[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 เมษายน 2567 09:39:10 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: the merit  (อ่าน 1414 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553 16:39:10 »


<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/22.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/22.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.fungdham.com/download/song/allhits/22.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>



....ถ่ายภาพประกอบเนื้อหาโดยข้าพเจ้า(บางครั้ง)เองแหละเจ้าค่ะ ขอสงวนลิขสิทธิ์ภาพถ่ายเจ้าค่ะ......



.....................คำว่า บุญ มีความหมายว่า ทำให้ฟู หรือ พองขึ้น บวมขึ้น นูนขึ้น......................



ส่วนคำว่า กุศล นั้น แปลว่า แผ้วถาง ให้ราบเตียนไป โดยความหมาย  เช่นนี้ เราย่อมเห็นได้ว่า เป็นของคนละอย่างหรือเดินคนละทาง


บุญเป็นสิ่งที่ทำให้ฟูใจพอใจชอบใจเช่น ทำบุญให้ทานหรือรักษาศีลก็ตามแล้วก็ฟูใจ อิ่มเอิบ หรือ แม้ที่สุดแต่รู้สึกว่า ตัวได้ทำสิ่งที่ทำยาก ในกรณีที่
ทำบุญเอาหน้าเอาเกียรติอย่างนี้ก็ได้ชื่อว่าได้บุญ เหมือนกัน แม้จะเป็น บุญชนิดที่ไม่สู้จะแพ้ หรือแม้ในกรณีที่ทำบุญด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อเอาบุญกันจริง ๆ ก็ยังอดฟูใจไม่ได้ว่าตนจะได้เกิดในสุคติโลกสวรรค์ มีความปรารถนาอย่างนั้นอย่างนี้ในภพนั้นภพนี้อันเป็นภวตัณหานำไปสู่การเกิดในภพใหม่เพื่อเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามแต่ตนจะปรารถนาไม่ออกไปจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฎสงสารได้ แม้จะไปเกิดในโลกที่เป็นสุคติ อย่างไรก็ตาม ฉะนั้น ความหมายของคำว่า บุญ จึงหมายถึง สิ่งที่ทำให้ฟูใจ และ เวียนไปเพื่อความเกิดอีก ไม่มีวันที่สิ้นสุดลงได้
ส่วนกุศลนั้น เป็นสิ่งที่ ทำหน้าที่ แผ้วถาง สิ่งกีดขวาง ผูกรัด หรือ รกรุงรัง ไม่ข้องแวะ กับความฟูใจ หรือ พอใจ เช่นนั้น แต่มีความมุ่งหมายจะกำจัดเสียซึ่งสิ่งต่าง ๆ อันเป็นเหตุ ให้พัวพัน อยู่ใน กิเลสตัณหา อันเป็น เครื่องนำให้ เกิดแล้วเกิดอีก และมีจุดมุ่งหมาย กวาดล้างสิ่งเหล่านั้นออกไปจากตัว แต่ว่า บุญ กับ กุศล สองอย่างนี้ ทั้งที่มี เจตนารมณ์ แตกต่างกัน ก็ยังมี การกระทำทางภายนอกอย่างเดียวกัน ซึ่งทำให้เราหลงใหลในคำสองนี้อย่างฟั่นเฝือ เพื่อจะให้เข้าใจกันง่าย ๆ เราต้องพิจารณาดูที่ตัวอย่างต่าง ๆ ที่เรากระทำกันอยู่จริง ๆ คือ ในการให้ทานถ้าให้เพราะจะเอาหน้าเอาเกียรติหรือเอาของตอบแทนเป็นกำไรหรือเพื่อผูกมิตร หาพวกพ้อง หรือ แม้ที่สุดแต่ เพื่อให้บังเกิดในสวรรค์อย่างนี้ เรียกว่าให้ทานเอาบุญหรือได้บุญแต่ถ้าให้ทานอย่างเดียวกันนั่นเอง แต่ต้องการ เพื่อขูดความขี้เหนียวของตัวขูดความเห็นแก่ตัวหรือให้เพื่อค้ำจุนศาสนาเอาไว้เพราะเห็นว่า ศาสนาเป็นเครื่องขูดทุกข์ ของโลกหรือให้เพราะเมตตาล้วน ๆ โดยบริสุทธิ์ใจหรืออำนาจเหตุผล อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งปัญญาเป็นผู้ชี้ขาดว่า ให้ไปเสีย
มีประโยชน์มาก
กว่าเอาไว้อย่างนี้ เรียกว่า ให้ทานเอากุศล หรือได้กุศล........................................................

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 พฤษภาคม 2553 17:17:23 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553 16:49:02 »




ซึ่งมันแตกต่าง ๆ ไปคนละทิศละทางกับการให้ทานเอาบุญในการรักษาศีล ก็เป็นทำนองเดียวกันอีกรักษาศีลเอาบุญคือรักษาไปทั้งที่ไม่รู้จักความมุ่งหมายของศีล เป็นแต่ยึดถือในรูปร่างของการรักษาศีล แล้วรักษาเพื่ออวดเพื่อนฝูงหรือเพื่อแลกเอาสวรรค์ตามที่นักพรรณนาอานิสงส์เขาพรรณนากันไว้ หรือทำอย่างละเมอไปตามความนิยมของคนที่มีอายุล่วงมาถึงวัยนั้นวัยนี้ เป็นต้น  ยิ่งเคร่งเท่าใด ยิ่งส่อความเห็นแก่ตัว และความยกตัว
มากขึ้นเท่านั้นยิ่งมีความยุ่งยากในครอบครัว หรือวงสังคมเกิดขึ้นใหม่ ๆ แปลก ๆ เพราะ ความเคร่งครัดในศีลของบุคคลประเภทนี้อย่างนี้ เรียกว่ารักษาศีลเอาบุญ ส่วนบุคคลอีกประเภทหนึ่ง รักษาศีลเพียงเพื่อให้เกิดการบังคับตัวเอง สำหรับจะเป็นทางให้เกิดความ บริสุทธิ์ และความสงบสุขแก่ตัวเองและเพื่อนมนุษย์เพื่อใจสงบสำหรับเกิดปัญญาชั้นสูงนี้เรียกว่ารักษาศีลเอากุศลรักษามีจำนวนเท่ากันลักษณะเดียวกันในวัดเดียวกัน แต่กลับเดินไปคนละทิศ
ละทาง อย่างนี้เป็นเครื่องชี้ ให้เห็นภาวะ แห่งความแตกต่าง ระหว่างคำว่า บุญ กับคำว่า กุศล คำว่า กุศลนั้น ทำอย่างไรเสีย ก็ไม่มีทางตกหล่มจมปลัก
ได้เลยไม่เหมือนกับคำว่า บุญ และกินเข้าไป มากเท่าไรก็ไม่มีเมา ไม่เกิดโทษ ไม่เป็นพิษ ในขณะที่ คำว่า บุญ แปลว่า เครื่องฟูใจนั้น
คำว่า กุศล แปลว่า ความฉลาดหรือ เครื่องทำให้ฉลาด ในการเจริญสมาธิ ก็เป็นอย่างเดียวกันอีก คือ สมาธิเอาบุญ ก็ได้ เอากุศลก็ได้ สมาธิเพื่อดูนั่นดูนี่ ติดต่อกับคนโน้นคนนี้ ที่โลกอื่น ตามที่ ตนกระหาย จะทำให้เก่งกว่าคนอื่น หรือ สมาธิ เพื่อการไปเกิดในภพนั้น - ภพนี้ อย่างนี้เรียกว่า สมาธิเอาบุญ หรือ ได้บุญ เพราะทำใจให้ฟู ให้พอง ตามความหมายของมันนั่นเอง ซึ่งเป็นของที่ปรากฏว่า ทำอันตราย แก่เจ้าของ ถึงกับต้อง รับการรักษา เป็นพิเศษ หรือ รักษาไม่หาย จนตลอดชีวิต ก็มีอยู่ไม่น้อยเพราะว่า สมาธิเช่นนี้ มีตัณหาและทิฎฐิเป็นสมุฎฐาน แม้จะได้ผลอย่างดีที่สุดก็เพียงได้เกิดในวัฏสงสาร
ตามที่ตนปรารถนาเท่านั้นไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน ส่วนสมาธิ ที่มีความมุ่งหมาย เพื่อการบังคับใจตัวเอง ให้อยู่ในอำนาจ เพื่อกวาดล้าง กิเลสอันกลุ้มรุมจิต
ให้ราบเตียน ข่มขี่มิจฉาทิฎฐิ อันจรมาในปริมณฑลของจิต ทำจิตให้ผ่องใส เป็นทางเกิดของวิปัสสนาปัญญา อันดิ่งไปยังนิพพานเช่นนี้เรียกว่า สมาธิได้กุศลไม่ทำอันตรายใคร ไม่ต้องหาหมอรักษา ไม่หลงวนเวียน ในวัฎสงสาร จึงตรงกันข้าม จากสมาธิเอาบุญ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 พฤษภาคม 2553 17:08:15 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553 16:55:00 »




ครั้นมาถึงปัญญานี้ไม่มีแยกเป็นสองฝ่ายคือไม่มีปัญญาเอาบุญเพราะตัวปัญญานั้นเป็นตัวกุศลเสียเองแล้วเป็นกุศลฝ่ายเดียวนำออกจากทุกข์อย่างเดียวแม้ยังจะต้อง เกิดในโลกอีก เพราะยังไม่แก่ถึงขนาดก็มีความรู้สึกตัว เดินออกนอกวัฎสงสาร มีทิศทางดิ่งไปยังนิพพานเสมอไม่วนเวียน
จนติดหล่มจมเลนโดยความไม่รู้สึกตัวถ้ายังไม่ถึงขนาดนี้ก็ยังไม่เรียกว่าปัญญาในกองธรรม หรือ ธรรมขันธ์ ของพุทธศาสนา ดังเช่น ปัญญาในทางอาชีพ
หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เป็นต้น
ตามตัวอย่างที่เป็นอยู่ในเรื่องจริงที่เกี่ยวกับการกระทำ ของพวกเราเองดังที่กล่าวมาแล้วนี้ ทำให้เราเห็นได้ว่าการที่เราเผลอ หรือ ถึงกับหลงเอาบุญกับกุศล
มาปนเป เป็นอันเดียวกันนั้น ได้ทำให้เกิด ความสับสนอลเวงเพียงไร และทำให้คว้าไม่ถูกตัวสิ่งที่เราต้องการ จนเกิดความยุ่งยากสับสนอลหม่านในวงพวกพุทธบริษัทเองเพียงไร ถ้าเรายังขืนทำสุ่ม - สี่สุ่มห้า เอาของสองอย่างนี้ เป็นของอันเดียวกัน อย่างที่ เรียกกัน พล่อยๆ ติดปากชาวบ้านว่า บุญกุศล ๆ
เช่นนี้อยู่สืบไปแล้วเราก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการทำบุญกุศลนี้ ให้ลุล่วงไป ด้วยความดี จนตลอดกัลปาวสาน ก็ได้
ถ้ากล่าวให้ชัด ๆ สั้น ๆ บุญเป็นเครื่องหุ้มห่อกีดกั้นบาป ไม่ให้งอกงาม หรือปรากฏ หมดอำนาจบุญเมื่อใด บาปก็จะโผล่ออกมา และงอกงามสืบไปอีก
ส่วนกุศลนั้น เป็นเครื่องตัด รากเหง้าของบาป อยู่เรื่อยไป จนมันเ่ยวแห้งสูญสิ้นไม่มีเหลือ ความต่างกัน อย่างยิ่ง ย่อมมีอยู่ ดังกล่าวนี้ คนปรารถนาบุญ
จงได้บุญ คนปรารถนากุศลก็จงได้กุศลและปลอดภัย ตามความปรารถนา แล้วแต่ใคร จะมองเห็นและจะสมัครใจจะปรารถนาอย่างไรได้เช่นนี้เมื่อใดจึงจะ
ชื่อว่าพวกเรารู้จักบุญกุศลกันจริง ๆ รู้ทิศทางแห่งการก้าวหน้าและทิศทางที่วกเวียนว่าเป็นของที่ไม่อาจจะเอามาเป็นอันเดียวกันได้เลย แม้จะเรียกว่า ทาง ๆ เหมือนกัน ทั้งสองฝ่าย



..................................พระธรรมโกศาจารย์ เงื่อม อินทปัญโญ..............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 พฤษภาคม 2553 17:13:34 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.228 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 29 กุมภาพันธ์ 2567 13:47:04