[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
27 เมษายน 2567 04:07:14 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม “พระพุทธชินราช” จึงเป็นพระพุทธรูปที่จำลองมากที่สุด?  (อ่าน 572 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2325


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 16 มีนาคม 2564 14:13:54 »


พระพุทธชินราช ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก

ทำไม “พระพุทธชินราช” จึงเป็นพระพุทธรูปที่จำลองมากที่สุด?
ที่มา : ศิลปวัฒนธรรม
เผยแพร่ : วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2564


พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปที่มีการจำลองมากที่สุด ดังที่เห็นกันทั่วไปว่าพระประธานในโบสถ์หรือวิหารทั่วเมืองไทย ตลอดจนวัดไทยในต่างประเทศ มักเป็นพระพุทธชินราช พระพุทธชินราชองค์แรกที่เป็นต้นแบบของพระพุทธชินราชจำลองซึ่งแพร่หลายอยู่ทั่วไปนั้น ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก

ตำนานพระพุทธชินราชนั้นมีปรากฏในพงศาวดารเหนือ ซึ่งได้รับการเรียบเรียงใหม่ตอนปลายรัชกาลที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2350 โดยพระวิเชียรปรีชา เจ้ากรมราชบัณฑิตขวา ประวัติความเป็นมาของพระพุทธชินราชตามพงศาวดารเหนือนี้มีว่า มีกษัตริย์เชียงแสนองค์หนึ่ง ชื่อพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก มีบุญญาธิการมาก กษัตริย์เมืองเล็กเมืองน้อยต่างก็โอนอ่อนสวามิภักดิ์ พระองค์ได้ยกทัพมาทำศึกกับพระเจ้าพสุจราชเมืองสัชนาไลย เมืองสัชนาไลยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ได้ยกพระธิดาปทุมเทวีให้แก่พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก ต่อมาพระนางได้มีโอรสสองพระองค์ คือ เจ้าไกรสรราช และเจ้าชาติสาคร

ภายหลังพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกได้มาสร้างเมืองใหม่ด้วยความเชื่อว่าเป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยได้เสด็จมาฉันจังหันใต้ต้นสมอแห่งนี้ แล้วตั้งชื่อเมืองใหม่นี้ว่า พิษณุโลก พระองค์ได้ให้เมืองใต้พระบรมโพธิสมภารทั้งหลายช่วยกันสร้างวิหารและพระธาตุขึ้นกลางเมือง ส่วนพระองค์เองนั้นดำริจะสร้างพระพุทธสำริด 3 องค์คือ พระพุทธชินศรี พระศรีศาสดา และพระพุทธชินราช มีช่างจากเมืองสัชนาไลยและหริภุญไชย สร้างสำเร็จเพียงสององค์แรกเท่านั้น เหลือแต่พระพุทธชินราชเพียงองค์เดียวที่ไม่ลุล่วง ช่างทำการหล่อถึง 3 ครั้ง ก็ไม่สามารถหล่อองค์พระขึ้นมาได้เพราะทองนั้นแล่นไปไม่ทั่วองค์พระ พระศรีธรรมไตรปิฏกจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานถึงบุญบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมาแล้วในกาลก่อน ร้อนไปถึงองค์อินทร์ต้องเสร็จลงมาช่วย โดยเนรมิตตนเป็นชีปะขาว ด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งจอมสวรรค์ทองนั้นก็แล่นทั่วองค์พระได้โดยพลัน

จากประวัติการสร้างพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์นี้ชี้ให้เห็นฐานะของพระพุทธชินราชว่าสูงกว่าพระพุทธชินศรีและพระศรีศาสดา เพราะต้องอาศัยเทวดามาสร้าง คนธรรมดาสามัญไม่อาจสร้างได้ด้วยว่าบุญญาบารมีไม่ถึงพระพุทธชินราช ทั้งได้แสดงถึงบุญญาธิการยิ่งใหญ่ของพระศรีธรรมไตรปิฎกด้วย

ในปี พ.ศ.2409 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ประวัติของพระพุทธชินราชขึ้นมาใหม่ ชื่อเรื่อง “ตำนานพระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี และพระศรีศาสดา” โดยได้ทรงอิงเนื้อหาจากพงศาวดารเหนือและเพิ่มเติมขยายความบางตอนเข้าไป ปรับเน้นบางจุด ทำให้เกิดมิติมุมมองใหม่ขึ้น

โดยอธิบายการสร้างเมืองของพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกว่าเป็นเหตุผลทางการเมืองเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรูในภายภาคหน้า ไม่ใช่เป็นสถานที่ซึ่งองค์ศาสดาเคยเสด็จมาประทับเป็นเหตุผลในการสร้าง

ซึ่งสะท้อนแนวความคิดของคำว่า รัฐ คือการถือครองอาณาเขตที่ชัดเจน ก่อนหน้าที่จะทรงพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริที่จะแบ่งเส้นเขตแดนไทยกับพม่าให้ชัดเจน ซึ่งบ่งบอกว่าพระองค์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของดินแดนที่ผูกอยู่กับความเป็นรัฐ

พระองค์ยังได้ทรงสร้างความเชื่อมโยงให้พระพุทธชินราชเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สยามด้วย โดยกล่าวว่า พระพุทธที่สร้างขึ้นนั้นโดยรวมแล้วเป็นฝีมือของชาวสยาม (สวรรคโลก) ดังเนื้อความว่า  “…พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกจึงทรงพระวิตกว่า ถ้าจะทำพระพุทธรูปขึ้นแต่โดยลำพังฝีมือลาวชาวเมืองเชียงแสนกลัวเกลือกจะไม่งามดีสู้พระพุทธรูปเมืองสวรรคโลกได้…”

ทั้งยังเท้าความไปอีกว่า พระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี และพระศรีศาสดา ทั้ง 3 องค์ อันเผ่าพงศ์กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาเคยนมัสการมาแล้วหลายชั่วคน ได้เอ่ยนามกษัตริย์เป็นต้นว่า สมเด็จพระราเมศวร สมเด็จพระมหาธรรมราชา สมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ฯลฯ ด้วยอานิสงส์แห่งการมาสักการะพระพุทธรูปที่เมืองสวรรคโลกนี้ ทำให้เป็นกษัตริย์ที่เกรียงไกรมีชัยเหนือศัตรูทั้งปวง พระเจ้าแผ่นดินสยามองค์ต่อ ๆ มาก็ได้เสด็จมานมัสการพระพุทธรูปทั้ง 3  นี้เป็นธรรมเนียม

ไล่มาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ได้กล่าวถึงต้นราชวงศ์จักรีว่าล้วนมีความเกี่ยวพันกับพระพุทธชินราชทั้งสิ้น นับตั้งแต่พระบรมราชชนกของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ เคยได้มารับราชการอยู่ที่เมืองพิษณุโลก กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (วังหน้าในรัชกาลที่ 1 ) ก็เคยได้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองที่นี่ ได้บูชาพระพุทธรูปทั้ง 3 อยู่ไม่ได้ขาด แม้แต่พระพุทธยอดฟ้าฯ เองก็เคยได้มีโอกาสมานมัสการพระพุทธชินราชที่เมืองพิษณุโลกนี้เมื่อครั้งเป็นเจ้าพระยาจักรี

จากพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวข้างต้นประสงค์จะแสดงให้เห็นว่าพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์นี้เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมานาน กษัตริย์ไทยแต่โบราณให้ความสำคัญ เคารพสักการะถือปฏิบัติมิได้ขาด ผลงานชิ้นนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พระพุทธชินราชเข้ามามีส่วนร่วมมีบทบาทในประวัติศาสตร์ของชาติ

ในสมัยรัชกาลที่ 6 ตอนนั้นประเทศไทยกำลังประสบปัญหาเรื่องความเป็นไทย คือจะคิดหาหนทางอย่างไรให้ตะวันตกยอมรับในความเป็นไทย ว่าเรานั้นเป็นผู้มีอารยะทัดเทียมตะวันตก ปัญหาที่ว่านี้ส่งเสริมให้มีการพัฒนาความรู้ทาง “โบราณคดีสยาม” โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือแสดงความมีอารยะสูงของชาติเพื่อต่อสู้กับการดูถูกของยุโรป หรือเรียกว่า“โบราณคดีชาตินิยม” นั่นเอง พระพุทธชินราชจึงถูกเพิ่มความหมาย คือ เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเจริญสูงสุดในงานศิลปะของไทย

นักวิชาการต่างก็มีความเห็นว่าพระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปที่มีความงามมาก จะเรียกว่างามที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ แม้แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเองก็เคยได้ตรัสชมความงามของพระพุทธชินราช

รัชกาลที่ 6 ก็ได้ทรงปรารภถึงความงามของพระพุทธชินราชไว้ดังนี้

“…พระพุทธชินราช ตั้งแต่ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธมานักแล้ว ไม่เคยรู้สึกว่าดูปลื้มใจจำเริญตาเท่าพระพุทธชินราชเลย…ถ้าพระพุทธชินราชยังคงอยู่ที่พิษณุโลกตราบใด เมืองพิษณุโลกจะเป็นเมืองที่ควรไปเที่ยวอยู่ตราบนั้น ถึงในเมืองพิษณุโลกจะไม่มีชิ้นอะไรเหลืออีกเลย ขอให้มีแต่พระพุทธชินราชเหลืออยู่แล้ว ยังคงจะอวดได้อยู่แล้ว ยังคงจะอวดได้อยู่เสมอว่ามีของควรดูควรชมอย่างยิ่งอย่างหนึ่งในเมืองเหนือหรือจะว่าในเมืองไทยทั้งหมดก็ว่าได้…”

ความงามของพระพุทธชินราชไม่เพียงแต่ได้รับการยกย่องชื่นชมจากคนในประเทศเท่านั้นแม้แต่ฝรั่งมังค่าเองเมื่อได้มาเห็นก็ปลื้มปิติยิ่งนัก
จากคำกล่าวของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อครั้งพาฝรั่งไปชมพระพุทธชินราชว่า “…พวกฝรั่งพากันออกปากว่ายังไม่เคยเห็นของโบราณที่แห่งอื่นในเมืองไทยจับใจ Impressive เหมือนพระชินราช…”

คำกล่าวของหลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ “…ข้าพเจ้าเคยไปราชการที่จังหวัดพิษณุโลกกับฝรั่งหลายคราว เขาเคยกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า พระพุทธรูปองค์นี้สวยเหลือเกิน เขาอาจนั่งดูอยู่ในวิหารนี้ได้โดยไม่เบื่อตั้ง 2-3 ชั่วโมง บางคนถึงกับกล่าวว่าเขารู้สึกอิจฉาคนไทยมากที่มีพระพุทธรูปงามเช่นนี้ ฯลฯ ถ้าท่านเป็นคนไทย…ความงามของพระพุทธชินราชจะปรากฏแก่ท่านในขณะที่นั่งอยู่ในวิหาร ถึงทำให้น้ำตาไหลออกมาได้โดยไม่รู้สึกตัว…”
 
เพราะพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีอิทธิพลอย่างยิ่งคือร่วมสร้างประวัติศาสตร์ชาติและสัญลักษณ์ของความเป็นไทย สะท้อนถึงความเจริญในศิลปวัฒนธรรมของชาติให้ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก และสามารถอนุมานได้ว่าพระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปที่สวยที่สุดในประเทศไทย หรืออาจเป็นพระพุทธรูปที่งามที่สุดในโลก

ดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมดแล้วนั้นคงจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมพระพุทธชินราชถึงถูกจำลองมากที่สุดในไทย ทำไมจึงเป็นพระพุทธรูปที่ถูกเลือกให้เป็นแบบของพระประธานแก่วัดไทยในต่างแดน



ภาพถ่ายพระพุทธชินราช สมัยรัชกาลที่ 5 (ภาพจากสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ)


พระพุทธชินสีห์ (หน้า) และ พระสุวรรณเขต (หลัง) ภายในพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร


พระศรีศาสดา ประดิษฐาน ณ วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร
ภาพจากหนังสือ “๑๐๘ องค์พระปฏิมา พระพุทธรูปคู่แผ่นดิน”
จัดพิมพ์โดย กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม


พิธีอัญเชิญพระพุทธชินราชจำลองเข้าประดิษฐานภายในพระอุโบสถ
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ภาพถ่ายเก่าสมัยรัชกาลที่ 5
(ภาพจากสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ)

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.346 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 06 เมษายน 2567 01:11:06