[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 05:19:50 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่ผู้มีเมตตาธรรมสูง! เต่ายกขบวนมาร่ำไห้เคารพศพต่อหน้าคนนับพัน  (อ่าน 435 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2325


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2565 15:23:19 »



หลวงปู่สงค์ จันทสโร
วัดศาลาลอย ตำบลบางลึก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร




หลวงปู่ผู้มีเมตตาธรรมสูง!
เต่ายกขบวนมาร่ำไห้เคารพศพต่อหน้าคนนับพันและรองปลัดมหาดไทย!!
เผยแพร่ - ผู้จัดการออนไลน์ : 20 พ.ค.2565

ในระยะนี้ต้องอ่านข่าวอลัชชีและคนหาความดังจากเรื่องพระไม่เว้นแต่ละวัน เลยเอาเรื่องอริยสงฆ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบมาเล่ากันบ้าง อย่างหลวงปู่องค์หนึ่งกล่าวกันว่าท่านมี “วาจาสิทธิ์” มีเมตตาธรรมสูง อย่าว่าแต่คนทั้งภาคจะเคารพกราบไหว้เลย แม้แต่เต่าที่ท่านช่วยชีวิตไว้มาก ก็ยังยกขบวนกันมาเคารพศพที่ตั้งอยู่บนศาลา เอาหัวชนโลงแล้วหลั่งน้ำตา ต่อหน้าคนนับพันรวมทั้งข้าราชการชั้นสูงของจังหวัดและรองปลัดกระทรวงมหาดไทย

หลวงปู่องค์นี้ก็คือ หลวงปู่สงค์ จันทสโร แห่งวัดศาลาลอย ตำบลบางลึก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ที่ชาวชุมพรให้ความเคารพศรัทธาดุจเทพเจ้า ทั้งยังเป็นที่เคารพของคนตลอดภาคใต้ เรื่องที่เล่าว่าท่านมีวาจาสิทธิ์ก็คือ ท่านเป็นพระที่พูดน้อย แต่คำพูดของท่านจะเป็นจริงตามที่พูดทุกอย่าง ทำให้คนเกรงกันว่า ถ้าทำไม่ดีให้ท่านว่ากล่าวตักเตือน ก็จะเป็นไปตามที่ท่านพูด

แต่เรื่องที่ทำให้ตื่นตะลึงกันมากก็คือเรื่องที่ท่านผูกพันกับเต่าหก ซึ่งเป็นเต่าภูเขา และเป็นเต่าพันธุ์เดียวที่มีปุ่มคล้ายขางอกออกมาอีก ๒ ปุ่มเหมือนมี ๖ ขา ใช้สำหรับยันตัวปีนขึ้นเขาโดยเฉพาะ ซึ่งมีอยู่รอบวัด เมื่อเต่าขึ้นมาหาอาหารบนลานวัด ท่านจะทำเครื่องหมายไว้โดยใช้เหล็กจารบนกระดอง หรือใช้สีเขียนไว้ บางทีก็เจาะกระดองเอาลวดผูกสตางค์แดงที่มีรูตรงกลางห้อยให้รู้ว่าเป็นเต่าของท่าน จะได้ไม่มีใครกล้าทำร้ายหรือจับไป ซึ่งช่วยชีวิตเต่าไว้ได้มาก เมื่อท่านมรณภาพ เต่าพวกนี้จึงพากันมาที่ศาลาตั้งศพ ไต่ขั้นบันไดขึ้นไปน้ำตาไหลหน้าโลงศพ

เรื่องนี้มีคนเล่ากันไว้มาก แต่ไม่ลึกซึ้งไปกว่า ร.ต.พิมล สุวรรณสุภา ข้าราชการดีเด่นท่านหนึ่งของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นนายอำเภอในภาคใต้มาหลายจังหวัด และเป็นนายอำเภอเมือง จังหวัดชุมพร อยู่ในเหตุการณ์ในวันที่หลวงปู่มรณภาพ ทั้งยังกลับมาเกษียณอายุราชการในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรอีก ซึ่ง ร.ต.พิมลได้เล่าในหนังสือ “เรื่องจริงระทึกใจ” ไว้ว่า

“ผมจะไม่มีวันลืมวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๒๖ ซึ่งเป็นวันที่เราต้องเสียงอริยะสงฆ์...ตอนเช้าวันนั้น ในขณะที่ผม, นายมงคล อินทระ คหบดีผู้อุปการะวัดศาลาลอย, นายหนู สุทธิผล กำนันตำบลบางลึก, รวมทั้งกรรมการวัดอีกหลายท่านกำลังปรึกษากันเรื่องการจัดงานกฐินบนกุฏิของหลวงปู่ กฐินดังกล่าวนี้เป็นกฐินที่นายเสน่ห์ วัฑฒนาธร รองปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น จะนำมาทอดที่วัดดอนทรายแก้ว ต.นาทุ่ง อ.เมืองชุมพร ตามคำแนะนำของหลวงปู่สงค์ เพื่อหาเงินสร้างพระอุโบสถซึ่งค้างคาอยู่ และเป็นกฐินซึ่งสมเด็จพระอริยวงสาคตญาณ (วาสน์มหาเถระ) สมเด็จพระสังฆราช ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์ กำหนดทอดในวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๖

หลวงปู่สงค์ซึ่งป่วยเป็นไข้กระเสาะกระแสะ ได้เดินออกมาจากห้องและสั่งกับพวกเราว่า

“กฐินคราวนี้ขอให้ช่วยกันเต็มที่ แต่เราสู้ไม่ไหวแล้ว”

เมื่อพูดจบแล้วหลวงปู่ก็เดินกลับเข้าห้อง พวกที่นั่งกันอยู่ก็ไม่ได้นึกสงสัยอะไรที่หลวงปู่พูดว่า “เราสู้ไม่ไหวแล้ว”

เวลาผ่านไปจนถึงประมาณ ๑๑ น.เศษ จึงมีผู้เข้าไปปลุกหลวงปู่ ก็พบว่าหลวงปู่มรณภาพเสียแล้วโดยอาการสงบ ไม่มีวี่แววใดๆที่แสดงให้เห็นว่าหลวงปู่จะถึงแก่มรณภาพเลย

ทันทีที่ข่าวหลวงปู่มรณภาพแพร่ออกไป ผู้คนนับหมื่นมุ่งมาวัดศาลาลอยชนิดมืดฟ้ามัวดิน

หลังจากพิธีอาบน้ำศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการวัดได้ซื้อโลงศพประดับมุกมาบรรจุร่างของหลวงปู่ แต่ต่อมาปรากฏว่าร่างกายของหลวงปู่ไม่เน่าเปื่อย จึงได้เปลี่ยนมาบรรจุในโรงแก้ว และก็ปรากฏว่าร่างของหลวงปู่ยังคงสภาพเดิม เพียงแต่แห้งลง จนทุกวันนี้

หลังจากหลวงปู่สงฆ์มรณภาพได้เพียง ๒วัน สิ่งมหัศจรรย์เหลือเชื่อก็ปรากฏแก่สายตาของผู้คนที่มาร่วมงานศพนับพันคน เมื่อเต่าใหญ่ตัวหนึ่ง ลำตัวกว้างประมาณ ๑๕ นิ้ว คลานต้วมเตี้ยมมาที่ปะรำหน้าศาลาที่ตั้งศพ ซึ่งเป็นศาลาชั้นเดียว ทางขึ้นเป็นบันไดคอนกรีต ๔ ชั้น ผมได้ยินชาวบ้านร้องบอกกันเซ็งแซ่ว่า “เต่าหลวงปู่มา...เต่าหลวงปู่มา”

“เมื่อผมเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นมีน้ำตาไหลพราก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมได้เห็นน้ำตาเต่า ครั้นเมื่อเต่าตัวนี้คลานไปถึงบันไดคอนกรีต ๔ ชั้น ก็ค่อยๆไต่ขึ้นบันไดแล้วคลานต่อไปยังโลงศพ ยื่นหัวออกมาชนโลง สงบนิ่งโดยไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน

และที่แปลกไปกว่านี้ก็คือ ในวันรุ่งขึ้นได้มีฝูงเต่าใหญ่ชักขบวนแห่เข้ามาในวัดอีก ๗ ตัว แต่ละตัวไต่ขึ้นบันไดไปสงบนิ่งอยู่ที่โลงศพเช่นเดียวกับตัวแรก ทุกตัวมีน้ำตาไหลรินออกมา แสดงความอาลัยในการจากไปของหลวงปู่

จนกระทั่งอีกวันหนึ่งต่อมา ก็มีชาวบ้านบางลึกคนหนึ่งอุ้มเต่าขนาดลำตัวกว้าง ๒ นิ้วเป็นตัวที่ ๘ เข้ามาที่ปะรำ และเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่มาเข้าฝันบอกว่า “ลูกมันจะมางานศพ แต่ตกลงไปในบ่อ ให้ไปช่วยที” จึงได้ไปยังสถานที่ซึ่งหลวงปู่เข้าฝันบอก ก็พบเต่าตัวนี้ตกอยู่ในบ่อขึ้นไม่ได้ จึงได้ช่วยพามา ครั้นเมื่อวางลง เต่าตัวสุดท้ายนี้ก็คลานขึ้นบันได ไปรวมกับตัวอื่นๆ หน้าโลงศพ

รวมจำนวนเต่าทั้งหมด มีตัวหัวหน้ามาก่อน ๑ ตัว มาสมทบภายหลังอีก ๗ ตัว และที่หลวงปู่เข้าฝันให้ไปช่วยอีก ๑ ตัว รวมเป็น ๙ ตัว

ด้วยเหตุที่เต่ามาครั้งแรก ๑ ตัว และเพิ่มมาอีก ๘ ตัว พวกนักเลงหวยจึงพากันไปคิดตีออกมาเป็นตัวเลขต่างๆกัน บางคนก็วิ่งเลข ๙ ตัวเดียว แต่ส่วนใหญ่จะตีออกมาเป็น ๑๘ และกลับเป็น ๘๑

จะว่าฟลุ๊กหรืออะไรก็ตาม ปรากฏว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๒๖ ออกมาเป็น ๘๑ ครับ

หลังจากถูกหวยร่ำรวยกันไปแล้ว ผมรู้สึกว่าผู้คนจะพิศวาสเต่ากันมากจนอยู่ไม่เป็นปกติสุข บางคนก็จ้องจะให้เห็นตัวเลขที่กระดองเต่าให้ได้ ผมกับ พ.ต.อ.ธีระวุฒ บุตรศรีภูมิ ผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรในสมัยนั้น จึงตัดปัญหาโดยช่วยกันเอาไปปล่อยในคลองท่าตะเภา หลังวัดศาลาลอยตามเดิม”

ภาพประกอบในเรื่องนี้ เป็นภาพนายเสน่ห์ วัฑฒนาธร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กำลังก้มดูเต่าที่ขึ้นอยู่บนหน้าที่ตั้งศพหลวงปู่ แต่ผู้เขียนเคยเห็นภาพที่ท่านรองปลัดยืนอยู่ที่ขั้นบันได และก้มดูเต่ากำลังไต่ขึ้นบันไดอย่างใกล้ชิด เสียดายที่เก็บภาพนี้ไว้แล้วหายไป ใครมีช่วยเอามาอวดกันหน่อย

เรื่องชื่อของหลวงปู่ ส่วนใหญ่จะเขียนกันว่า “หลวงปู่สงฆ์” ร.ต.พิมล สุวรรณสุภาได้เล่าถึงการทำเหรียญหลวงปู่แจกในงานกฐินครั้งนั้น ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นสุดท้ายไว้ว่า

“สำหรับเหรียญรุ่นนี้แปลกไปจากรุ่นอื่นอยู่ ๒ ประการ คือ ชื่อหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่สั่งให้ใช้ “สงค์” ค.ควายการันต์ ไม่ใช่ สงฆ์ ฆ.ระฆังการันต์ โดยหลวงปู่บอกว่า คำว่าสงฆ์หมายถึงพระสงฆ์ ไม่มีใครเขาเอามาตั้งชื่อคนธรรมดากันหรอก ส่วนอีกประการหนึ่ง ท่านให้ใช้ “ร.ศ.” รวมกับ “พ.ศ.” โดยให้เหตุผลว่า เราอยู่ในสมัยรัตนโกสินทร์ จึงต้องใช้ ร.ศ.ด้วย...”

นี่ก็เป็นมิติลี้ลับ ความมหัศจรรย์เหลือเชื่อที่น่าเชื่อเรื่องหนึ่ง ตัวบุคคลในเรื่องล้วนแต่เป็นระดับที่คงไม่ยอมมาเป็นตัวละครจัดฉากหลอกลวงให้คนลุ่มหลงเป็นแน่ และเกิดขึ้นต่อหน้าคนจำนวนมาก อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ สัตว์กับคนนั้นแม้จะสื่อสารกันทางภาษาไม่ได้ แต่ก็น่าจะมีญาณอย่างหนึ่งที่ส่งถึงกันได้ หลายคนก็คงมีประสบการเกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้าง




Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.297 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 02 ตุลาคม 2566 21:37:53