[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
18 เมษายน 2567 09:11:11 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติวันเข้าพรรษา  (อ่าน 687 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5433


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2564 16:41:56 »



ประวัติวันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษาปีนี้ ตรงกับวันที่ ๒๕ กรกฎคม ๒๕๖๔ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ - ๘
(ปีนี้ แปดสองหน)

วันเข้าพรรษา คือ วันที่พระภิกษุเริ่มเข้าจำพรรษาอยู่ ณ วัดใดวัดหนึ่งในระหว่างฤดูฝน กำหนดตั้งแต่ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ถึง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ รวมเวลา ๓ เดือนเต็ม

ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้ายังมิได้ทรงบัญญัติการจำพรรษาแก่ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นเที่ยวจาริกไปตลอดฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน พวกชาวบ้านจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร จึงได้เที่ยวไปตลอดฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน เหยียบย่ำพืชพันธุ์ต่างๆ เสียหายเป็นจำนวนมาก และยังเบียดเบียนสัตว์เล็กๆ จำนวนมากให้ถึงความตาย

ภิกษุทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนา จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารภเหตุที่เกิดขึ้นนั้น แล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้จำพรรษา

วันเข้าพรรษานี้มี ๒ อย่าง คือ
๑.ปุริมิกา วันเข้าพรรษาต้น หมายถึง เมื่อวันเพ็ญอาสาฬหะผ่านไปแล้ว วันถัดไปพึงเข้าพรรษาต้น คือวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘
๒.ปัจฉิมิกา วันเข้าพรรษาหลัง หมายถึง ถัดจากวันเพ็ญอาสาฬหะไปอีก ๑ เดือน พึงเข้าพรรษาหลัง คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๙

การเข้าพรรษานั้นพระภิกษุต้องอยู่จำพรรษาตลอด ๓ เดือน ห้ามไปค้างแรมที่ไหน แต่ก็มีกรณียกเว้น สามารถไปค้างแรมได้ เรียกว่า สัตตาหกรณียะ หมายถึง เมื่อมีเหตุจำเป็น พึงไปค้างแรมได้ ๗ วัน ดังมีเรื่องราวดังต่อไปนี้

ในสมัยหนึ่งได้มีอุบาสกชื่ออุเทน มีจิตศรัทธาได้สร้างวิหารถวายสงฆ์ไว้ในโกศลชนบท เขามีความปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และอยากพบเห็นภิกษุทั้งหลาย จึงได้ส่งบริวารไปกราบนิมนต์พระภิกษุ

บริวารจึงไปกราบนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย แต่พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายเหล่านั้นปฏิเสธการนิมนต์เนื่องจากเวลานั้นอยู่ในช่วงของการจำพรรษา ไม่สามารถไปค้างแรมได้

บริวารจึงกลับไปแจ้งให้อุเทนทราบ เขาจึงกล่าวโทษ ติเตียนภิกษุเหล่านั้นว่า เราส่งบริวารไปนิมนต์แล้วก็ไม่มาทั้งๆ ที่ตนก็เป็นทายก เป็นผู้ก่อสร้างวิหาร เป็นผู้บำรุงสงฆ์

ภิกษุทั้งหลายได้ยินคำติเตียนนั้น จึงได้นำความไปกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงมีพุทธานุญาตให้สัตตาหกรณียะได้

หมายถึง เมื่อมีเหตุจำเป็น พึงไปค้างคืนได้ ๗ วัน เหตุจำเป็นมี ๕ ประการคือ
๑. ทายกปรารถนาจะถวายทานและฟังธรรม โดยส่งคนมานิมนต์ ทรงอนุญาตให้ไปได้เฉพาะที่เขาส่งคำนิมนต์มา ถ้าไม่ส่งคำนิมนต์มาไม่ให้ไป
๒. เพื่อนภิกษุและสามเณรอาพาธเกิดความฟุ้งซ่าน มีความเห็นผิด ต้องอาบัติหนักต้องการเข้าปริวาส ไปเพื่อให้มานัต ให้อัพภาน เพื่อให้เธอออกจากอาบัตินั้น
๓. สามเณรต้องการอุปสมบท ไปเพื่อให้อุปสมบท
๔. บิดา มารดา พี่น้อง หรือญาติของภิกษุป่วย ไปเยี่ยมไข้ได้
๕. ไปเพื่อทำกิจของสงฆ์ เช่น สิ่งก่อสร้างภายในวัดชำรุด แล้วจำเป็นต้องไปหาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ มาปฏิสังขรณ์

เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นที่ไม่สามารถจะจำพรรษาในที่นั้นๆ ต่อไปได้ ทรงมีพุทธานุญาตให้งดการจำพรรษา ไปอยู่ที่อื่นได้โดยไม่ผิดพระธรรมวินัย คือ
๑. ถูกสัตว์ร้ายรบกวน
๒. ถูกโจรปล้น
๓. วิหารถูกไฟไหม้ หรือถูกน้ำท่วม
๔. ชาวบ้านถูกโจรปล้น อพยพหนีไป ทรงอนุญาตให้ไปกับเขาได้ หรือถ้าชาวบ้านแตกกันเป็น ๒ ฝ่าย ทรงอนุญาตให้ไปกับฝ่ายข้างมากได้ หรือถ้าฝ่ายข้างมากไม่มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาก็ทรงอนุญาตให้ไปกับฝ่ายน้อยที่เลื่อมใสได้
๕. ขาดแคลนอาหารหรือยารักษาโรค หรือขาดผู้บำรุง ได้รับความลำบาก ทรงอนุญาตให้ไปได้
๖. ถ้ามีผู้เอาทรัพย์มาล่อ (ต้องการจะให้ลาสิกขา เอาทรัพย์สมบัติ ที่ไร่ที่นา และลูกสาวมาล่อให้สึก) ทรงอนุญาตให้หลีกไปได้
๗. ภิกษุสงฆ์แตกกัน หรือมีผู้พยายามให้แตกกัน หรือทำให้แตกกันแล้ว ไปเพื่อหาทางระงับได้

ส่วนสถานที่ที่ควรจำพรรษานั้น ควรเป็นสถานที่ที่สัปปายะ เช่นเป็นสถานที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเกินไป ไม่ใกล้กับหมู่บ้านเกินไป มีการคมนาคมที่สะดวก ไปมาสะดวก กลางวันคนไม่มาก ไม่พลุกพล่าน กลางคืนเงียบสงบ ไม่มีชาวบ้านเข้ามารบกวน เป็นสถานที่ลับตามนุษย์ เป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับบรรพชิตผู้รักสงบ ต้องการหลีกเร้น

ส่วนสถานที่จำพรรษาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงผ่อนผันอนุญาตให้จำพรรษาในที่บางแห่งได้นั้น ในกรณีที่พระภิกษุผู้ที่กำลังเดินทางไปกับพวกเลี้ยงโคต่างๆ ซึ่งเป็นโคเดินทาง หรือหมู่เกวียน หรือโดยสารไปในเรือ เพื่อจะไปยังสถานที่ใดที่หนึ่ง ในขณะเดินทางอยู่พอดีถึงวันเข้าพรรษา พึงเข้าจำพรรษาในขบวนเดินทางนั้นๆ ได้

เมื่อพวกคนเลี้ยงโคก็ดี หมู่เกวียนก็ดี หรือเรือโดยสารก็ดี เดินทางต่อไป ทรงอนุญาตให้ไปกับเขาได้ โดยอธิษฐานพรรษาว่า อิธ วสฺสํ อุเปมิ แปลว่า ข้าพเจ้าเข้าจำพรรษาในที่นี้

เมื่อถึงตำบลที่พระภิกษุประสงค์จะไป ท่านอนุญาตให้อยู่จำพรรษาในที่นั้นได้

แต่ถ้ายังไม่ถึงตำบลที่พระภิกษุนั้นประสงค์จะไป พวกคนเลี้ยงโคก็ดี หมู่เกวียนก็ดี หรือเรือโดยสารก็ดี หยุดเดินทางเพราะสิ้นสุดการเดินทาง ท่านแนะให้อยู่จำพรรษากับพระภิกษุในตำบลที่หยุดการเดินทางนั้นต่อไป ในกรณีนี้ถือว่าไม่ขาดพรรษา

ทรงห้ามจำพรรษาในที่ไม่สมควร เช่น
๑. ในโพรงไม้ เพราะคนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า เหมือนพวกปีศาจ
๒. บนกิ่งหรือค่าคบไม้ เพราะคนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า เหมือน พวกพรานเนื้อ
๓. ที่กลางแจ้ง เพราะเมื่อฝนตก ก็พากันวิ่งเข้าไปสู่โพรงไม้บ้าง สู่ชายคาบ้าง แลดูไม่งาม ไม่เหมาะสมกับสมณสารูป
๔. ที่ไม่มีเสนาสนะ คือที่นอนที่นั่งซึ่งไม่มีที่มุงบัง เพราะจะเดือดร้อนด้วยความหนาวบ้าง ความร้อนบ้าง ทำให้ไม่สามารถบำเพ็ญสมณธรรมได้
๕. ในกระท่อมผี (คนโบราณชอบทำกระท่อมไว้ในป่าช้า เพื่อให้ผีอยู่) เพราะคนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า เหมือนพวกสัปเหร่อ
๖. ในกลดหรือเต๊นท์ เพราะคนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า เหมือนพวกเลี้ยงวัว
๗. ในตุ่ม เพราะคนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา


ขอขอบคุณที่มา : เพจพระพุทธศาสนา

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.372 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้