【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 2097
【ツ】ต้นไม้แห่งแสง
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 5.0
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: 06 กันยายน 2554 23:00:03 » |
|
เฝ้าดูตามธรรม ( ต่อ )
4.5 อริยสัจสี่; สัจจปัพพะ หมวดสัจจ์
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง
(2) ภิกษุเฝ้าตามดูธรรมในธรรมทั้งหลาย คือ อริยสัจสี่อยู่
(3) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเฝ้าตามดูธรรมในธรรมทั้งหลาย คือ อริยสัจสี่อยู่อย่างไร
(4) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ที่เกิดขึ้นแห่งทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ความดับแห่งทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ปฏิปทาดำเนินไปสู่ความดับทุกข์ ดังพรรณนามาฉะนี้
4.5.1 ทุกขอริยสัจจ์
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ก็ทุกขอริยสัจจ์เป็นอย่างไร
(2) ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์ แม้ความโศก ความคร่ำครวญ ความทุกข์กาย ความโทมนัสใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์ ความประจวบกับสิ่งไม่เป็นที่รัก ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้ แม้อันนั้นก็เป็นทุกข์ โดยย่ออุปาทานขันธ์ทั้งห้าเป็นทุกข์
4.5.1.1 ชาติ; ความเกิด
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ก็ชาติเป็นอย่างไร ความเกิด เกิดพร้อม (คือมีอายตนะบริบูรณ์) ความหยั่งลง (ชลาพุชะ หรือ อัณฑชปฏิสนธิ) เกิด (สังเสทชปฏิสนธิ) เกิดจำเพาะ (อุปปาติกปฏิสนธิ) ความปรากฏขึ้นแห่งขันธ์ ความได้อายตนะครบในหมู่สัตว์นั้น ๆ ของเหล่าสัตว์นั้น ๆ อันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า ความเกิด
4.5.1.2 ชรา; ความแก่
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ก็ชราเป็นอย่างไร ความแก่ ความคร่ำครา ความที่ฟันหลุด ความที่ผมหงอก ความที่หนังหดเหี่ยวเป็นเกลียว ความเสื่อมแห่งอายุ ความแก่หง่อมแห่งอินทรีย์ในหมู่สัตว์นั้น ๆ ของเหล่าสัตว์นั้น ๆ อันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า ชรา
4.5.1.3 มรณะ; ความตาย
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย มรณะเป็นอย่างไร ความจุติ ความเคลื่อนไป ความแตกทำลาย ความหายไป มฤตยู ความตาย ความทำกาละ ความแตกแห่งขันธ์ ความทิ้งซากศพ ความขาดไปแห่งชีวิตอินทรีย์จากหมู่สัตว์นั้น ๆ ของเหล่าสัตว์นั้น ๆ อันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า ความตาย
4.5.1.4 โศกะ; ความแห้งใจ
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย โศกะเป็นอย่างไร ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ความโศก ความเศร้าใจ ความแห้งใจ ความแห้งผาก ณ ภายใน ความโศก ณ ภายในของสัตว์ผู้ประกอบด้วยความฉิบหายอันใดอันหนึ่ง และผู้ที่ความทุกข์อันใดอันหนึ่ง มาถูกต้องแล้วอันใด อันนี้กล่าวว่า โศกะ
4.5.1.5 ปริเทวะ; ความร่ำไรรำพัน
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ปริเทวะเป็นอย่างไร
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ความคร่ำครวญ ความร่ำไรรำพัน กิริยาที่คร่ำครวญ ความที่ร่ำไรรำพัน ของสัตว์ผู้ประกอบด้วยความฉิบหาย อันใดอันหนึ่ง และผู้ที่ความทุกข์อันใดอันหนึ่งมาถูกต้องแล้วอันใดเล่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า ปริเทวะ
4.5.1.6 ทุกข์; ความไม่สบายกาย
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ทุกข์เป็นอย่างไรเล่า
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์เกิดในกาย ความไม่สำราญเกิดในกาย เวทนาไม่ดีเป็นทุกข์เกิดแต่สัมผัสทางกายอันใดเล่า อันนี้ที่กล่าวว่า ทุกข์
4.5.1.7 โทมนัส; ความไม่สบายใจ, ความเสียใจ
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย โทมนัสเป็นอย่างไรเล่า
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์เกิดในใจ ความไม่สำราญเกิดในใจ เวทนาไม่ดีเป็นทุกข์เกิดแต่สัมผัสทางใจ อันใด ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า โทมนัส
4.5.1.8 อุปายาส; ความคับแค้นใจ
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อุปายาสเป็นอย่างไร
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ความแค้น ความคับแค้น ความที่สัตว์แค้น ความที่สัตว์คับแค้นของสัตว์ผู้ประกอบด้วยความฉิบหายอันใดอันหนึ่ง และผู้ที่ความทุกข์อันใดอันหนึ่งมาถูกต้องแล้วอันใด ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า อุปายาส
4.5.1.9 ความประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ความประสบสัตว์และสังขารซึ่งไม่เป็นที่รัก เป็นทุกข์อย่างไร
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อารมณ์เหล่าใดในโลกนี้ ซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนา ไม่เป็นที่รักใคร่ ไม่เป็นที่ปลื้มใจ คือรูป เสียง กลิ่น รส และอารมณ์ที่จะพึงถูกต้องด้วยกาย ย่อมมีแก่ผู้นั้น อนึ่ง หรือชนเหล่าใด ที่ใคร่ต่อความฉิบหาย ใคร่สิ่งที่ไม่เกื้อกลู ใคร่ความไม่สำราญ และใคร่ความไม่เกษมจากเครื่องประกอบแก่ผู้นั้น การไปร่วม การมาร่วม ความประชุมร่วม ความระคนกับด้วยอารมณ์และสัตว์เหล่านั้น อันใด ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า ความประสบกับสัตว์และสังขารซึ่งไม่เป็นที่รัก เป็นทุกข์
4.5.1.10 ความพลัดพรากกับสิ่งที่รัก
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ความพลัดพรากจากสัตว์และสังขารซึ่งเป็นที่รัก เป็นทุกข์อย่างไร
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อารมณ์เหล่าใดในโลกนี้ ซึ่งเป็นที่ปรารถนา เป็นที่รักใคร่ เป็นที่ปลื้มใจ คือ รูป เสียง กลิ่น รส และอารมณ์ที่จะพึงถูกต้องด้วยกาย ย่อมมีแก่ผู้นั้น อนึ่ง หรือชนเหล่าใด ที่ใคร่ต่อความเจริญ ใคร่ประโยชน์เกื้อกลู ใคร่ความสำราญ และใคร่ความเกษมจากเครื่องประกอบแก่ผู้นั้น คือ มารดา หรือบิดา พี่ชายน้องชาย หรือพี่หญิงน้องหญิง มิตร หรืออำมาตย์ หรือญาติสาโลหิต ความไม่ไปร่วม ความไม่มาร่วม ความไม่ประชุมร่วม ความไม่ระคนกับด้วยอารมณ์และสัตว์เหล่านั้น อันใด ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า ความพลัดพรากจากสัตว์และสังขาร ซึ่งเป็นที่รัก เป็นทุกข์
4.5.1.11 ความปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ปรารถนาสิ่งใดย่อมไม่ได้ แม้ข้อที่ไม่สมประสงค์นั้น เป็นทุกข์อย่างไรเล่า
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ความปรารถนาย่อมเกิดขึ้นแก่เหล่าสัตว์ ที่มีความเกิดเป็นธรรมดาอย่างนี้ว่า เออหนา ขอเราพึงเป็นผู้ไม่มีความเกิดเป็นธรรมดาเถิด ขอความเกิดอย่ามีมาถึงแก่เราเลยหนา ดังนี้ ข้อนั้น สัตว์ไม่พึงได้ตามความปรารถนาโดยแท้ แม้ข้อนี้ก็ชื่อว่า สัตว์ปรารถนาสิ่งใดย่อมไม่ได้ แม้ข้อที่ไม่สมประสงค์นั้นก็เป็นทุกข์
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ความปรารถนาย่อมเกิดขึ้นแก่เหล่าสัตว์ ซึ่งมีความแก่... ความเจ็บไข้... ความตายเป็นอย่างนี้ว่า เออหนา ขอเราพึงเป็นผู้ไม่มีความตายเป็นธรรมดาเถิด อนึ่ง ขอความตายอย่ามีมาถึงแก่เราเลยหนา ดังนี้ ข้อนั้นสัตว์ไม่พึงได้ตามความปรารถนาโดยแท้ แม้ข้อนี้ก็ชื่อว่า สัตว์ปรารถนาสิ่งใดย่อมไม่ได้ แม้ข้อที่ไม่สมประสงค์นั้นก็เป็นทุกข์
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ความปรารถนาย่อมเกิดขึ้นแก่เหล่าสัตว์ ที่มี โสกะ ปริเทวะ ทุกขุ โทมนัส อุปายาส อย่ามีมาถึงแก่เราเลยหนา ดังนี้
เออหนา ขอเราพึงเป็นผู้ไม่มี โสกะ ปริเทวะ ทุกขุ โทมนัส อุปายาสเป็นธรรมดาเถิด อนึ่ง ขอโสกะ ปริเทวะ ทุกขุ โทมนัส อุปายาส อย่ามีมาถึงแก่เราเลยหนา ดังนี้ ้
ข้อนั้น สัตว์ไม่พึงได้ตามความปรารถนาโดยแท้
แม้ข้อนี้ก็ชื่อว่า สัตว์ปรารถนาสิ่งใดย่อมไม่ได้ แม้ข้อที่ไม่สมประสงค์นั้นก็เป็นทุกข์
4.5.1.12 อุปาทานขันธ์ห้า
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย โดยย่ออุปาทานขันธ์ทั้งห้าเป็นทุกข์อย่างไร นี้คือ อุปาทานขันธ์คือรูป อุปาทานขันธ์คือเวทนา อุปาทานขันธ์คือสัญญา อุปาทานขันธ์คือสังขาร อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย โดยย่อเหล่านี้กล่าวว่า อุปาทานขันธ์ทั้งห้าเป็นทุกข์
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า อริยสัจจ์คือทุกข์
4.5.2 ทุกขสมุทัย; เหตุให้เกิดทุกข์
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อริยสัจจ์ คือทุกขสมุทัย เป็นอย่างไร
(2) ตัณหา (ความทะยานอยาก) นี้อันใด อันเป็นเหตุเกิดในภพใหม่ ประกอบด้วยความกำหนัดยินดี เพลิดเพลินอยู่ในอารมณ์นั้น ๆ คือ กามตัณหา (ความกำหนัดยินดีอันประกอบด้วยกาม) ภวตัณหา (ความกำหนัดยินดีอันเกิดร่วมกับความคิดเห็นว่ามีตัวตนที่เที่ยง) วิภวตัณหา (ความกำหนัดยินดีอันเกิดร่วมกับความคิดเห็นว่าตัวตนจักขาดสูญไป)
(3) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ก็แลตัณหานั้นนั่นแล เมื่อจะเกิดขึ้นย่อมเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อจะตั้งอยู่ย่อมตั้งอยู่ที่ไหน
(4) ที่ใดเป็นที่รักใคร่ เป็นที่พอใจในโลก ตัณหานั้นเมื่อจะเกิดขึ้น ก็ย่อมเกิดขึ้นในที่นั้น เมื่อจะตั้งอยู่ก็ย่อมตั้งอยู่ในที่นั้น
(5) ก็อะไรเล่า เป็นที่รักใคร่ เป็นที่พอใจในโลก
(6) ตา เป็นที่รักใคร่ เป็นที่พอใจในโลก
ตัณหานั้น เมื่อจะเกิดขึ้นก็ย่อมเกิดขึ้นที่นั้น เมื่อจะตั้งอยู่ ก็ย่อมตั้งอยู่ที่นั้น
(7) หู..., จมูก..., ลิ้น..., กาย..., ใจ เป็นที่รักใคร่ เป็นที่พอใจในโลก
ตัณหานั้น เมื่อจะเกิดขึ้น ก็ย่อมเกิดขึ้นที่นั้น เมื่อจะตั้งอยู่ ก็ย่อมตั้งอยู่ที่นั้น
(8) รูป..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ธัมมารมณ์ เป็นที่รักใคร่ เป็นที่พอใจในโลก
ตัณหานั้น เมื่อจะเกิดขึ้น ก็ย่อมเกิดขึ้นที่นั้น เมื่อจะตั้งอยู่ ก็ย่อมตั้งอยู่ที่นั้น
(9) ความรู้ทางตา (จักขุวิญญาณ)..., ความรู้ทางหู (โสตวิญญาณ)..., ความรู้ทางจมูก (ฆานวิญญาณ)..., ความรู้ทางลิ้น (ชิวหาวิญญาณ)..., ความรู้ทางกาย (กายวิญญาณ)..., ความรู้ทางใจ (มโนวิญญาณ) เป็นที่รักใคร่ เป็นที่พอใจในโลก
ตัณหานั้น เมื่อจะเกิดขึ้น ก็ย่อมเกิดขึ้นที่นั้น เมื่อจะตั้งอยู่ ก็ย่อมตั้งอยู่ที่นั้น
(10) ความกระทบทางตา (จักขุสัมผัส)..., ความกระทบทางหู..., ความกระทบทางจมูก..., ความกระทบทางลิ้น..., ความกระทบทางกาย..., ความกระทบทางใจ (มโนสัมผัส) เป็นที่รักใคร่ เป็นที่พอใจในโลก
ตัณหานั้น เมื่อจะเกิดขึ้น ก็ย่อมเกิดขึ้นที่นั้น เมื่อจะตั้งอยู่ ก็ย่อมตั้งอยู่ที่นั้น
(11) เวทนาที่เกิดแก่กระทบทางตา (จักขุสัมผัสสชาเวทนา)..., ทางหู..., ทางจมูก..., ทางลิ้น..., ทางกาย..., ทางใจ
(12) ความจำรูป (รูปสัญญา)..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ธัมมารมณ์...
(13) ความจงใจในรูป (รูปสัญเจตนา)..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ความจงใจในธัมมารมณ์ (ธัมมสัญเจตนา)...
(14) ความอยากในรูป (รูปตัณหา)..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ธัมมารมณ์...
(15) ความตรึกถึงรูป (รูปวิตก)..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ธัมมารมณ์...
(16) ความตรองถึงรูป (รูปวิจาร)..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ธัมมารมณ์...
ตัณหานั้น เมื่อจะเกิดขึ้น ก็ย่อมเกิดขึ้นที่นั้น เมื่อจะตั้งอยู่ก็ย่อมตั้งอยู่ที่นั้น
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า อริยสัจจ์ คือทุกขสมุทัย
4.5.3 ทุกขนิโรธ; ธรรมเป็นที่ดับทุกข์
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อริยสัจจ์คือทุกขนิโรธเป็นอย่างไร
(2) คือ ความสำรอก และความดับโดยไม่มีเหลือ ความสละ ความส่งคืน ความปล่อยวาง ความไม่อาลัยในตัณหานั้นนั่นแล อันใด
(3) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ก็แลตัณหานั้นนั่นแล เมื่อบุคคลจะละเสีย ย่อมละเสียได้ในที่ไหน เมื่อจะดับ ย่อมดับในที่ไหน
(4) ที่ใดเป็นที่รักใคร่ เป็นที่พอใจในโลก ตัณหานั้น เมื่อบุคคลจะละเสีย ก็ย่อมละเสียได้ในที่นั้น เมื่อจะดับก็ย่อมดับในที่นั้น
(5) ก็อะไรเล่า เป็นที่รักใคร่ เป็นที่พอใจในโลก
(6) ตา เป็นที่รักใคร่ เป็นที่พอใจในโลก
ตัณหานั้น เมื่อบุคคลจะละเสีย ก็ย่อมละเสียได้ในที่นั้น เมื่อจะดับ ก็ย่อมดับในที่นั้น
(7) หู..., จมูก..., ลิ้น..., กาย..., ใจ
(8) รูป..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ธัมมารมณ์...
(9) ความรู้ทางตา..., ทางหู..., ทางจมูก..., ลิ้น..., กาย..., ใจ...
(10) ความกระทบทางตา..., หู..., จมูก..., ลิ้น..., กาย..., ใจ...
(11) เวทนาที่เกิดแก่กระทบทางตา..., หู..., จมูก..., ลิ้น..., กาย..., ใจ...
(12) ความจำรูป..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ธัมมารมณ์...
(13) ความจงใจในรูป..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ธัมมารมณ์...
(14) ความอยากในรูป..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ธัมมารมณ์...
(15) ความตรึกถึงรูป..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ธัมมารมณ์...
(16) ความตรองถึงรูป..., เสียง..., กลิ่น..., รส..., โผฏฐัพพะ..., ธัมมารมณ์...
ตัณหานั้น เมื่อบุคคลจะละเสียก็ย่อมละเสียได้ที่นั้น เมื่อจะดับก็ย่อมดับที่นั้น
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า อริอริยสัจจ์คือทุกขนิโรธ
4.5.4 ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา; ข้อปฏิบัติให้ถึงธรรมเป็นที่ดับทุกข์
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างไร
(2) ทางอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์แปดทางเดียวนี้แล
(3) ทางนี้เป็นอย่างไร
(4) คือปัญญาอันเห็นชอบ ความดำริชอบ เจรจาชอบ กระทำชอบ เลี้ยงชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งจิตมั่นชอบ
4.5.4.1 สัมมาทิฏฐิ; ปัญญาอันเห็นชอบ
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฏฐิเป็นอย่างไร
(2) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ความรู้ในทุกข์ ความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ ความรู้ในธรรมเป็นที่ดับทุกข์ ความรู้ในข้อปฏิบัติให้ถึงธรรมเป็นที่ดับทุกข์
(3) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า สัมมาทิฏฐิ
4.5.4.2 สัมมาสังกัปปะ; ความดำริชอบ
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย สัมมาสังกัปปะเป็นอย่างไร
(2) คือความดำริในการออกจากกาม (เนกขัมม) ความดำริในความไม่พยาบาท (อพยาปาท) ความดำริในการไม่เบียดเบียน (อวิหิงสา)
(3) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า สัมมาสังกัปปะ
4.5.4.3 สัมมาวาจา; เจรจาชอบ
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย สัมมาวาจาเป็นอย่างไร
(2) การงดเว้นจากการกล่าวเท็จ งดเว้นจากการกล่าววาจาส่อเสียด งดเว้นจากการกล่าววาจาหยายคาย งดเว้นจากการกล่าววาจาเพ้อเจ้อ
(3) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า สัมมาวาจา
4.5.4.4 สัมมากัมมันตะ; การกระทำชอบ
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย สัมมากัมมันตะเป็นอย่างไร
(2) การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากถือเอาสิ่งของที่เขามิได้ให้ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
(3) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า สัมมากัมมันตะ
4.5.4.5 สัมมาอาชีวะ; การเลี้ยงชีพชอบ
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย สัมมาอาชีวะเป็นอย่างไร
(2) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ละการเลี้ยงชีพผิดเสียแล้ว ย่อมสำเร็จความเป็นอยู่ด้วยการเลี้ยงชีพชอบ
(3) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า สัมมาอาชีวะ
4.5.4.6 สัมมาวายามะ; ความพยายามชอบ
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย สัมมาวายามะเป็นอย่างไร
(2) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมยังความพอใจ (ฉันทะ) ให้บังเกิด ย่อมพยายาม ย่อมระดมความเพียร ย่อมประคองตั้งจิตไว้ เพื่อมิให้อกุศลธรรม อันเป็นบาปที่ยังไม่เกิดขึ้นไม่ให้เกิดขึ้น
(3) ย่อมยังความพอใจให้บังเกิด ย่อมพยายาม ย่อมระดมความเพียร ย่อมประคองตั้งจิตไว้ เพื่อละอกุศลธรรมอันเป็นบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
(4) ย่อมยังความพอใจให้บังเกิด ย่อมพยายาม ย่อมระดมความเพียร ย่อมประคองตั้งจิตไว้ เพื่อยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น ให้เกิดขึ้น
(5) ย่อมยังความพอใจให้บังเกิด ย่อมพยายาม ย่อมระดมความเพียร ย่อมประคองตั้งจิตไว้ เพื่อความตั้งอยู่ไม่ให้สาบสูญ เพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์มีขึ้นเต็มเปี่ยมแห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
(6) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า สัมมาวายามะ
4.5.4.7 สัมมาสติ; ความระลึกชอบ
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย สัมมาสติเป็นอย่างไร
(2) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
(3) เป็นผู้มีความเพียร มีสติ มีสัมปชัญญะ เฝ้าตามดูกายในกายอยู่ กำจัดความเพ่งเล็งอยากได้ และความทุกข์ใจในโลกเสียได้
(4) เป็นผู้มีความเพียร มีสติ มีสัมปชัญญะ เฝ้าตามดูเวทนาในเวทนาอยู่ กำจัดความเพ่งเล็งอยากได้ และความทุกข์ใจในโลกเสียได้
(5) เป็นผู้มีความเพียร มีสติ มีสัมปชัญญะ เฝ้าตามดูจิตในจิตอยู่ กำจัดความเพ่งเล็งอยากได้ และความทุกข์ใจในโลกเสียได้
(6) เป็นผู้มีความเพียร มีสติ มีสัมปชัญญะ เฝ้าตามดูธรรมในธรรมอยู่ กำจัดความเพ่งเล็งอยากได้ และความทุกข์ใจในโลกเสียได้
(7) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้กล่าวว่า สัมมาสติ
4.5.4.8 สัมมาสมาธิ; ความตั้งจิตมั่นชอบ
(1) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย สัมมาสมาธิเป็นอย่างไร
(2) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดแล้วจากกาม สงัดแล้วจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก วิจาร มีปิติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่
(3) บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตก วิจาร สงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปิติ และสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่
(4) เธอมีอุเบกขา มีสิต มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปิติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข
(5) เธอบรรลุจตุถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัส โทมนัสก่อน ๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
(6) อันนี้ เรียกว่า สัมมาสมาธิ
(7) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรียกว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจจ์
(8) เฝ้าตามดูสิ่งที่เกิดขึ้นในธรรมทั้งหลายอยู่บ้าง เฝ้าตามดูสิ่งที่ทำให้ดับไปในธรรมทั้งหลายอยู่บ้าง เฝ้าตามดูทั้งสิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นและสิ่งที่ดับไปในธรรมทั้งหลายอยู่บ้าง
(9) อนึ่ง ภิกษุนั้น เข้าไปตั้งสติอยู่ว่า ธรรมทั้งหลายมีอยู่ดังนี้ เพียงเพื่อรู้ไว้เท่านั้น เพียงเพื่อระลึกไว้เท่านั้น ไม่เป็นผู้มีสิ่งใดอาศัยอยู่ด้วย ทั้งไม่ยึดถืออะไร ๆ ในโลกด้วย
(10) ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเฝ้าตามดูธรรมในธรรมทั้งหลายคือ อริยสัจจ์สี่อยู่ แม้ด้วยประการดังกล่าวนี้แล
|