[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 04:24:17 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติพระพุทธศาสนา และหลักธรรมคำสอน  (อ่าน 875 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5444


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2564 18:19:28 »


เทพเจ้าอัญเชิญเทพบุตรโพธิสัตว์ให้จุติมาโปรดสัตว์โลก

ประวัติพระพุทธศาสนา และหลักธรรมคำสอน

ก่อนพุทธกาลและสมัยพุทธกาล ประเทศอินเดียเป็นดินแดนที่รุ่งเรืองด้วยวิทยาการแห่งหนึ่งในโลก เต็มไปด้วยนักปราชญ์ ศาสดา
ผู้ขวนขวายค้นหาสัจธรรมมาสอนคน  ในราว พ.ศ.๓๐๐-๑๐๐๐ อินเดียรุ่งเรืองไปด้วยอำนาจและเต็มไปด้วยผู้เผยแพร่สัจธรรม,
ไทยได้รับพุทธศาสนามาจากอินเดียในสมัยนั้น...สมัยพุทธกาล ทางใต้ภูเขาหิมาลัย (ดินแดนประเทศเนปาลปัจจุบัน) มีรัฐเล็กๆ
ชื่อ “สักกะ” เป็นประเทศราชของประเทศโกศล มีกษัตริย์ในวงศ์ศากยะปกครองประเทศ ชื่อ พระเจ้าสุทโธทนะ แห่งสกุล โคตมะ
ครองนครกบิลพัสดุ์ มีพระมเหสีชื่อ พระนางมายา


สันดุสิตเทพบุตรเสด็จจากสวรรค์ลงมาตามคำอัญเชิญ


ประสูติจากพระครรภ์พระมารดา ณ ป่าลุมพินีวัน

เจ้าชายสิทธัตถะโคตมะแห่งศากยวงศ์
เมื่อวันวิสาขะเพ็ญเดือนหกปีก่อนพุทธศก ๘๐ พระนางมายาเสด็จประพาสป่าลุมพินีนอกพระนคร และได้ประสูติพระราชบุตร
ณ ป่าลุมพินี  ผู้ซึ่งต่อมามีพระนามว่า สิทธัตถะ (แบบบาลี อ่าน สิท-ทัด-ถะ  แบบสันสกฤต อ่าน สิท-ทาด) เมื่อพระนาง
มายาประสูติพระโอรสได้เจ็ดวันแล้วก็สิ้นพระชนม์ พระนางประชาบดีโคตมี พระน้านางเป็นผู้เลี้ยงดูพระสิทธัตถะมาตั้งแต่เล็ก


พวกพราหมณ์แห่งราชสำนักได้ดูลักษณะพระกุมารแล้วทำนายว่า เจ้าชายสิทธัตถะประกอบด้วยมหาปุริสลักขณะ ๓๒ ประการ
ถ้าอยู่เป็นฆราวาสจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีดินแดนปกครองจดมหาสมุทรทั้งสี่ อันสมบูรณ์ด้วยแก้วเจ็ดประการ ถ้าออกบวช
จะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็น ศาสดาเอกในโลก



ดาบสองค์หนึ่งชื่อ กาฬเทวัล อาศัยอยู่เชิงเขาหิมาลัยได้ทราบข่าวว่าพระกุมารประกอบด้วยมหาปุริสลักขณะ ๓๒ ประการ
ก็มาเยี่ยม ครั้นได้เห็นลักษณะของพระกุมารแล้วก็น้อมศีรษะเคารพและทำนายว่า “พระกุมารนี้จะได้ตรัสรู้สัจธรรมเป็นพระสัมมา-
สัมพุทธเจ้าในโลก”   พระดาบสผู้ใคร่ต่อสัจธรรมถึงแก่น้ำตาไหลด้วยความเสียดายว่า ตนมีอายุมากแล้ว จะไม่มีชีวิตอยู่จนได้มี
โอกาสรู้จักสัจธรรมนั้นด้วย



พระเจ้าสุทโธทนะไม่พอพระทัยที่จะเห็นพระราชบุตรได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แต่พอพระทัยที่จะให้ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่  
ดังนั้น พระเจ้าสุทโธทนะจึงพยายามให้เจ้าชายสิทธัตถะได้พบแต่ความสนุกสนานรื่นเริงโดยส่วนเดียว เพื่อหวังว่าความเพลิดเพลิน
ในความสุขทางโลกจะมีโอกาสเป็นพระเจ้าจักรพรรดิตามพระประสงค์ พระเจ้าสุทโธทนะให้ขุดสระขึ้นในพระราชวัง ๓ สระ ปลูกบัว
พันธุ์ต่างๆ สำหรับเป็นที่สำราญของพระโอรส ได้หาครูที่ดี่ที่สุดมาสอนศิลปะและวิทยาการต่างๆ  จนเจ้าชายหนุ่มมีความรู้ มีฝีมือ
มีกำลังกายเป็นอย่างดีเลิศ



เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ อายุได้ ๑๖ ปี พระบิดาก็จัดให้อภิเษกกับพระนางพิมพา ยโสธรา  และให้สร้างปราสาทให้สามหลัง เป็นที่อยู่
ในฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน ให้เจ้าชายได้รับการบำเรอด้วยสิ่งสนุกสนานเพลิดเพลิน แวดล้อมไปด้วยหญิงสาว มีอุทยานดอกไม้
เป็นที่เที่ยวเล่น ทั้งพระบิดาสั่งคนทั้งหลายให้คอยระมัดระวังมิให้เจ้าชายได้มีโอกาสพบเห็นความยากจน ความเจ็บป่วย ความแก่
อันเป็นด้านทุกข์ของความเป็นไปในโลก



เมื่อชนมายุ ๒๙ ปี วันหนึ่ง พระองค์ทรงรถม้าไปชมสวนนอกพระราชวัง ตามทางที่ผ่านไปนั้น พระองค์บังเอิญได้พบเห็นคนแก่
คนหนึ่งหลังโกง ถือไม้เท้าก้าวเดินไปด้วยความยากลำบาก พระองค์ไม่เคยเห็นคนแก่มากถึงเช่นนั้นมาก่อน จึงประหลาดใจและ
ตรัสถามนายสารถี นามว่าฉันนะ ว่า “นั่นอะไร” นายฉันนะทูลตอบว่า “คนผู้นั้นคือคนแก่” พระองค์ถามต่อไปว่า “เขาเกิดมา
เป็นเช่นนั้นตั้งแต่แรกหรือ?” นายฉันนะตอบว่า “เปล่าดอกพระองค์ ครั้งหนึ่งชายผู้นี้เป็นหนุ่มงดงามและแข็งแรงเช่นพระองค์”  
พระองค์ถามต่อไปอีกว่า “ยังมีคนเช่นนี้อยู่อีกมากหรือ?”  นายฉันนะทูลว่า “ยังมีอีก เป็นธรรมดาของคนเราเมื่อแก่มากก็เป็น
เช่นนี้ทุกคน”  พระองค์ถามว่า “ฉันเองก็จะเป็นเช่นนั้นด้วยหรือ?”  นายฉันนะทูลตอบว่า “พระองค์ก็จะต้องเป็นเช่นนั้นด้วย”  

การที่ได้เห็นคนแก่น่าสลดใจนี้ ทำให้พระองค์ทรงสลดใจและครุ่นคิดตลอดมา

ครั้งที่สอง ในขณะนั่งรถเที่ยวเช่นครั้งก่อน พระองค์ได้เห็นคนป่วยหนักนอนร้องครวญครางอยู่ริมถนน จึงถามนายฉันนะ ก็ได้
รับคำตอบที่น่าสลดใจเช่นครั้งก่อนว่า คนเราย่อมเป็นไปเช่นนี้ด้วยกันทุกคน ครั้งที่สาม ในวันหนึ่งขณะนั่งรถเที่ยวเช่นครั้งก่อน
พระองค์ได้เห็นคนตายอยู่ริมถนน เมื่อถามนายฉันนะ ก็ได้รับคำตอบที่น่าสลดใจอีกว่า คนเราต้องตายเช่นเดียวกันกับคนผู้นั้น
ด้วยกันทุกคน พระองค์สลดใจในเรื่องการแก่ เจ็บ และตาย การเป็นมนุษย์นี้เต็มไปด้วยความทุกข์ จะมีวิธีใดที่คนเราจะหลีกพ้น
จากความทุกข์เหล่านี้ได้  จึงสั่งให้งดการรื่นเริงต่างๆ เสีย ทรงคิดอยูแต่ในใจว่า “สิ่งที่น่าสนุกสนานรื่นเริงนี้ จะมีประโยชน์อะไร
ถ้ามันไม่อาจป้องกันตัวเราจากความแก่ความเจ็บและความตายเสียได้

วันหนึ่ง ขณะนั่งรถไปเที่ยวเช่นเคย พระองค์ได้เห็นนักบวชนุ่งห่มผ้าย้อมน้ำฝาด มีท่าทางอิ่มเอิบด้วยความสุข พระองค์คิดเห็นว่า
“การเป็นฆราวาสอยู่ครองเรือน มีเครื่องผูกมัดใจให้เป็นห่วงหลายประการ  การออกบวชจะทำให้มีโอกาสคิดค้นวิธีเอาชนะความ
ทุกข์ได้”



พระองค์คิดค้นปัญหาแห่งชีวิตนี้ ก็พอดีมีผู้มาทูลว่า พระนางพิมพายโสธรา ประสูติพระโอรสแล้ว พระองค์ทรงรำพึงว่า
“มีบ่วงชีวิตเพิ่มขึ้นอีกบ่วงหนึ่ง” พระองค์ก็เสด็จกลับไปยังพระราชวัง ทรงคิดหาวิธีที่จะช่วยให้มนุษย์เอาชนะต่อความทุกข์
อันเนื่องจากการเกิดแก่เจ็บตาย นี้ตลอดเวลา  และได้ทรงตกลงพระทัยที่จะออกบวชเพื่อแสวงหาสัจธรรมให้เป็นประโยชน์
แก่มนุษย์ทั่วหน้าในคืนวันนั้น

โปรดติดตามตอนต่อไป

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 พฤษภาคม 2564 18:25:06 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.339 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 16 เมษายน 2567 00:44:29