[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 08:22:31 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไฉนจักรพรรดิกวงซวี่ (จีน)-จักรพรรดิเมจิ(ญี่ปุ่น) ปฏิรูปล้มเหลว-สำเร็จ ต่างกัน  (อ่าน 719 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2325


ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 92.0.4515.107 Chrome 92.0.4515.107


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 09 สิงหาคม 2564 09:49:59 »



ซ้าย-จักรพรรดิกวงซวี่ของจีน ขวา-จักรพรรดิเมจิของญี่ปุ่น

จักรพรรดิกวงซวี่-จักรพรรดิเมจิ ประมุขผู้นำประเทศสู่การปฏิรูป ไฉนล้มเหลว-สำเร็จต่างกัน

เผยแพร่ - ศิลปวัฒนธรรม - วันพฤหัสที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2564

จักรพรรดิกวงซวี่-ประมุขแห่งจักรวรรดิจีนที่ยิ่งใหญ่ จักรพรรดิเมจิ-ประมุขแห่งเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง นอกจากเป็น “ประมุข” ของประเทศ ทั้งสองยังมีสิ่งอื่นที่เหมือนกัน เช่น มีชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบาก, บ้านเมืองในยุคของทั้งสองพระองค์ ถูกชาติมหาอำนาจรุกรานกดขี่, และทั้งสองพระองค์ต่างก็เป็นผู้นำการปฏิรูประเทศเหมือนกัน เพียงแต่ว่าประเทศหนึ่งล้มเหลว ประเทศหนึ่งสำเร็จ

ถ้าเช่นนั้นอะไรคือปัจจัยแห่งความสำเร็จและล้มเหลว ในการปฏิรูประหว่างจีน-ญี่ปุ่น

เริ่มมาดูกันจากชีวิตวัยเยาว์ มารดาจักรพรรดิกวงซวี่ (ค.ศ.1871-1908) เป็นน้องสาวแท้ๆ ของพระนางซูสีไทเฮา พระนางให้กวงซวี่ครองราชย์ตั้งแต่ยังไม่เต็ม 4 ขวบ เพราะสามารถชักจูงได้ง่าย เลี้ยงดูแบบใช้อำนาจ สร้างภาพให้น่าเกรงขาม เพื่อให้เชื่อฟังคำสั่ง

หลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกว่า จักรพรรดิกวงซวี่ “กลัวไทเฮามากจนจนพูดติดอ่าง เมื่อไทเฮาถามก็ยืนตัวสั่น พูดจาอ้ำอึ้ง” ซ้ำร้ายพวกขันทีที่คอยดูแลกวงซวี่ก็ไม่เคารพพระองค์ และมักเก็บเรื่องเล็กน้อยของกวงซวี่ไปทูลฟ้องซูสีไทเฮา นั่นทำให้พอโตขึ้นจึงขลาดความมั่นใจ และขี้ขลาด

มารดาจักรพรรดิเมจิ (ค.ศ.1852-1912) เป็นนางสนมคนหนึ่งในบรรดานางสนมหลายสิบคนของจักรพรรดิโคเม เมจิประสูติที่บ้านเล็กๆ นอกพระราชวัง ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลบะกุฟุกำลังต่อสู้กับรัฐบาลอย่างหนัก ขณะที่จักรพรรดิโคเม พระบิดาผู้อ่อนแอของพระองค์ถูกฉุดกระชากให้อยู่ตรงกลางของการต่อสู้ ทำได้เพียงให้ตัวเองอยู่รอด

ชีวิตวัยเด็กของเมจิที่ลำบากยากแค้น ทำให้เมจิเป็นเด็กขี้ขลาด ครั้งหนึ่งในที่ซามูไรที่ต้องการล้มล้างรัฐบาลบะกุฟุกับฝ่ายโชกุน เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นไปทั้งวัง เมจิที่อายุ 12 ปี ตกใจจนเป็นลม แต่เมจิในวัยเยาว์ได้รับการเลี้ยงดูอุ้มชูของเหล่าซามูไร จึงโตขึ้นมากล้าหาญเด็ดเดี่ยว เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง

หากมองในเรื่องการศึกษา กวงซวี่ที่เกิดหลังเมจิ 19 ปี ขยันหมั่นเพียรกว่าเมจิมากมาย พระนางซูสีไทเฮาก็ยอมรับว่าพระองค์ “รักการเรียนมาก” ตำราเรียนสำคัญของนักปราชญ์จีนอย่างยิ่งขงจื๊อ กวงซวี่ได้ศึกษาอย่างเต็มที่ หากเทียบกับเมจิ พระองค์คงเป็นได้แค่ “เด็กประถม” ต้องยอมรับว่ากวงซวี่เป็นผู้รอบรู้มากความสามารถ และพากเพียรอย่างยิ่ง

แต่เมจิกลับมีคุณสมบัติที่โดดเด่น ในความตื่นตัวและยอมรับวัฒนธรรมตะวันตกได้อย่างรวดเร็วจนน่าตะลึง บนโต๊ะทำงานของพระองค์มีตำราที่ขาดไม่ได้คือ “การตั้งปณิธานของชาติตะวันตก” และ “หลักการปกครองฝรั่งเศส” พระองค์ทรงทำเป็นตัวอย่างให้เห็นก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการตัดผมสั้นซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น, กำหนดให้ใส่สูทแบบตะวันตกเป็นเครื่องแต่งกายอย่างเป็นทางการ, ทรงนำทุกคนให้ดื่มนมวัว กินเนื้อวัว (ด้วยอิทธิพลของศาสนาพุทธ เดิมคนญี่ปุ่นไม่ค่อยกินเนื้อ)

กวงซวี่ทรงสนใจใคร่รู้เรื่องวิถีชีวิตและวัฒนธรรมตะวันตกไม่ยิ่งหย่อนกว่าเมจิ หนังสือ “ซูสีกับกวงซวี่-เกมการอยู่รอดในวังจีน” โดยไอแซค เทย์เลอร์ ฮีดแลนด์ระบุว่า ตอนเด็กกวงซวี่ชอบเล่นฝรั่งมาก นาฬิกา, เครื่องเล่นแผ่นเสียง ฯลฯ นานวันความชื่นชมของกวงซวี่ก็พัฒนาเป็นเรือรบ ปืนใหญ่ และวิทยาการอื่นๆ กวงซวี่ยังสร้างทางรถไฟลัดเลาะไปในพระราชวังต้องห้าม สั่งโรงงานต่อหัวจักรและตู้รถไฟเล็กๆ ชักชวนเหล่านางในนั่งรถไฟ กวงซวี่รู้จักตะวันตกแค่เพียงผิวเผิน และยังอยู่ในเกมการต่อสู้ที่ซับซ้อนเมื่อต้องปะทะกับซูสีไทเฮา ก็เหมือนถูกมัดมือมัดเท้า

วิสัยทัศน์ที่แตกต่างของจักรพรรดิทั้งสองสามารถวัดได้จากการจัดส่งคนไปศึกษาดูงานต่างประเทศ

24 กรกฎาคม ค.ศ.1887 กวงซวี่ลงพระปรมาภิไธยในคำสั่งให้ฟู่อวิ๋นหลงและคณะรวม 15 คนไปศึกษางานดูงานที่ยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือกับอเมริกาใต้ พระองค์ขอให้เหล่าขุนนางศึกษาลักษณะภูมิประเทศที่เป็นชัยภูมิสำคัญ, อาวุธยุทโธปกรณ์, หน่วยงานที่ผลิตอาวุธ และจุดประสงค์ของการไปศึกษาดูงานครั้งนี้เพียงแค่ “จดบันทึกอย่างละเอียด เผื่อใช้ในการตรวจสอบ”

หลังจากญี่ปุ่นเริ่มการปฏิรูปเมจิไม่นาน ก็ส่งคณะทูตมี อิวะคุระ โทะโมะมิ ผู้นำรัฐบาลและมหาเสนาบดีฝ่ายขวาเป็นผู้นำคณะเดินทางไปศึกษาดูงานที่ยุโรปและอเมริกา พระองค์มีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ “ศึกษาสรรพวิทยาจากโลกกว้าง” อาทิด้านระบบการเมืองการปกครอง กฎหมาย การทูตของแต่ละประทศ เมื่อคณะของอิวะคุระกลับประเทศก็เร่งนำพาญี่ปุ่นเข้าสู่ความเป็นอุตสาหกรรม

การสั่งสมความรู้และวัฒนธรรมตกเป็นรากฐานของการล้มล้างรัฐบาลบะฟุกะ และการให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นแรงผลักดันที่ทำให้การปฏิรูปประสบความสำเร็จ รัฐบาลใช้เงินกว่า 200 ล้านตำลึง เพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐานของประชาชน ถึงปลายยุคเมจิประชาชนกว่า 95% ของประเทศได้รับการศึกษา นอกจากนี้ระหว่าง 45 ปีที่ครองราชย์เมจิเสด็จประพาสต่างเมืองถึง 96 ครั้ง ไปมาทั่วทุกหนแห่งในประเทศ บ้างก็เพื่อปลอบขวัญกลุ่มที่ไม่พอใจรัฐบาล, เพื่อแสดงพระมหากรุณาธิคุณให้ประชาชนรับทราบ, เพื่อตรวจตรากองทัพเสริมขวัญกำลังใจ

ขณะที่ซูสีไทเฮานำงบประมาณของกองทัพเรือไปซ่อมแซมต่อเติมพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน จักรพรรดิเมจิกลับกินอยู่อย่างมัธยัสถ์ มอบพระราชทรัพย์ 1 ใน 10 ส่วนไปใช้ในการสร้างเรือรบทุกปี หลังจากญี่ปุ่นได้รับเงินค่าปฏิกรรมสงครามก้อนใหญ่จากจีนตามสนธิสัญญาชิโมะโนะเซะกิ รัฐบาลถวายเงิน 20 ล้านเยนแด่พระองค์ ตอบแทนที่ยอมประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนพระองค์เพื่อพัฒนากองทัพเรือจนมีชัยชนะ

11 มิถุนายน ค.ศ.1898 จักรพรรดิกวงซวี่ มีพระราชโองการประกาศใช้ระบบการปกครองแบบใหม่ “ปฏิรูประบบราชการเพื่อความเข้มแข็งของชาติ” ตั้ง 4 องคมนตรี (ถานซื่อถง, หลิวกวงตี้, หลินซวี่, หยางรุ่ย) มามีส่วนร่วมในการปฏิรูป คังโหย่วเหวย-ขุนนางนักปฏิรูปและที่ปรึกษาของกวงซวี่ดีใจจนออกนอกหน้า คณะปฏิรูปดูเหมือนมีหน้ามีตา มีตำแหน่ง แต่กลับไม่มีผลงาน ความจริงพวกเขามีหน้าที่เพียงจัดฎีกาของขุนนางและราษฎร เรียบเรียงออกมาให้พระองค์อ่านได้สะดวกขึ้น

ระหว่างนั้นก็เกิดเหตุที่เจ้าหน้าที่หกกรมของฝ่ายพิธีการ เห็นคำร้องของหวังจ้าวรุนแรงเกินไป จึงไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถือเป็นการขัดพระราชโองการที่จักรพรรดิกวงซวี่ต้องการส่งเสริมให้ทุกคนสามารถถวายฎีกาได้ พระองค์พิโรธมากออกคำสั่ง “ปลด” หวยถ่าปู้และขุนนางหกกรมที่เกี่ยวข้อง หวยถ่าปู้มีแซ่เดียวกับซูสีไทเฮา เมื่อเกิดเรื่องจึงเข้าเฝ้าเพื่อรายงานทันที

14 มิถุนายน ค.ศ.1898 ซูสีไทเฮาส่งสัญญาณเตือนที่ทำให้จักรพรรดิกวงซวี่สะท้าน พระนางอ้างว่า “ควบคุมอำนาจอย่างไม่ชอบธรรม” ขับไล่เวิงถงเหอ ขุนนางที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง และมือขวาของกวงซวี่ออกจากราชการ ริบป้ายตราตั้งทั้งหมดคืน

21 มิถุนายน ค.ศ.1898 คังโหย่วเหวยเขียนฎีกาถวายกวงซวี่เพื่อกระตุ้นเตือนพระองค์ว่า “ขอให้ฝ่าบาทยึดหลักการของซาร์ปีเตอร์แห่งรัสเซีย และยึดกฎหมายแบบจักรพรรดิเมจิแห่งญี่ปุ่น” คังโหย่วเหวยเข้าใจสถานการณ์ที่ซูสีไทเฮามีอำนาจเหนือจักรพรรดิกวงซวี่ จึงตั้งใจใช้ชื่อของซาร์ปีเตอร์บอกกวงซวี่ต้องมีความเด็ดขาด วางความชอบธรรมไว้เหนือครอบครัว

แต่ว่าจักรพรรดิกวงซวี่ไม่เหมือนจักรพรรดิคังซีที่รู้จักวางแผนกำจัดขุนนางเผด็จการอย่างอ๋าวป้ายตั้งแต่มีพระชนมายุ 14 พรรษา และไม่อำมหิตเหมือนจักรพรรดิยงเจิ้งที่กวาดล้างผู้เป็นปรปักษ์จนหมดสิ้น กวงซวี่เป็นผู้นำแค่เพียงในนาม ที่ติดกับดักคำสอนคร่ำครึที่ว่า “ความกตัญญูต่อบุพการี”

ในช่วงของการปฏิรูปอู้ซวีของจีน ประมาณ 100 กว่าวัน จักรพรรดิกวงซวี่ออกพระราชโองการเกี่ยวกับการปฏิรูปไปกว่า 180 ฉบับ ที่ปลุกประชาชนสะดุ้งตื่นจากการหลับลึก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีนที่สร้างปรากฎการณ์เป็นวงกว้างอันเนื่องมาจากความเห็นพ้องของหน่วยงานการปกครองหลายส่วน บัณฑิต, ขุนนาง, ประชาชนต่างชื่นชมกับพระราชโองการที่ออกมาว่าเปรียบเสมือนลมฝนใหญ่ที่จะชะล้างความฉ้อฉลที่สั่งสมมานับร้อยปี นำความสุขสมบูรณ์สู่คนจีน 400 ล้านคน แต่ในความจริง พระราชโองการกว่าร้อยฉบับที่ออกมา กลับไม่มีฉบับใดที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใกล้ตัวของราษฎร

ระเบียบปฏิบัติบางอย่างทั้งบางอย่างของการปฏิรูปยังส่งผลกระทบในแง่ลบต่อประโยชน์ของประชาชน เช่น เพื่อให้ถนนในปักกิ่งเรียบร้อย มีคำสั่งห้ามวางหาบเร่แผงลอยบริเวณหน้าประตูเฉียนเหมิน พ่อค้าแม่ค้าต้องย้ายไปอยู่บริเวณเลียบแม่น้ำตะวันตก ทำให้ถนนที่เคยคึกคักเงียบและวังเวง, ปรับวัดวาอารามให้เป็นโรงเรียนตามแบบศาสนาและวิธีของฝรั่ง, ปฏิรูประบบการเข้ารับราชการ จากแบบเดิมเป็นการอภิปรายทางด้านปกครองแบบกระทันหัน ผู้สอบไม่มีเวลาปรับตัวเตรียมตัว ฯลฯ

ระยะเวลา 3 เดือนเศษของการปฏิรูป พระราชโองการมามายที่ออกจากประตูวังไปแล้ว จึงไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ในที่สุด ขณะที่การปฏิรูปก็ล้มเหลว จักรพรรดิกวงซวี่มีพระชนมายุ 27 พรรษา ถูกกักบริเวณในตำหนักอิ๋งไถเสมือนเป็นนักโทษอยู่ถึง 10 ปี

ค.ศ.1868 หลังจากจักรพรรดิเมจิปฏิรูปอำนาจการปกครองครองใหม่ ได้ยกเลิกการถือครองที่ดินแบบศักดินาแล้วใช้วิธีแบ่งเขตการปกครอง ที่ดินจึงได้รับการปฏิรูปและนำนโยบาย “ความเท่าเทียม 4 กลุ่ม” มาใช้ นอกจากนี้ยังปฏิรูปภาษีที่ดิน ยกเลิกอำนาจในที่ดินของเหล่าเจ้าขุนมูลนายในระบบเดิม ทำให้ภาคการผลิตเฟื่องฟู วัฒนธรรมเปิดกว้าง ประชาชนมองเห็นความสำคัญของการปฏิรูป ทำให้กิจกรรมต่างๆ ในทุกภาคส่วนดำเนินไปอย่างเป็นขั้นตอน

แน่นอนว่า รัฐบาลเมจิก็มีพลาดเช่นเดียวกัน แต่พวกเขาสรุปประสบการณ์มาเป็นบทเรียนได้ทันเวลา เนื่องจากกระแสการเรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตกมีมากเกินไป นโยบายของญี่ปุ่นที่จะทำให้ประเทศเป็นยุโรปก็ต้องพบกับอุปสรรคเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการลอกเลียนวัฒนธรรมตะวันตกอย่างขาดสติ หรือมีแนวคิดผิดๆ ที่จะเปลี่ยนญี่ปุ่นเป็นจักรวรดิยุโรป เปลี่ยนคนญี่ปุ่นเป็นคนยุโรป และหนักข้อถึงกับสนับสนุนการแต่งงานระหว่างคนญี่ปุ่นกับยุโรป ฯลฯ

แต่แนวปฏิบัติในการปฏิรูปของจักรพรรดิเมจิคือการยืมประสบการณ์ของประเทศที่เจริญแล้วอย่างยุโรปและอเมริกามาปรับใช้ ไม่ใช่การลอกเลียนแบบต่างประเทศอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ปัญหาความล้มเหลวการปฏิรูปในจีน นอกจากตัวจักรพรรดิกวงซวี่เองแล้ว ข้างกายพระองค์ยังมีนักเผด็จการเบ็ดเสร็จอย่างซูสีไทเฮา อีกประการหนึ่งก็คือ ประเทศจีนมีขนาดใหญ่กว่าญี่ปุ่นมาก ที่ญี่ปุ่นใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบปีนั้น จีนอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านั้นเพื่อให้ทั่วถึงทุกพื้นที่

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ฮือฮา นักวิทยาศาสตร์ พัฒนา เจลป้องกัน เชื้อเอดส์ สำเร็จ
สุขใจ ตลาดสด
หมีงงในพงหญ้า 0 1972 กระทู้ล่าสุด 21 กรกฎาคม 2553 21:48:44
โดย หมีงงในพงหญ้า
คลิปตลก ๆ เหตุเกิดบนรถไฟฟ้า (ญี่ปุ่น)
ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
หมีงงในพงหญ้า 1 3163 กระทู้ล่าสุด 19 ตุลาคม 2553 22:11:38
โดย teenoooteenooo
[ไทยรัฐ] - ถึงฎีกา สาวจีน ดวลจุดโทษชนะ ญี่ปุ่น 4-3 เข้าชิงบอลหญิงเอเชีย 2022
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 291 กระทู้ล่าสุด 04 กุมภาพันธ์ 2565 11:47:39
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ไทยรัฐ] - มินิ เอฟทีเอ “เตลังคานา” สำเร็จ พาณิชย์ไทยและพาณิชย์อินเดีย
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 223 กระทู้ล่าสุด 12 เมษายน 2565 15:56:57
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ไทยรัฐ] - ฤกษ์มงคล เดือน ส.ค. หมอลักษณ์ ค้าขาย มั่นคง สำเร็จ สุดยอดฤกษ์สมหวังดังใจ
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 144 กระทู้ล่าสุด 02 สิงหาคม 2565 17:11:11
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.473 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 05 เมษายน 2567 20:19:01