[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
27 เมษายน 2567 23:54:38 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระเสพเมถุน จากกฎพระสงฆ์เมื่อครั้งรัชกาลที่ ๑  (อ่าน 342 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5462


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2565 16:48:32 »


ที่มาภาพ: กฎหมายตราสามดวงฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม ๑

พระเสพเมถุน จากกฎพระสงฆ์เมื่อครั้งรัชกาลที่ ๑

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีการประกาศกฎพระสงฆ์ออกมาหลายฉบับ ในฉบับที่ ๘ ประกาศเมื่อวันพุธ เดือน ๓ แรม ๑๑ ค่ำ จ.ศ. ๑๑๕๑ (พ.ศ.๒๓๓๒) ปีระกาเอกศก

กฎหมายฉบับนี้กล่าวถึงพระสงฆ์ที่ต้องปราชิกเสพเมถุนธรรม เพื่อมิให้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง

ในตอนต้นกล่าวถึงเหตุการณ์ที่มีพระสงฆ์ประพฤติผิดพระธรรมวินัย ทำให้พระศาสนามัวหมองจนเป็นเหตุนำไปสู่การสังคายนาพระไตรปิฎก และยกตัวอย่างเรื่องเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพระอินทร์ เสด็จลงมาบนโลกมนุษย์พร้อมกับพระมาตุลี พระอินทร์แปลงเป็นนายพราน พระมาตุลีแปลงเป็นสุนัข ร้องคำรามจะกัดกินซึ่งสมณะสามเณรอุบาสกอุบาสิกาที่ประพฤติบาปชั่วช้า

เนื้อความต่อจากนั้นจึงกล่าวถึงพฤติกรรมของฝ่ายพุทธจักรในสมัยรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ “วางมือเสีย” ไม่ช่วยกันระวังจนเกิด “มหาโจรปล้นทำลายพระศาสนา” พระสงฆ์สามเณรเที่ยวตามร้านตลาดดูสีกา ดูมหรสพ เล่นการพนัน และใกล้ชิดสนิทสนมคุ้นเคยกับฆราวาสจนเกินพอดี

ความคุ้นเคยระหว่างพระสงฆ์กับบรรดาผู้ครองเรือนโดยเฉพาะสีกาทั้งหลายแล้ว ย่อมนำไปสู่การ “กระทำเมถุนธรรม” เป็นปราชิก กฎหมายสงฆ์ฉบับที่ ๘ นี้ กล่าวถึง กรณีปราชิกต่างๆ ไว้ดังนี้ (หมายเหตุ-ปรับอักขรวิธีตัวสะกดจากต้นฉบับให้เป็นปัจจุบันมากขึ้น)

“...ฝ่ายภิกษุสามเณรบาปลามก ครั้นคุ้นเคยเข้ากับสีกาแล้ว ก็เข้าบ้านนอนบ้านผิดเพลาราตรี พูดจาสีการูปชีก็มีความเสน่หารักใคร่ทั้งสองฝ่าย สัมผัสกายกระทำเมถุนธรรมเป็นปราชิก แลลึงคไถยสังวาสเป็นครุโทษ ห้ามบรรพชาอุปสมบท จะบวชมิเป็นภิกษุสามเณรเลย อย่างไอ้ดีบวชอยู่วัดโพธิ์ เสพเมถุนธรรมด้วยอี่ทองมาก อี่เพียน อี่พิ่ม อี่บุนรอด อี่หนู อี่เขียว แลไอ้ทองอยู่เสพเมถุนธรรมกับอี่ทองอิน แลเณรปิ่นอยู่วัดโพธิ์ เสพเมถุนธรรมกับอี่คุ้มเมียพระแพทย์ และเณรทองเสพเมถุนธรรมกับอี่ชีนวนอยู่หลังวัดบางหว้าใหญ่เป็นปราชิก ไอ้เป้าบวชอยู่วัดพวาเสพเมถุนธรรมกับอี่จันลาวจนมีบุตร ไอ้ลุนบวชอยู่วัดบางขุนพรหมจ้างเขียนหนังสือ เอาเงินให้อี่ปิ่นโขลนเป็นปราชิก แลมหาสังกับชีแก้วอยู่วัดคงคาพิหาร แต่สองต่อสองเป็นที่สงสัยใกล้ปราชิก เณรนุ่มอยู่วัดเสาธงเข้าไปบ้านเป็นนิจกับประสกสีกา แลทิดอยู่วัดหงส์นอนกับอี่เป้าภรรยานายฤทบนเตียงในมุ้ง เป็นศีลวิบัติใกล้ฉายาปราชิก*

เถรษาสัปดนเป็นคนชั่วตัวเป็นเถรห่มคลุมใส่ผ้าพาด บางทีทำอย่างภิกษุเป็นไถยสังวาส** แลปลอมบวชเป็นภิกษุอยู่ในพระศาสนา แลเณรอยู่ศิษย์พระนิกรม นอนในมุ้งกับอี่ทองคำภรรยานายกรมช้าง แล้วคบเณรเล่นเบี้ย แลมหาอินมหาจันวัดนากพูดกับอี่มุยในที่ลับ เป็นที่สงสัยใกล้ฉายาปราชิก  จนถึงพระนิกรมเป็นราชาคณะ ไม่มีหิริโอตตัปปะเกรงสิกขาหยาบช้า พูดจาเกี้ยวพานกับสีกาเป็นบ้ากาม อวดรูปจับข้อมืออี่ฉิมๆ อบผ้าห่มส่งให้เอาผ้าไม้จูบกอดนอน แลนอนเอกเขนกให้สีกาพัดลอยหน้าหาความอายไม่ มหาขุนศิษย์พระนิกรมก็จับแก้มอี่ขาว แล้วพูดจาเกี้ยวพานอี่สีๆ รักยอมถอดแหวนให้

แลผู้มีชื่อทั้งนี้ กระทำทุจริตผิดหนักหนา เป็นมหาโจรปล้นพระศาสนาชุกชุมขึ้นทั้งนี้ เพราะพระราชาคณะธิบดีพระเถรานุเถรผู้เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์หาความกตัญญูกตเวทีต่อพระศาสนาไม้ มิได้ประพฤติตามพระพุทธฎีกาสัตตาปริยหานิยธรรมเจ็ดประการ  มีประชุมนุมพร้อมกันตรวจตราว่ากล่าว ให้เห็นดีแลร้ายไม่มี

หากผู้ชื่อว่าฆราวาส เอาเนื้อความมาว่าจึ่งปรากฎขึ้นได้ เอามาชำระว่ากล่าวขับเฆี่ยน พันธนาการประจานโทษทเวนบกสามวัน เรือสามวัน เพื่อจะมิให้ดูเยี่ยงกันทำลายพระศาสนา

ทรงพระกรรุณาจะใคร่ยกโทษพระราชาคณะทั้งปวงด้วยอีก แต่ให้งดโทษไว้ครั้งหนึ่งก่อน แลพระราชาคณะเป็นอธิบดีสงฆ์ผู้พระไตรปิฎก ควรจะรู้คุณพระศรีรัตนไตร ว่าอาตมานี้เทพามนุษยทั้งปวงกระทำนมัสการคำรบนบบูชาทั้งนี้ เพราะอำนาจอาตมาหามิได้ เพราะคุณรัตนไตรสถิตอยู่เหนือเศียรเกล้าอาตมา ควรจะกตัญญูกตเวทีสนองพระคุณรักษาพระพุทธศาสนา อย่าให้เศร้าหมองจงได้

มาตรว่าจะขัดสนประการใดฝ่ายข้างพระราชอาณาจักรก็ได้ถวายปฏิญาณเป็นโยมขาดในพระศาสนาแล้ว ควรจะเอาเนื้อความข้อขัดข้องในพระศาสนานั้นมาแจ้งถวายพระพรอันนี้ก็หามิได้

แต่ฝ่ายข้างพระราชอาณาจักรนี้เร่งร้อนรนนักให้นักปราชญ์ราชบัณฑิตสังกะรียธรรมการออกมาประเดียงแจกกฎหมายให้พระราชาคณะทั้งปวงเร่งกำชับตรวจตรากัน รักษาพระจัตุปารียสุทธิศีลปรนนิบัติตามคันถธุระวิปัสนาธุระแลพระราชกำหนดเก่าใหม่อยู่เนืองๆ ฉะนี้ ก็ยิ่งมีสมณะสามเณรเป็นมหาโจรปล้นพระศาสนาขึ้นมากมาย ดั่งนี้มิควรนักหนา

แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ห้ามมิให้สามเณรเถรรูปชีกระทำความชั่วทุจริตผิดด้วยพระวินัยบัญญัติบรรดาพรรณนาโทษมานั้น แลห้ามมิให้เอาเยี่ยงอ้ายอี่มีชื่ออันกระทำหยาบช้าทำลายพระศาสนา อันกล่าวมาในต้นพระราชกำหนดนั้นจงทุกประการ...”

ในท้ายกฎพระสงฆ์ ระบุถึงระเบียปฏิบัติของพระและฆราวาสไว้ เช่น หากเถรเณรจะออกจากพระอารามไปยังที่ไกลๆ ให้ห่มดองครองผ้าอย่างบิณฑบาต ให้แจ้งพระอุปัชฌาย์ก่อน พร้อมทั้งชวน “พรหมจาริย” ไปเป็นเพื่อนพยานอีกสองสามรูป และห้ามคบสีกาที่ไม่ใช่ญาติเข้าไปบ้านนอนบ้าน ส่วนฝ่ายสีกานั้น หากถวายของต่างๆ เพื่อหวังเสพเมถุนธรรม ให้ถือว่ามีโทษเช่นกัน และหากไปในพระอารามให้ไปช่วงเช้าถึงเที่ยง อย่านั่งในที่กำบัง ให้นั่งนอกกุฏิในที่แจ้ง และห้ามทั้งสองฝ่ายอย่าให้แก้วแหวนเงินทองต่อมือกันเป็นอันขาด  ทั้งนี้  “ถ้าภิกษุเถรเณรรูปใดอารามใด ต้องอธิกรถึงอันติมวัตถุ*** เป็นปราชิกแล้ว ให้พระราชาคณะสึกเสีย แล้วบอกแก่สังกะรียธรรมการให้แจ้งด้วย จะได้สักหน้าหมายไว้อย่าให้ปลอมอุปสมบทสืบไป”

อธิบายเพิ่มเติม
   * ฉายาปาราชิก “เงาแห่งปาราชิก” คือ ประพฤติตนในฐานะที่ล่อแหลมต่อปาราชิก อาจเป็นปาราชิกได้ แต่จับไม่ถนัด เรียกว่า ฉายาปาราชิก เป็นผู้ที่สงฆ์รังเกียจ
 ** ไถยสังวาส หรือเถยยสังวาส ลักเพศ มิใช่พระภิกษุ แต่ปลอมเพศเป็นภิกษุ
*** อันติมวัตถุ “วัตถุมีในที่สุด” หมายถึง อาบัติปาราชิก ซึ่งทำให้ภิกษุและภิกษุณีผู้ต้อง มีโทษถึงที่สุดคือ ขาดจากภาวะของตน


ขอขอบคุณที่มา เพจภาษาไทย มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ที่มาข้อมูล:
- กฎหมายตราสามดวง ฉบับคุรุสภา เล่ม ๔
- พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.28 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 16 เมษายน 2567 03:21:50