[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 09:09:05 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีรักษา "ไข้ใจ" เมื่อความรักคือโรคร้ายที่เยียวยาได้ด้วยการแพทย์ในยุคกลาง  (อ่าน 629 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2319


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2564 19:27:25 »



วิธีรักษา "ไข้ใจ" เมื่อความรักคือโรคร้ายที่เยียวยาได้ด้วยการแพทย์ในยุคกลาง

"ความรักคือโรคา บันดาลตาให้มืดมน" เป็นบทกวีที่เราได้ยินได้ฟังกันบ่อยครั้ง ผู้คนยังมักกล่าวกันว่าความรักทำให้เจ็บปวดทุกข์ทรมาน และหลายคนก็เกิดอาการเจ็บป่วยทางกายขึ้นมาจากเหตุความรักไม่สมหวังได้จริง ๆ ในยุคหนึ่งบรรดาผู้รู้มองว่า "ไข้ใจ" ชนิดนี้ สามารถจะรักษาให้หายขาดได้ด้วยเทคนิควิธีทางการแพทย์

ในยุคกลางของยุโรป เมื่อราวศตวรรษที่ 5 ถึงปลายศตวรรษที่ 15 นั้น ไข้ใจหรือโรคคลั่งรักเป็นความเจ็บป่วยที่ส่งผลกระทบรุนแรงทางกายด้วย และในบางครั้งหากไม่ได้รับการรักษาก็อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

ดร. ลอรา คาลาส ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณคดีและการแพทย์ยุคกลางจากมหาวิทยาลัยสวอนซีของสหราชอาณาจักร ได้เขียนบทความว่าด้วยการวินิจฉัยโรคไข้ใจและวิธีรักษาด้วยการแพทย์แผนโบราณ ซึ่งลงเผยแพร่ในเว็บไซต์วิชาการ The Conversation ไว้ดังนี้

"ความเชื่อเก่าแก่ที่ว่าความรักความผูกพันทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นได้นั้น ในปัจจุบันแวดวงวิทยาศาสตร์และการแพทย์ได้รับรองแล้วว่าเกิดขึ้นได้จริง โดยอิทธิพลจากความแปรปรวนของสารสื่อประสาทในสมอง เช่นโดพามีน อะดรีนาลิน และเซโรโทนิน ทำให้คนที่อยู่ในห้วงรักมีอาการเจ็บปวดไม่สบายกายขึ้นมาได้เช่นกัน"

"แต่วิชาการแพทย์ในยุคกลางนั้น ถือว่ากายและใจมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งของเหลวที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในร่างกาย 4 ชนิด หรือที่เรียกว่าฮิวเมอร์ (Humour) จะต้องอยู่ในภาวะสมดุลเพื่อให้มีสุขภาพดี หากของเหลวทั้ง 4 ซึ่งได้แก่เลือด เสมหะ น้ำดีดำ และน้ำดีเหลือง เกิดเสียสมดุลระหว่างกันไป ความเจ็บป่วยและโรคภัยต่างๆ จะมาเยือนในทันที"



ภาพประกอบจากหนังสือ Roman de la Rose เล่าถึงตำนาน "พิกเมเลียน" ประติมากรที่ล้มป่วยด้วยไข้ใจเพราะหลงรักรูปปั้นหญิงงามที่ตนเองสร้างขึ้น

"ตำราของกาเลน (Galen) แพทย์ชาวกรีกผู้พัฒนาวิธีวินิจฉัยและรักษาโรคตามหลักสมดุลของฮิวเมอร์ระบุว่า คนที่มีนิสัยเจ้าทุกข์มักมีแนวโน้มจะฟูมฟายโศกเศร้ากับความรัก รวมทั้งล้มป่วยด้วยไข้ใจได้ง่าย เนื่องจากมีน้ำดีดำอยู่มากเกินไป จนทำให้ภายในร่างกายเย็นและแห้ง"

"นักบวชและแพทย์คนสำคัญในศตวรรษที่ 11 คอนสแตนติน ดิ แอฟริกัน (Constantine the African) ชี้ว่าไข้ใจนั้นเป็นโรคที่สัมผัสกับเนื้อสมอง บางครั้งสาเหตุของโรคนี้คือความต้องการตามธรรมชาติที่รุนแรงเป็นพิเศษ เนื่องจากร่างกายจำเป็นต้องหาทางขับฮิวเมอร์ส่วนเกินออกมา ทำให้ผู้ป่วยเกิดความวิตกและกระสับกระส่าย"

"วรรณกรรมในยุคกลางกล่าวถึงอาการป่วยทางกาย ซึ่งเกิดจากความคิดถึงคะนึงหาคนรักอยู่บ่อยครั้ง เช่นในบทกวี Confessio Amantis หรือคำสารภาพของคู่รัก ซึ่งประพันธ์โดยจอห์น โกเวอร์ ในศตวรรษที่ 14 ชายผู้หนึ่งพร่ำรำพันอ้อนวอนต่อเทพีวีนัสว่า เขาต้องล้มป่วยและทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพราะความรัก จนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด จึงทำให้เทพีเห็นใจและนำยาทามาแต้มรักษาบาดแผลที่หัวใจ ขมับ และไตของเขา บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างสาหัสเหมือนไฟเผาลงได้"

"อาการของโรคไข้ใจที่ปรากฏในตำราแพทย์ยุคกลางนั้น เริ่มตั้งแต่มีความรู้สึกหดหู่หม่นหมอง นอนไม่หลับ สิ้นหวังหมดกำลังใจ เบื่ออาหาร ไปจนถึงมีอาการใจสั่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน หายใจลำบาก เป็นลมหมดสติหรือลมชักกำเริบ"



หนังสือ Roman de la Rose เป็นที่นิยมอย่างมากในศตวรรษที่ 14 รวบรวมบทกวีและศาสตร์แห่งรักเป็นภาษาฝรั่งเศสโบราณ

"ตำราโบราณในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 ระบุว่า การปักใจหลงใหลและหมกมุ่นครุ่นคิดถึงแต่บุคคลผู้เป็นที่รัก ทำให้อาการเจ็บป่วยยิ่งฝังลึกและยากที่จะรักษาได้ เพราะความเศร้าตรมจะทำให้ร่างกายเย็นลงเรื่อย ๆ และความเย็นจะยิ่งทำให้อารมณ์หม่นหมองลงไปอีกเป็นทวีคูณ"

"ดังนั้นวิธีรักษาไข้ใจจึงต้องทำให้ผู้ป่วยสงบสติอารมณ์ พักผ่อนและสูดยาดมช่วยผ่อนคลาย รวมทั้งต้องทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น เช่นออกไปอาบแดดหรือรับแสงแดดในสวน อาบน้ำอุ่นที่ผสมพืชมีสรรพคุณให้ความชุ่มชื้น เช่นดอกบัวหรือดอกไวโอเล็ต"

"อาหารที่แนะนำสำหรับคนป่วยไข้ใจ ได้แก่เนื้อแกะ ไข่ ปลา ผักกาดหอม ผลไม้สุก และรากของต้นเฮลเลบอร์ (Hellebore) ส่วนน้ำดีดำในร่างกายที่มีมากเกินไป อาจขจัดออกได้ด้วยการกินยาระบายหรือยาถ่ายชนิดค่อนข้างแรง รวมทั้งใช้วิธีกรีดเลือด (Bloodletting) เพื่อถ่ายเลือดเสียออกมา ซึ่งเป็นวิธีที่แพทย์ในยุโรปนิยมใช้รักษาโรคหลายชนิดในยุคโบราณ"

"ถ้าหากวันวาเลนไทน์ปีนี้คุณรู้สึกไม่ค่อยสบาย หรือรู้สึกเจ็บปวดเพราะความรักกำลังทิ่มแทงหัวใจ จนไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว อาจลองใช้วิธีรักษาแบบยุคกลางดูบ้างก็ได้"
....ichef.bbci.co.uk/news

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.309 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้