[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 เมษายน 2567 22:06:37 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หมอตำแย ทำคลอด  (อ่าน 1138 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5444


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 04 มิถุนายน 2564 19:54:03 »



จิตรกรรมฝาผนัง ภาพหมอตำแยทำคลอด ภายในพระวิหารพระศรีศาสดา วัดบวรนิเวศวิหาร
กราบขอบคุณเพจ "เล่าเรื่องวัดบวรฯ" (ที่มาภาพประกอบ)

หมอตำแย ทำคลอด
ภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ

หมอตำแย หมายถึง หญิงผู้ทำคลอดตามภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ในภาษาไทย คำว่า "ตำแย" มาจากชื่อของพระมหาเถรเจ้ารูปหนึ่ง ผู้ชื่อว่า "ตำแย" เป็นผู้แต่งตำราว่าด้วยวิชาคลอดอันเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ปฐมจินดา  คัมภีร์นี้สืบเนื่องมาจากตำรับอายุรเวทของสำนักตักกสิลา ในอินเดีย มีความเก่าแก่เป็นพันปี หมอทำคลอดรุ่นหลังคนไหนมาใช้คัมภีร์ประถมจินดาของพระเถระตำแยผู้นี้ในการออกลูกของผู้คน จะต้องบูชาบวงสรวงพระมหาเถระตำแยก่อน จึงจะทำงานได้สำเร็จ

ในสมัยโบราณ การแพทย์ยังไม่เจริญเหมือนกับยุคปัจจุบัน ดังนั้นจึงต้องใช้บริการหมอตำแยในการทำคลอด ทายว่า หากท่อนฟืนยาวจะได้ลูกชาย แต่หากท่อนฟืนสั้นจะได้ลูกผู้หญิง และเมื่อถึงเวลาคลอด จะต้องจุดธูปไหว้พระภูมิเจ้าที่เพื่อขอขมาลาโทษ

เมื่อหมอมาต้องจัดขันข้าวสารใส่หมาก พลู ธูปเทียน เงินติดเทียนตามธรรมเนียม โดยจัดไว้อย่างละ ๓ ให้เป็นเลขคี่ แต่กล้วยเอาหวีเดียว จากนั้นหาคนมาหนุนหลังเพื่อคอยช่วยคัดท้องไม่ให้เด็กดิ้น ถ้าหนุนต่ำไปจะหนุนบนปากโอ่งก็ได้ ถือหัวตะไคร้เอาไว้ ถ้าหากเป็นลมจะได้ขยี้ให้ดม เมื่อหัวเด็กโผล่หมอตำแยจะเอาเกลือตัวผู้ เลือกที่มีแง่มีคมกรีดฝีเย็บให้ขาด พร้อมกับข่มท้องให้ลูกทะลักออกมา เด็กที่คลอดลงมาถึงพื้น เรียกว่าตกฟาก หมอตำแยจะรีบเอาผ้าห่อทันที แล้วควํ่าเด็ก ล้วงควักเอาเมือกออกจากปากเด็ก และทำให้เด็กร้อง ก่อนทำพิธีตัดรก เอาน้ำอุ่นอาบตัวล้างเลือดทำความสะอาดเด็กแรกเกิดเพราะตอนคลอดมีเลือดติดตามร่างกายเด็ก จนเป็นสำนวน “อาบน้ำร้อนมาก่อน” ซึ่งหมายถึง เขาเกิดก่อน ผ่านโลกมาก่อน จึงได้รู้เห็นสิ่งต่างๆ มากกว่า

อุปกรณ์ทำคลอดของหมอตำแย มีสมุนไพร กรรไกรตัดสะดือ ผ้าขาวม้า น้ำร้อนก็จะสั่งให้เจ้าบ้านต้มรอไว้ให้เรียบร้อย เพื่อฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการในการทำคลอด (เช่น กรรไกรตัดสายสะดือ)  
 



อยู่ไฟหลังออกลูก จิตรกรรมจากวัดห้วยริน ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
ขอขอบคุณเว็บไซต์ "ศิลปวัฒนธรรม" (ที่มาภาพประกอบ)


ทำคลอดของไทยโบราณ จิตรกรรมจากผนังอุโบสถ วัดมหาสมณาราม จังหวัดเพชรบุรี
ขอขอบคุณเว็บไซต์ "ศิลปวัฒนธรรม" (ที่มาภาพประกอบ)

อ้างอิงข้อมูล :
- ไทยรัฐออนไลน์
- ศิลปวัฒนธรรม
- วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- topicstock.pantip.com

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5444


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 103.0.0.0 Chrome 103.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2565 15:38:43 »



การอยู่ไฟ (แม่หลังคลอด)

วิธีการอยู่ไฟที่ถูกต้อง 'ในอดีต' นั้น หญิงผู้อยู่ไฟ จะต้องนอนบนกระดานแผ่นเดียวในห้องมิดชิด ห้ามเปิดประตูและหน้าต่าง และต้องนอนตะแคงเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อช่วยให้แผลผสานได้เร็วขึ้น

ข้อห้ามที่สำคัญคือ ภายในห้องต้องไม่เปิดหน้าต่าง ประตู เพื่อกันไม่ให้ลมเข้า ส่วนไฟก็ต้องระวังไม่ให้ดับ ภายในห้องจึงร้อนและอบมาก

การแพทย์แผนไทยเชื่อว่าจะดีกับแม่ เพราะช่วยขับน้ำคาวปลาออกจนหมด ซึ่งทำให้มดลูกแห้ง เข้าอู่เร็วขึ้น เมื่อเลือดไม่ดีถูกขับออกไปหมดก็จะทำให้ไม่เกิดเลือดเป็นพิษ น้ำนมก็จะไม่เป็นอันตรายต่อลูก

การอยู่ไฟนี้กินเวลาประมาณ ๑๕-๓๐ วัน

หมอบรัดเลย์เดินทางมาถึงเมืองไทยใน พ.ศ.๒๓๗๘ และเสียชีวิต พ.ศ.๒๔๑๖ ตรงกับรัชสมัยรัชกาลที่ ๓ และ ๔

หมอบรัดเลย์ได้นำความรู้ทางการแพทย์ตะวันตกมาใช้จนเป็นที่ประจักษ์ เช่น การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ และยังได้พิมพ์หนังสือ "ครรภ์รักษา" อันเป็นตำราแพทย์แบบตะวันตก ซึ่งกล่าวถึงการตั้งครรภ์และการคลอด ซึ่งมีหลักการที่ขัดกับการอยู่ไฟชัดๆ อย่างที่ระบุในตำราว่า "ต้องให้เขา (แม่หลังคลอด) นอนในห้องที่สงัดมีลมพัดเย็นๆ อย่าให้อยู่ไฟเลย ความร้อนของไฟนั้น มักให้จับไข้ ให้ผิวหนังแห้งเหี่ยวไป ไม่เป็นปกติ ให้เกิดโรคต่างๆ"

โดยต่อมา สมเด็จพระจอมเกล้าฯ ก็มีนโยบายชักชวนให้เลิกการอยู่ไฟ ด้วยทรงเห็นว่าเป็นวิธีทรมาน และทรงเรียกว่าเป็น "อาชญากรรมอันโหดร้ายทารุณ และโง่เขลาเบาปัญญาที่ผู้หญิง ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้" ซึ่งแม้จะมีข้อคัดค้าน หรือความเห็นจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ แต่เหล่าผู้หญิงในราชสำนักก็ยังคงปฏิเสธไม่ยอมรับและยังคงอยู่ไฟกันต่อไป

ล่วงมาจนรัชสมัยราชการที่ ๕  เมื่อสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถประสูติพระราชโอรส ใน พ.ศ.๒๔๓๒ พระองค์ทรงมีไข้ จนพระองค์ตัดสินพระทัยเลิกการอยู่ไฟและให้หมอรักษาตามวิธีตะวันตก ซึ่งปรากฏผลดี ตั้งแต่นั้นมาก็ทรงสนับสนุนให้เลิกการอยู่ไฟ ทำให้ผู้หญิงในราชสำนักเริ่มทำตาม

โรงพยาบาลศิริราชตั้งขึ้นในปี ๒๔๓๑ ในระยะแรกผู้ที่คลอดในโรงพยาบาลมักขอให้ใช้วิธีดั้งเดิมในการคลอด  คือให้วงสายสิญจ์และแขวนยันต์รอบห้อง พร้อมขอให้มีการอยู่ไฟหลังคลอด แม้ว่าหมอและพยาบาลจะชักชวนให้ใช้วิธีแผนใหม่ แต่ก็ไม่มีใครยอม เมื่อทราบถึงสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระองค์ได้ทรงประทานอนุญาตให้กรมพยาบาลอ่านกระแสรับสั่งแก่ผู้ที่มาคลอดว่า พระองค์ได้ทรงใช้วิธีอยู่ไฟมาก่อน ภายหลังได้เปลี่ยนมาใช้วิธีใหม่ พบว่าสบายกว่ามากจึงมีพระราชประสงค์จะให้ราษฎรได้รับความสุขด้วย จึงทรงแนะนำให้ทำตามพระองค์และถ้าใครทำตามจะพระราชทานเงินทำขวัญลูกที่คลอดคนละ ๔ บาท ยังผลให้เริ่มมีคนสมัครใจรับการรักษาพยาบาลตามมากขึ้นเรื่อยๆ

และต่อมาจึงมีการจัดตั้งโรงเรียนพยาบาลและผดุงครรภ์ตามแบบตะวันตกขึ้นในศิริราช เปิดทำการในปี พ.ศ.๒๔๓๙ ปัจจุบันก็ยังมีการอยู่ไฟอยู่ แต่ก็ไม่ได้งาม ไม่ได้ผ่อง มีน้ำมีนวล ผอมไว หรือช่วยให้หุ่นดี


ขอขอบคุณ เพจบรรณาลัย (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.292 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 17 เมษายน 2567 20:06:57