[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 02:13:04 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วิมุตติการหลุดพ้น : พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี  (อ่าน 761 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Maintenence
ผู้ดูแลระบบ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 1006


[• บำรุงรักษา •]

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 90.0.4430.212 Chrome 90.0.4430.212


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2564 10:18:34 »



“วิมุตติการหลุดพ้น”

“วิมุตติ” แปลว่า “การหลุดพ้น” การหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง อันนี้แหละเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรในโลกนี้สามารถที่จะมอบให้กับเราได้ มีเพียงพระรัตนตรัยเท่านั้น คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่จะสามารถมอบวิมุตติ การหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายที่พวกเรากำลังถูกคุกคามอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนถึงเวลาหลับไป นับตั้งแต่เกิดมาจนถึงเวลาตายไป และหลังจากที่ตายไปก็ยังถูกคุกคามต่อไปจนกลับมาเกิดใหม่

ชีวิตของพวกเรานี้ถูกความทุกข์คุกคามอยู่ตลอดเวลา ความทุกข์นี้เป็นเหมือนเงาตามตัวของพวกเรา ไม่ว่าพวกเราจะหนีไปอยู่ที่ไหน ไปอยู่กับใคร ความทุกข์นี้มันก็ไม่ทอดทิ้งเราเลย มันรักเป็นห่วงเราตลอดเวลา มันคอยติดตามเรา ถ้าเป็นทาสก็เป็นทาสที่ซื่อสัตย์ที่สุด แต่เป็นทาสที่เราไม่อยากจะได้กัน เพราะมันไม่ได้ให้ความสุขกับเรา มันมีแต่ให้ความทุกข์กับเราตลอดเวลา นี่แหละคือสิ่งที่พวกเราต้องการกันอย่างยิ่งทุกคน

จะว่าไม่อยากได้หรืออยากได้ก็ตาม ความจริงแล้วทุกคนไม่มีใครอยากได้ความทุกข์กัน ทุกคนอยากได้ความสุขกันทั้งนั้น แต่ทุกคนก็ยังต้องเจอกับความทุกข์กันอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะพยายามกำจัดความทุกข์มันด้วยวิธีใดก็ตาม ความทุกข์มันก็ไม่ยอมหายไป เป็นเหมือนเงาที่เราไม่สามารถที่จะไปกำจัดมันได้ จะกำจัดมันได้ก็ตอนที่เราอยู่ในที่มืดเท่านั้น ในที่ไม่มีแสง ถ้าไม่มีแสงแล้วมันก็จะไม่มีเงา

ฉันใด วิมุตติก็เป็นอย่างนั้น ถ้าจะอยากให้ไม่มีทุกข์ติดตัวเราเป็นเงาติดตัวเรา เราก็ต้องไปอยู่ในที่ไม่มีแสงให้มีเงาติดตัวเรา ที่ที่ไม่มีทุกข์ติดตามเราได้ก็คือที่ไม่เกิดนั่นเอง มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้พวกเราไม่ต้องมีความทุกข์กัน ก็คือการไม่กลับมาเกิดกัน ถ้ายังมีการกลับมาเกิดกันอยู่ ตราบนั้นก็ยังจะมีความทุกข์เป็นเงาตามตัวอยู่เสมอ เหมือนกับเงาที่ตามร่างกายของเรา เงามันจะหายไปก็ต่อเมื่อไม่มีแสงสว่าง ถ้าไปอยู่ในที่มืดแล้วจะไม่มีแสงมาทำให้เกิดเงาตามตัวเราได้

นี่แหละคือวิมุตติที่ไม่มีใครสามารถที่จะมอบให้กับเราได้นอกจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เท่านั้น จึงถือว่าเป็นรัตนะที่แท้จริง เป็นอัญมณีที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง เพราะจะทำให้จิตใจของพวกเราทุกคนได้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกองทุกข์ที่เกิดจากการเกิดก็ได้ เกิดจากการแก่ก็ดี เกิดจากการเจ็บไข้ได้ป่วยก็ดี เกิดจากการตายก็ดี เกิดจากการพลัดพรากจากกันก็ดี เกิดจากการเวียนว่ายตายเกิดในภพต่างๆ ก็ดี ความทุกข์ต่างๆ เหล่านี้จะหายไปหมด ถ้าเรามีพระรัตนตรัยเป็นผู้มาคุ้มครองรักษาจิตใจของพวกเรา

นี่แหละคือสิ่งที่วิเศษที่พวกเราชาวพุทธมีกันหรือสามารถมีได้ ดีกว่ามีเงินทองกองเท่าภูเขา ดีกว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในระดับมหาจักรพรรดิ ดีกว่าการได้รับรางวัลชนิดต่างๆ ดีกว่าการที่จะได้ไปเที่ยวรอบโลกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ สิ่งเหล่านี้มันไม่สามารถที่จะมอบวิมุตติให้กับเราได้ ให้เราได้ก็เป็นแบบควันไฟ เวลาที่เราได้สิ่งต่างๆ มาเราก็จะรู้สึกดีอกดีใจ ความทุกข์ความเศร้าใจความเสียใจต่างๆ ก็จะหายไปชั่วคราว แต่ไม่นานเดี๋ยวมันก็กลับมาใหม่ มันเป็นเหมือนควันไฟ

การดับความทุกข์ด้วยวิธีการต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้เป็นการดับได้เพียงชั่วคราว ไม่สามารถที่จะดับมันได้อย่างถาวร มีเพียงวิธีการของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เท่านั้น ที่จะสามารถกำจัดความทุกข์ต่างๆให้หมดสิ้นไปจากใจได้อย่างถาวร ให้มีวิมุตติที่ถาวร คือหลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดด้วยการกำจัดเหตุที่พาให้จิตต้องมาเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง  ถ้ากำจัดตัวที่คอยดึงคอยลากจิตใจให้มาเวียนว่ายตายเกิดได้ จิตใจก็ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด

จิตใจเปรียบเทียบเหมือนกับเกวียน เกวียนนี้จะไปไหนมาไหนก็ต้องมีวัวควายเป็นผู้ลากเกวียนไป ถ้าเราฆ่าวัวฆ่าควายเสียเกวียนมันก็จะไปไหนไม่ได้ ใจเราเป็นเหมือนเกวียน ตัวที่พาให้พวกเรามาเวียนว่ายตายเกิดก็คือกิเลส ตัณหา โมหะ อวิชชาต่างๆ นี่เอง ที่มันอยู่ในใจของเรา ที่มันคอยหลอกคอยล่อให้เราไปหาสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ ให้เรามาหาลาภยศสรรเสริญ ให้เราหาความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะชนิดต่างๆ หาได้มากน้อยเท่าไหร่ก็ไม่เคยเจอคำว่าอิ่มคำว่าพอ มีแต่อยากจะได้เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ได้คืบก็อยากจะได้ศอก ได้ศอกก็อยากจะได้วา

เป็นนายสิบก็อยากจะเป็นนายร้อย เป็นนายร้อยก็อยากจะเป็นนายพัน เป็นนายพันก็อยากจะเป็นนายพล เป็นนายพลก็อยากจะเป็น ผบ.หัวหน้าของนายพล เป็นหัวหน้าของนายพลก็อยากจะเป็นนายก เป็นนายกแล้วก็อยากจะเป็นยกที่ ๒ ยกที่ ๓ ไม่มีวันอิ่มไม่มีวันพอ แล้วความสุขที่ได้ก็ได้แค่ชั่วตอนที่ได้ แล้วตอนที่ต้องรักษามันก็เครียดกับมันตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะได้อะไรมา เวลาได้มาจะดีใจ แต่พอต้องมาคุ้มครองดูแลรักษามันแล้วทีนี้ กลายเป็นความเครียด กลายเป็นความวิตกกังวล

สรุปก็คือเราโลภหาความทุกข์กัน เพราะถูกความสุขบางๆ มาเคลือบความทุกข์เอาไว้ เหมือนยาขมเคลือบน้ำตาล เวลาอมไปใหม่ๆ ก็หวาน เดี๋ยวสักพักหนึ่งรสหวานก็หายไป รสขมก็โผล่มา นั่นคือลักษณะของลาภยศสรรเสริญ ของความสุขที่เราได้จากรูปเสียงกลิ่นรสชนิดต่างๆ มันจะเป็นเหมือนยาขมเคลือบน้ำตาล มันจะหลอกให้เราหลงอยากได้กัน พอได้มาแล้วก็ต้องมาทุกข์กับมัน หวานอมขมกลืน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้มาแล้วก็เสียดายไม่อยากจะเสีย เก็บเอาไว้ก็ทุกข์ ไม่รู้จะทำอย่างไง

นี่แหละคือเรื่องของสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ มันจะเป็นแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกัน ความสุขแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เวลาได้ใหม่ๆ อมเข้าไปใหม่ๆ ก็หวาน พอจะเริ่มกลืน อ้าว มันขมเสียแล้ว พอจะบ้วนออกมาก็บ้วนไม่ออก เสียดายทั้งๆ ที่มันขม มันให้ทุกข์กับเรา ก็ยังอยากจะเก็บเอาไว้อยู่ ยังหวงอยู่ ยังห่วงอยู่ นี่แหละเป็นปัญหาของพวกเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนรวยคนจน คนใหญ่คนโต คนต่ำคนต้อย คนโง่คนฉลาด ทุกคนมีปัญหาเหมือนกันทั้งนั้น คือมีความทุกข์เป็นเงาตามตัวเหมือนกันทุกคน


ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ ๒๕๖๒
#พระจุลนายก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

[• สุขใจ บำรุงรักษาระบบ •]
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
สร้างธรรมะให้เป็นที่พึ่งกับใจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence 0 934 กระทู้ล่าสุด 02 กันยายน 2562 16:17:35
โดย Maintenence
“อานิสงส์ของความเมตตา” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence 0 978 กระทู้ล่าสุด 04 กันยายน 2562 17:24:35
โดย Maintenence
“ทุกวันนี้เราทุกข์กับอะไร” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence 0 886 กระทู้ล่าสุด 06 กันยายน 2562 09:54:10
โดย Maintenence
“ทำใจให้สงบ” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence 0 855 กระทู้ล่าสุด 07 กันยายน 2562 12:56:44
โดย Maintenence
“กระบวนการของการชำระจิตใจ” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence 0 1038 กระทู้ล่าสุด 08 กันยายน 2562 11:10:15
โดย Maintenence
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.305 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 07 เมษายน 2567 17:54:16