Photo And Music By Sometime
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขอเรียนถาม ท่านวิทยากร มูลนิธิบ้านธัมมะ
เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาก่อนเที่ยงคืน ดิฉันซึ่งเป็นหวัด และได้เดินเข้าห้องน้ำ
ขณะเปิดห้องนอนออกมาก็เห็นหลานสาวกำลังทำการบ้านกับเพื่อนที่ดิฉันไม่รู้จัก
ซึ่งเปิดไฟสว่างเดินกลับเข้าห้องนอนก็มองไปก็เห็นเป็นเด็กผู้ชายแต่งตัวสุภาพนั่ง
ทำการบ้านด้วยกัน(เรียนหมอ)ก็ไม่ได้คิดอะไรมากรุ่งขึ้นก็ถามแม่เด็กว่าหลานเอา
เพื่อนมาด้วยหรือ บอกว่าไม่มีก็ถามหลานสาวเองหลานบอกว่าไม่มีเหตุการณ์ เช่น
นี้เรียกว่า อุปทานหรือเปล่าค่ะแต่ไม่น่าเป็นไปได้น่ะมองดูหลายครั้งก็เหมือนเดิม
อย่างนี้ที่ชาวบ้านเรียกว่า{ผีบ้านผีเรือน}หรือเปล่าค่ะ ? และผีบ้านผีเรือนมีในพระสูตร
ด้วยหรือเปล่าค่ะ - ขอขอบคุณมานะโอกาสนี้ค่ะ
ตอบ...........ในพระสูตร
มีการกล่าวถึงสัตว์ในภพภูมิอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์เรียกว่า{อมนุษย์}เช่นใน
อรรถกถาธรรมบทกล่าวถึงเทวดาที่มีวิมานอยู่ที่ซุ้มประตูบ้านของท่าน{อนาถบิณฑิก -
เศรษฐี}มาแสดงตัวให้เห็นแต่การได้เห็นอมนุษย์ไม่เป็นทัสสนานุตตริยะ คือ ไม่
ใช่การเห็นที่สูงสุดการได้เห็นพระพุทธองค์หรือสาวกของพระพุทธองค์แล้วได้รู้
แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นการเห็นที่ประเสริฐที่สุดฉะนั้น สิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่น่าสนใจ
เพราะล่วงไปแล้วแต่สิ่งที่กำลังปรากฏทุกขณะเป็นสิ่งที่น่าสนใจควรแก่การศึกษาให้
รู้ตามเป็นจริงว่า เป็นสภาวธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้นผู้ที่รู้สภาวธรรมที่กำลังปรากฏตาม
ความเป็นจริงย่อมพ้นจากทุกข์ได้
โดยมากเข้าใจว่าตายแล้วเป็น(ผี)แต่ความจริงนั้นทันทีที่จุติ
คือ จิตขณะสุดท้ายทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนั้นดับ - {ปฏิสนธิ}
{จิต} คือ จิตขณะแรกของชาติต่อไปก็เกิดสืบต่อทันทีไม่มีระหว่างคั่นแล้ว
แต่ว่า{ปฏิสนธิจิต}นั้นเป็นผลของกรรมใดที่ทำให้เกิดในภพภูมิใด
ถ้าเกิดในนรกก็ไม่มีใครมองเห็นเมื่อไม่เห็น{สัตว์นรก}ก็ไม่กล่าว
ว่าเห็น{ผี}แต่ถ้าเกิดในภูมิที่สามารถจะปรากฏกายให้เห็นได้ คือ ขณะที่
เห็นบุคคลที่ตายไปแล้วปรากฏร่างเหมือนที่เคยมีชีวิตอยู่ก็เข้าใจว่า
เห็น{ผี}ความจริงเทวดาก็ปรากฏให้เห็นได้เหมือนกันแต่ไม่ทราบว่าจะ
เรียกว่าผีหรือเปล่าหรือจะเรียกว่าผีเฉพาะผู้ที่ตายแล้วเกิดเป็นเปรตและ
อสุรกายเท่านั้น
ที่สำคัญที่สุด ในสัจจะธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้สัตว์โลกเข้าใจความจริง
ที่สัตว์โลกยึดถือด้วยความเห็นผิดว่ามีเรา มีสัตว์ บุคคล มี{ผี}มีสิ่งต่าง ๆ มากมายแต่ใน
ความจริงแล้ว{สัจจะที่เป็นอริยสัจจะ}พระองค์ทรงแสดงว่ามีแต่สภาพธรรมที่เป็นขันธ์ 5
ที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมมีแต่สภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป หากไม่มีสภาพธรรม
ไม่มีเห็น ไม่มีได้ยิน ไม่มีได้กลิ่น ไม่มีลิ้มรส ไม่มีสภาพธรรมอะไรเลยจะมีสัตว์ บุคคล
หรือแม้แต่ผีที่เป็น(เปรต)จะมีได้มั๊ย ? มีไม่ได้เลยเพราะฉะนั้นประโยชน์ของการ
ศึกษาพระธรรมคือการเพิกถอนความเห็นผิดว่ามีเรา มีสัตว์ บุคคลหรือมี(ผี)ทั้ง ๆ ที่ความ
จริงมีแต่สภาพธรรมเท่านั้นในขณะนี้ที่คิดนึกเมื่อเราเข้าใจความจริงอย่างนี้ย่อมเป็น
ปัจจัยให้สามารถอบรมปัญญา - ดับกิเลสได้เพราะเป็นสัจจะเข้าใจตามสัจจะที่พระองค์
ทรงแสดง(ผี)มีเมื่อไหร่ถ้าไม่มีเห็นไม่มีได้ยินและไม่มีคิดนึก(ผี)จะมีได้มั๊ย?ดังนั้นเรา
กลัวอะไรนอกจากกลัวความคิดนึกของเราเองหลังจากเห็นและได้ยินเพราะความจริงมี
แต่สภาพธรรมแต่เมื่อมีเหตุปัจจัยปัญญายังไม่มากพอก็ยังกลัวเพราะความไม่รู้และ
กิเลสที่สะสมมา........................................จากหนังสือ บทบาทของ อาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในการเผยแผ่พุทธธรรมโดย พระธนนาถ นิธิปญฺโญ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
http://poerlife.fx.gs/index.php?topic=687.new#new