[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 12:37:23 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานพระปืด! เรื่องเล่าลี้ลับวัดปราสาทแก้ว ตั้งจิตขอพร 'ยกพระเสี่ยงทาย'  (อ่าน 907 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2325


ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 91.0.4472.124 Chrome 91.0.4472.124


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2564 12:49:23 »




ตำนานพระปืด! เรื่องเล่าลี้ลับวัดปราสาทแก้ว
ตั้งจิตขอพร 'ยกพระเสี่ยงทาย'


มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของ จ.สุรินทร์ โดยมีเรื่องเล่าของตำนานความลี้ลับ ที่มีความน่าสนใจมากๆ คือวัดปราสาทแก้ว หรือวัดพระปืด ตั้งอยู่ในพื้นที่ บ.พระปืด ม.2 ต.บ้านแร่ อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์

โดยมีตำนานความลี้ลับของตัวปราสาทแก้ว และพระปืด ที่เป็นองค์พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในตัวปราสาท รวมถึงพระเสี่ยงทาย ที่ไม่ว่าใครเข้ามากราบไหว้ขอคำทำนายเสี่ยงทาย ก็ถึงกับต้องทึ่งไปตามๆ กันกับวิธีการเสี่ยงทายและผลคำทำนายที่ได้รับ

พระครูสถิตวรรัตน์ หรือพระแสงจันทร์ ฐานวโร อายุ 77 ปี เจ้าอาวาสวัดปราสาทแก้ว เล่าว่า เรื่องราวตำนานลี้ลับของปราสาทแก้วนี้คือ ปราสาทสร้างด้วยศิลาแลง ในสมัยขอม ประมาณ ค.ศ.20 และตำนานที่เล่าต่อๆ กันมาคือบนยอดปราสาท จะมีลักษณ์เป็นแก้ว จึงมีชื่อว่าปราสาทแก้ว แต่ยอดปราสาทที่เป็นแก้วนั้นได้หายสาบสูญไป ซึ่งก็ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าหายไปเมื่อไหร่อย่างไร เป็นเพียงเรื่องเล่า ส่วนเรื่องลี้ลับที่ชาวบ้านเล่าต่อๆ กันมา ว่าในสมัยนั้นมีกลุ่มชาวบ้านที่ออกมาหาของป่า แล้วพบกับสัตว์ป่าตัวหนึ่ง ลักษณะคล้ายกวาง แต่ลำตัวเป็นสีทองอร่าม จากนั้นชาวบ้านที่เห็นก็พยายามวิ่งไล่ล่า และขว้างอาวุธไปถูกบริเวณขาของกวาง แล้วกวางก็วิ่งหนีหายเข้าไปในป่า

ชาวบ้านกลุ่มนั้นเดินตามหาพบเพียงรอยเลือด ที่หยดเป็นทางเข้าไปที่ตัวปราสาทแก้ว แต่พอชาวบ้านกลุ่มนี้ตามไปถึงตัวปราสาท มองเข้าไปด้านใน กลับพบเป็นองค์พระพุทธรูป ตั้งประดิษฐานอยู่ในตัวปราสาท จึงอุทานว่า เปรี๊ยะปืดๆ อีกทั้งพระพุทธรูปนั้นมีเลือดออกมาจากข้อเท้า จึงเชื่อว่า กวางทองตัวนั้นก็คือพระพุทธรูปแปลงกายมานั่นเอง

เปรี๊ยะปืด เป็นภาษากวย แปลว่า พระใหญ่ จึงเรียกว่า พระปืด มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันลอยบากที่เกิดขึ้นอยู่ที่ข้อเท้าของพระพุทธรูป ก็ยังมองเห็นด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจน และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือองค์พระพุทธรูปนั้นมีขนาดใหญ่กว่าช่องที่อยู่ด้านหน้าของปราสาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนยกองค์พระลอดเข้าไปตั้งประดิษฐานไว้






ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2523 ก็ถูกโจรลักลอบตัดเอาเศียรไป ท่านเจ้าอาวาสได้ให้ช่างทำเศียรขึ้นมาใหม่ โดยปั้นขึ้นมาจากจิตนาการของชาวบ้านในพื้นที่ ที่จำลักษณะเศียรได้ เนื่องจากในสมัยนั้นไม่ได้มีการถ่ายภาพบันทึกเก็บไว้ จึงทำได้เพียงปั้นขึ้นมาให้คล้ายกับเศียรเดิมให้มากที่สุด

ทั้งนี้พระครูสถิตวรรัตน์ หรือพระแสงจันทร์ ฐานวโร ยังเล่าเรื่องราวความลี้ลับขององค์พระเสี่ยงทายอีกว่า พระเสี่ยงทางองค์นี้อยู่ควบคู่มากับพระปืดอยู่แล้ว ซึ่งลักษณะเป็นการปั้นขึ้นด้วยศิลปะสมัยขอม โดยองค์พระเสี่ยงทายนี้ก็เคยถูกคนร้ายขโมยไปถึง 2 ครั้ง แต่ก็เอาไปไม่ได้ ครั้งแรกชาวบ้านไปพบที่หนองน้ำบ้านบึงซึ่งอยู่ในระแวกเดียวกัน แต่เศียรถูกตัดแยกส่วนออกไป ต่อมามีชาวบ้านไปพบอยู่ในแม่น้ำเขตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์   

ครั้งที่สองทางเจ้าอาวาสและชาวบ้าน ได้ไปให้หมอดูทำนายตามความเชื่อ ซึ่งหมอดูทั้ง 9 คนทำนายเหมือนกันทั้งหมดว่า ไม่ต้องออกตามหา เดี๋ยวคนร้ายก็จะนำพระเสี่ยงทายกลับมาส่งคืน เวลาผ่านไปเพียง 45 วัน มีชาวบ้านไปพบที่ในทุ่งนา บ้านหนองตะครอง บรรดาชาวบ้านที่ไปพบนั้น ไม่มีใครสามารถยกองค์พระขึ้นได้ จึงพากันไปนิมนต์เจ้าอาวาสวัดปราสาทแก้ว ที่บ้านพระปืด แล้วอธิษฐานว่า หากเป็นพระคู่บ้านพระปืดจริง ขอให้ยกองค์พระขึ้นได้ พอตั้งจิตอธิษฐานแล้ว หลวงพ่อก็สามารถยกขึ้นได้โดยง่าย และนิมนต์กลับมาไว้ที่วัดปราสาทแก้วเหมือนเดิม ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นจึงเป็นที่มาของความเชื่อและแรงศรัทธาต่อองค์พระเสี่ยงทายนี้

ส่วนวิธีการขอพรคำทำนายเสี่ยงทายนั้น คือต้องตั้งจิตอธิฐาน ทำจิตใจให้สงบ อธิฐานสิ่งที่อยากรู้ แล้วลองยกองค์พระขึ้น ถ้าคำอธิฐานนั้นจะเกิดขึ้นจริง ก็จะยกองค์พระขึ้นได้โดยง่าย เหมือนน้ำหนักเบา แต่ถ้าคำอธิฐานนั้นจะไม่เกิดขึ้นจริง ก็จะยกองค์พระไม่ขึ้นเลย คล้ายกับมีน้ำหนักมากจนไม่น่าเชื่อว่า จะเป็นองค์พระองค์เดียวกัน


เรื่อง/ภาพ : แนวหน้าออนไลน์

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.221 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 24 เมษายน 2567 05:30:48