มนี้สามารถดูได้ ในมุมของวัยรุ่นทั่วไป ถ้าชอบดูหนังคุณไม่ต้องรู้ก่อนเลยว่า คนโขนเป็นอะไร ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ชอบศิลปะความเป็นภาพยนตร์ หนังเรื่องนี้มีให้ดูครบถ้วน จะครบ 100% หรือไม่ต้องให้ท่านผู้ชมตัดสินใจเอง แต่ในฐานะของคนทำภาพยนตร์ เราได้ทำเต็มที่กับปัจจัยต้นทุนในการทำภาพยนตร์อย่างเต็มร้อยเท่าที่เรามีแล้ว”
      ...
      หมายเหตุ : คลิกชมภาพยนตร์ตัวอย่าง “คนโขน” ได้ที่

 
ตัวอย่าง คนโขน (Official Tr.)



http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9540000095477
บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 12.0.742.122 Chrome 12.0.742.122


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554 18:59:53 »

อยากให้ออกมาแล้วได้อารมณ์แบบตอนดู "โหมโรง" จบ

แต่ไม่รู้ทำไม ไม่ชอบตั้วเลย ตั้งแต่ตั้วไปขึ้นเวทีของเสื้อสี

ทั้งที่ตัวเราเองไม่ได้สีอะไร และไม่ได้โอนเอียงลึก ๆ

แต่คิดว่าจะไม่ดูเรื่องนี้เพราะอคติกับตั้วในสมัยเวทีปราศัยนี่แหละ

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 2097


【ツ】ต้นไม้แห่งแสง

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 6.0 Firefox 6.0


หน้ากู
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 16 กันยายน 2554 12:38:11 »

หลายวันก่อน ตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ดาราที่ผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับ ที่มีผลงานล่าสุดอย่าง

"คนโขน" ต้องออกมาพิมพ์ข้อความเปิดใจ น้อยใจ ลงในเฟชบุ๊ค เนื่องจากหนังไม่ทำเงินตามที่ตั้งเป้าไว้...

--------------------------------

"ปิดม่าน คนโขน"

ปาฏิหารย์ไม่มีจริง ทุกสรรพสิ่งมีผลมาจากเหตุและปัจจัย

จั่วหัวไว้อย่างนี้ พี่น้องคงพอเดาได้ ว่าเนื้อหาบรรทัดต่อๆ ไปของบทความนี้จะเคลื่อนตัวไปในแนวไหน

กว่าสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมทุ่มเททั้งชีวิตให้กับภารกิจทุกอย่างที่เจ้าของหนังคนหนึ่งพึงกระทำได้

นับตั้งแต่เปิดตัวประชาสัมพันธ์ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่ามีหนังเรื่อง คนโขน รออยู่ในโรงฉาย

ชักชวน อ้อนวอนคนรู้จักมากมายให้พากันมาดูหนังเรื่องนี้

ผมแอบฝันเล็กๆว่า หากมีพี่น้องพันธมิตร ซึ่งไม่ต้องถึงกับทั้งหมดหรอกครับ

เอาเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเท่าที่มี พร้อมใจกันมาดูหนังเรื่องนี้

รายได้ของหนังก็จะทะลุเกินเป้าที่นายทุนตั้งความหวังไว้แล้ว...นายทุนเองยังพลอยยิ้ม เห็นด้วยกับความฝันของผมเลย

แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่!!!
 
ผมเพิ่งกลับจาก บ.สหมงคลฟีล์ม เพิ่งเปิดบัญชี ดูตัวเลขรายได้ทั้งหมดที่เก็บได้จนถึงรอบเมื่อกี้

ทุกคนตกใจ  มันน้อยเกินกว่าระดับต่ำสุดที่เราประเมินไว้เสียอีก...น้อยจริงๆครับ

อย่าให้ผมบอกตัวเลขเลย ผู้ที่คอยลุ้นคอยให้กำลังใจผมตลอดมาจะพลอยหดหู่ใจกันเปล่าๆ

แต่คนที่อยู่ฟากฝั่งตรงข้ามหากเห็นตัวเลขนี้เข้า ก็คงจะสมน้ำหน้า ว่าสมแล้วหละคุณ...

ถ้าจะบอกว่าผมไม่เสียใจ ก็คงจะเป็นการโกหกตัวเองเกินไป

เพียงแต่ว่าภายใต้ความชอกช้ำใจครั้งนี้  มันได้บอกอะไรกับผมหลายต่อหลายอย่าง
 
ในส่วนของตัวงานภาพยนตร์ ผมคิดว่าผมมาถูกทางแล้ว

เพราะเกือบทุกคนที่ดูคนโขน ต่างพากันชื่นชมในคุณค่าของงาน ในมุมมองที่ต่างๆ กัน ตามแต่รสนิยมในการรับรู้ของแต่ละคน

จะมีบ้างบางมุม ที่เห็นต่างกันไป หรือมีบางมุมที่ไม่ชอบ ขัดใจ เช่นชะตากรรมของตัวละครในตอนจบ

ซึ่งผมถือว่านี่คือเสียงตอบรับที่ดี ที่ตัวหนังได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์เชิงสร้างสรรค์

ไม่ใช่ตั้งใจชม หรือตั้งใจเชียร์แบบไม่ลืมหูลืมตา

นักข่าวอาวุโสหลายท่านต่างเขียนชมภาพยนตร์เรื่อง "คนโขน" นี้กันไม่น้อย

ล่าสุดคอลัมน์ ซูม ในนสพ.ไทยรัฐฉบับเมื่อเช้านี้ (13 ก.ย. 2554) ก็กล่าวชมยาวทั้งคอลัมน์

บนความเสียดายของคุณซูมที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ช้าไป
 
ในส่วนของกำลังใจจากพี่น้องพธม.นั้น ผมพูดอะไรไม่ออก

น้ำตามากมายของผมหยดลงบนบันทึกก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

คำว่าขอบคุณนับล้านคำ นับล้านครั้ง ก็ยังไม่เท่าน้ำใจไมตรีที่พี่น้องมอบให้กับหนังของผม
 
ผมได้รู้ว่า "เท่าที่ผมเป็น เท่าที่ผมมี"

มันยังไม่เพียงพอที่จะให้ผมยืนหยัดอยู่ในอาชีพนี้ได้ ในระดับของโอกาส ที่เท่าเทียมกับคนอื่นในสังคม

ไม่เป็นไรครับ  ผมยังไม่ท้อหรอกครับ

ผมจะสู้ต่อไป ในอาชีพของผม ด้วยต้นทุนเท่าที่ผมมี

ผมยังหวังว่า สักวันหนึ่งคุณค่าของงานที่ได้สร้างไว้ในวันนี้คงจะมีโอกาสเข้าถึงการรับรู้ของผู้ชม

ด้วยรูปแบบของสื่อที่ต่างกันออกไป

เช่นจากแผ่น DVD ไม่ว่าจะเป็นแผ่นแท้หรือแผ่นผี หรือถูกฉายในช่องฟรีทีวี

หรือแม้แต่ในวงสนทนาของผู้ที่ได้มีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมก็ดีใจแล้วครับ
 
พรุ่งนี้ วันพุธที่ 14 กันยายน 2554 ก็จะเป็นวันสุดท้าย ที่หนัง "คนโขน" จะได้ฉายในโรงภาพยนตร์

ไม่มีโรงไหนยอมฉายหนังเรื่องนี้ต่อไปหรอกครับ ในเมื่อแต่ละรอบมีคนดูไม่เกินหลักสิบ

ผมไม่โทษโรงภาพยนตร์เลย ออกจะเห็นใจเขาด้วยซ้ำ
 
แต่ก็ยังดีที่กระทรวงวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของงานที่เหมาะแก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา

ยังดีที่บ.ไทยประกันชีวิต และ ธอส. ก็เห็นคุณค่านี้ด้วย

จึงเอื้อเฟื้อค่าใช้จ่ายในการเหมาโรงฉายให้นักเรียน หลากหลายโรงเรียนได้เข้าชมฟรี โดยแจ้งความจำนงมาที่กระทรวง

ณ วันนี้ มีรอคิวอยู่แล้วประมาณ 20 โรงเรียน เรียงกันไปจนถึงอาทิตย์หน้า
 
ฉะนั้นหากพี่น้องท่านใด อยากดูภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการสั่งลา

ก็ทำได้ด้วยการรวมตัวกันประมาณ 100 คนขึ้นไป นัดหมายกันไปซื้อตั๋วดูรอบเดียวกัน

โรงภาพยนตร์ก็จะเปิดรอบนั้นฉายให้เป็นกรณีพิเศษเป็นรอบๆ ไป

ซึ่งพี่น้องสามารถเลือกโรงที่สะดวก เดินทางง่าย โรงใดก็ได้ แต่ต้องแจ้งมาที่ผมก่อน หรือจะผ่านทาง ASTV มายังผมก็น่าจะได้

ผมจะได้ติดต่อเหมาโรงล่วงหน้าให้ในทันที
 
คิดเล่นๆ อีกสักครั้ง ฝันเล่นๆ อีกสักครา

หากพี่น้องพธม. พร้อมใจ รวมตัวกันมา เหมาโรงเหมารอบดูกันเอง ไม่ต้องทั้งหมดของพธม.หรอกครับ

เอาแค่ซักครึ่งหนึ่งของจำนวนพวกเราที่มี

วิกฤตของผมครั้งนี้ ก็จะพลิกฟื้น ต่อชีวิตขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

อนิจจา..."ปาฎิหารย์คงไม่มีจริง เพราะทุกสรรพสิ่งล้วนมีผลมาจากเหตุ และ ปัจจัย"
 
กราบคารวะน้ำใจของพี่น้องทุกท่านอีกสักครั้ง บนบทความว่าด้วยเรื่อง คนโขน ชิ้นสุดท้ายชิ้นนี้

เพราะรู้ว่า อ้อมแขนอันโอบอุ่นของพี่น้อง ยังคงประคองผมอยู่

จะมากจะน้อยแค่ไหน หากไม่ตาย ผมคงได้ทดแทนคุณครับผม


ศรัณยู  วงษ์กระจ่าง
๑๓ กันยายน ๒๕๕๔
บันทึกการเข้า

เราช่วยกันนำต้นรักที่เพาะได้
   ส่งไปตาม บ้านที่ต้องการ
       อยากจะได้...
   หรืออยากจะเติม
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 2097


【ツ】ต้นไม้แห่งแสง

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 6.0 Firefox 6.0


หน้ากู
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 16 กันยายน 2554 12:51:42 »

เจอมาจาก sanook เลยเอามาให้ชมบางส่วน
ถึงความคิดห็นของคนทั่วๆไป

อ้างถึง
จาก คนไม่เลือกข้าง

ผมคนหนึ่งที่ชื่นชมคุณมาตลอดแต่พอคุณเลือกข้างก็ไม่เป็นไร ปัญหาคือเวลาคุณปลุกระดมหรือเชิญชวนบางครั้งมันเหมือนโกรธแค้นเกินไป ใช้ภาษาที่ไม่สุภาพเลย ศรัทธามันลดครับเพราะที่ผ่านมาคุณเป็นดาราที่คนชอบมาก ไม่เคยมีข่าวอะไรในทางเสียหาย สุภาพ ยิ้มอารมณ์ดีตลอดที่พบเห็น  เป็นกำลังใจให้ครับ คนเราโกรธกันได้แต่อย่าให้ถึงเกลียดกัน

อ้างถึง
จาก ตุ๊ก

ไม่ดูไม่สนใจ ไม่อยู่ในสายตา ดูฟรียังไม่ดู แถมเงินก็ไม่ดู เพราะเลือกข้ามตรงข้ามกับคุณ

อ้างถึง
จาก คนเคยชอบคุณ

ไปกันใหญ่แล้วครับคุณตั๊ว หนังก็คือหนังครับ เลิกแบ่งแยกฝ่ายเถอะ คนเค้าไม่ดูก็ไม่เกี่ยวกับฝ่ายไหนหรอก มองที่ตัวเองดีกว่า งานคุณเป็นยังไง ตัวคุณเองยังไม่หลุดพ้นจากการแบ่งฝ่ายเลย สมองคุณยังมีแต่เรื่องพันธมิตร คิดดูเถอะ คิดได้ยังไงถ้ากลุ่มพันธมิตรดูหนังคงได้เงินมากกว่านี้ คุณเอาพันธมิตรมาทำอะไร อุดมการณ์ของเค้ามีอยู่ เค้าตั้งมาไม่ใช่เพื่อการพาณิชย์อย่างที่คุณคิด อย่าใช้เค้าเป็นเครื่องมือ พันธมิตรเค้าจะคิดกับคุณยังไง คุณต้องยอมรับความจริงหนังคุณอยู่นอกกระแส การโปรโมทก็แสนจะน้อยและธรรมดา ใช้คนมีฝีมือมาแสดง ไม่เห็นโปรโมทฝีมือเค้าเลย ทำอะไรเก่งบ้าง การตลาดคุณอ่อนอย่างนี้จะให้หนังทำเงินได้ไง ขนาดคุณยังคิดได้แค่นี้ น่าเป็นห่วงจริงๆ

อ้างถึง
จาก ไก่ต้มยำ

ผมไม่อยากจะวิจารณ์มาก เพราะผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ไปดู เพียงแต่อ่านคอลัมน์ของคุณซูม ก็เลยสนใจมาก เพราะแกจะไม่เขียนชม  ถ้าหนังเรื่องนั้นไม่ดี  แต่พอบอกว่าผู้สร้างเป็นคุณศรัญญู ผมเลยจบข่าว  ไม่อยากดู เพราะสิ่งที่คุณศรัญญูทำไปในช่วงนั้น  ในส่วนผมรับไม่ได้เลย ทุกวันนี้อะไรที่เกี่ยวกับคุณศรัญญูผมยกเลิกหมด  และเพื่อนๆ อีกหลายคนที่ปฏิเสธคุณศรัญญู  ลองหาอาชีพอื่นทำเถอะครับ

อ้างถึง
จาก แมวดำ

การท่คุณเคยเป็นพันธมิตรมันทำให้สังคมต้องแยกฝ่ายกันชัดเจนมันอาจทำให้รายได้หนังคุณเจ๊งไม่เป็นท่า ..แต่ถ้าคุณทำตัวไม่ฝักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คือทำตัวเป็นคนกลางหรือพลังเงียบ ป่านนี้หนังคุณควมีกำไรอีกเยอะ นี่คือคำแนะนำครับ

อ้างถึง
จาก pantakongmha

จะไปโทษใครก็กระไรอยู่ มันก็ต้องโทษตนเองอยู่แล้ว..
เป็นบุคคลสาธารณ ก็ต้องรู้จักการวางตน เพราะยืนอยู่บนคมมีด
ขยับนิดเดียวก็อาจจะต้องเลือดซิบได้ ดังนั้นการเป็นดารา การเป็นนักแสดง
หรือแม้นว่าการจะเปลี่ยนภาพตนเองมาเป็นผู้กำกับหรือพิธีกรก็ตามที
มันต้องมีจิตวิทยาสูง...การจะตัดสินใจไปเลือกข้างนั้นทางการเมืองมันอตร.
มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดกับตนเอง จะสนับสนุนกลุ่มที่ตนเห็นพ้อง
มันก็ต้องทำให้มันถูกต้องในอีกมิติหนึ่ง แต่คุณซึ่งเป็นดารา เป็นพิธีกร
ออกจ้ออยู่หน้าจอ แต่กลับตัดสินใจขึ้นไปบนเวที เพื่อเลือกข้าง นั่นเท่ากับว่า
คุณเลือกทางของคุณแล้ว คุณได้เอาอาชีพของคุณเองเข้าไปเสี่ยง...
อย่างเต็มตัว นั่นก็เท่ากับคุณพร้อมแล้วที่จะเดินทางนี้ มันเหมือนกับการ
เลือกแทงไฮโล สูงหรือต่ำ..เลือกฝั่งที่ถูกต้องไหม ประกาศต่อหน้าสาธารณชน
ผู้คนเขาเห็นมากเสียยิ่งกว่าคุณเป็นดารา เพราะมันจดจำภาพลักษณ์อันนั้นง่าย
นั่นแหล่ะที่ผมบอกว่าตั้ว ศรัณยู ตายน้ำตื้นซะแล้ว และแว่ว ได้เล่นหนังหลัง
จากคลื่นการเมืองสงบ....หนังที่ตนเล่นก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะ
เรื่องไหนก็ตาม...ฉนั้นนี่เป็นปฐมบท กว่าจะลบล้างภาพนั้น ๆ ออก คงต้องอีก
นานแสนนาน..ยิ่งอีสาน เหนือ เชื่อได้เลยยากส์ครับ ตัวอย่างอีกคนแม้จะผัน
ตัวไปเป็นผู้กำกับละคร ตอนนี้ก็ร่อแร่เช่นกัน มันไม่พุ่งปรี๊ดปร๊าดเหมือนการ
ขึ้นไปประกาศตน ให้คนเขาหมั่นไส้กัน...น่าจะทำให้มันเงียบๆ ดูจะดีกว่า
เพราะว่าเราต้องใช้หน้าตาหากิน นอกเสียจากคุณจะมีเงินเป็น
ร้อยล้านพันล้านนอนกอดอยู่ที่บ้านแล้ว ก็ไม่ต้องแคร์ ความรู้สึกของประชาชน....

ข้อความบางส่วนจาก
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3493998


ที่ผมเอาข้อความเหล่านี้มาลงไม่ใช่เพราะเป็นพวกแบ่งฝักฝ่าย
เพราะผมเองเทิดทูนพระเจ้าอยู่หัวและเกลียดการแบ่งสี
แต่จะเอามาลงไว้เป็นอุทาหรณ์
เป็นบุคคลสาธารณะแล้วมาแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมือง
มันคือการฆ่าตัวตายในสายอาชีพของตนเอง
คุณเป็นขวัญใจคนมานับสิบๆปี แต่กลับมาพังเพราะการแบ่งข้าง
ถามเพียงสั้นๆว่า "คุ้มไหม ?"
บันทึกการเข้า

เราช่วยกันนำต้นรักที่เพาะได้
   ส่งไปตาม บ้านที่ต้องการ
       อยากจะได้...
   หรืออยากจะเติม
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.616 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 09 เมษายน 2567 03:13:16