[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 11:54:02 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ส่องโลกพระพุทธศาสนาในเมืองจีน กับพระมหาสมบูรณ์ วุฑฒิกโร  (อ่าน 1782 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 6.0.2 Firefox 6.0.2


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 กันยายน 2554 06:10:56 »




ส่องโลกพระพุทธศาสนาในเมืองจีน กับพระมหาสมบูรณ์ วุฑฒิกโร
และ อาจารย์เศรษฐพงษ์ จงสงวน

     “พระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นนิกายใดก็ตามจะมีหลักการพื้นฐานที่เหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือว่า มีเป้าหมายเดียวกัน ต้องการสอนให้มนุษย์ในโลกนี้รู้จักปัญหาความทุกข์ของตนเองว่า คืออะไร รู้จักชีวิตของตนเองก่อน”

     พระมหาสมบูรณ์ วุฑฒิกโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดศรีสุดาราม รองคณะบดีบัณฑิตวิทยาลัย  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวในงานเสวนาพิเศษหัวข้อ “เอกลักษณ์พุทธศาสนาแบบจีน” ของโครงการ “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” โดยมีอาจารย์เศรษฐพงษ์  จงสงวน นักค้นคว้าด้านวัฒนธรรมจีนร่วมเสวนา

     พระมหาสมบูรณ์ อธิบายให้ฟังว่า พระพุทธศาสนาที่เราได้ยินกันในปัจจุบันนี้ก็ล้วนเกิดขึ้นจากเหตุผลต่างๆ นาๆมักจะมีประเพณีที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็ยังมีหลักพื้นฐานที่เหมือนกันก็คือ “ต้องการสอนให้มนุษย์ทุกคนในโลกนี้รู้จักกับปัญหาความทุกข์ว่าคืออะไร ทำไมเราถึงมีความทุกข์ และเราจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร”

     ด้านอาจารย์เศรษฐพงษ์ จงสงวน ได้เล่าถึงวิวัฒนาการพุทธศาสนาในจีน 3 ยุคไว้ว่า ยุคที่หนึ่งเป็นยุคที่คนจีนยังไม่รู้จักพุทธศาสนา คือในช่วงราชวงศ์ฮั่นจนถึงสามก๊ก พุทธศาสนาที่เข้าไปในช่วงแรกนั้นยังคงต้องอาศัยวัฒนธรรมจีนเดิม หรือความเชื่อของคนจีนเป็นพื้นฐาน แต่ต่อมาในช่วงราชวงศ์ฮั่นความเชื่ออย่างนี้เริ่มจะรวมกันเป็นความเชื่อลักษณะเป็นกลุ่มก้อน คนจีนในยุคแรกเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าเป็นเทพเจ้าจากอินเดียขณะที่มีพระที่บวชอยู่ในประเทศอินเดียบอกว่า

     “พระพุทธเจ้านั้นเป็นศาสดาเป็นผู้ค้นพบพระธรรม ไม่ใช่เป็นเทพเจ้าอย่างที่ท่านเข้าใจ”

     จนกระทั่งมาถึงยุคหลังสามก๊กก็ปรากฏว่าเริ่มมีพระที่มาเผยแพร่พระธรรมแต่ก็ มีจำนวนไม่มากนักพอเวลาผ่านมาไม่นานก็เริ่มมีพระเข้ามาเผยแพร่พระธรรมมาก ขึ้นเรื่อยๆ

     “พอมาถึงยุคที่สองเป็นยุคที่พระพุทธศาสนาเริ่มวางรากฐานลงไป ตั้งแต่ราชวงศ์จิ้นก็เริ่มมีการแปลคัมภีร์และก็เริ่มพยายามที่จะทำความเข้าใจในเรื่องของธรรมะมากขึ้น คนจีนเริ่มศึกษาและออกบวชเป็นพระในประเทศจีน”

     อาจารย์เศรษฐพงษ์  จงสงวน อธิบายอีกว่า ในประเทศจีนมีวัดที่เก่าแก่มีอายุกว่า 2000 ปี วัดนี้ถือเป็นวัดพุทธศาสนาแห่งแรกในประเทศจีน นั่นก็คือ “วัดม้าขาว” ซึ่งในปัจจุบันวัดม้าขาวนี้ก็ตั้งอยู่ที่เมือง    ล๊กเอี๋ยง หรือ ลั่วหยาง วัดม้าขาวนี้ได้มีการบูรณะกันอยู่หลายครั้งหลายคราว

จนมาถึงยุคที่สาม ตั้งแต่ปลายของยุคราชวงศ์เหนือใต้จนถึงยุคหลังจะเห็นว่าคนจีนมีการมองพุทธศาสนาใหม่ แต่ก็ยังคงมีคำถามว่า “พระพุทธศาสนาให้ประโยชน์อะไรไหม” และแล้วก็ได้คำตอบที่ว่า พระพุทธศาสนานั้นได้ให้ประโยชน์ ก็คือพระพุทธศาสนาสั่งสอนให้ประชาชนคนเป็นคนดี มีศีลธรรม และที่สำคัญพระไม่มีลักษณะที่ดื้อต่อการปกครอง

     ในตอนสุดท้าย อาจารย์เศรษฐพงษ์  จงสงวน ทิ้งท้ายว่า พระพุทธศาสนาไม่ว่าศาสนาใดก็ตามจะแตกต่างกันแค่เปลือกนอกผิวเผินเท่านั้นในรูปแบบของวัฒนธรรมประเพณี แต่สาระสำคัญที่มีร่วมกันของพระพุทธศาสนาในทุกๆยุค ทุกๆราชวงศ์นั้นก็คือ

     “เพื่อที่จะบอกมวลมนุษย์ทั้งหลายให้รู้ว่าชีวิตของเขาเป็นทุกข์อย่างไร มีปัญหาความทุกข์อย่างไร แล้วเราจะหลุดพ้นจากความทุกข์อย่างไร จะมีวิธีปฏิบัติอย่างไร”

จากการฟังการเสวนาธรรมในหัวข้อเรื่อง “เอกลักษณ์พุทธศาสนาแบบจีน” แล้วก็ได้ความรู้และได้ข้อคิดที่เราทุกคนสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

     “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” เป็นโครงการปฏิบัติธรรมนำสมัยซึ่งจัดโดย บมจ.ซีพีออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย ดำเนินโครงการมาเป็นเวลากว่า 15 ปี เพื่อให้พนักงานและประชาชนทั้งในแถบสีลม บริเวณใกล้เคียง ตลอดจนผู้ที่สนใจทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรมทำวัตร สวดมนต์ ฟังธรรม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในทุกๆ วันศุกร์ เวลา 11.30-13.25 น. ชั้น 11 ซีพี ทาวเวอร์

: http://cpall.co.th/contentlv3.aspx?mnu=th&ctlv1=4&ctlv2=367403ec-de46-4230-8267-8f0349285fe8&ctlv3=051a370a-0711-4a2e-8746-fac1344151a9&ctst=False

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 6.0.2 Firefox 6.0.2


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 กันยายน 2554 06:13:18 »




“การเป็นคนที่มีคุณภาพ” กับสังฆราชาฯ ชกจูร์ ลิงปะ แห่งเนปาล

    เมื่อไม่นานมานี้ มีการจัดบรรยายธรรมหัวข้อ “โพธิจิต หนทางสู่การตรัสรู้”  โดย สมเด็จพักชก รินโปเช (Phakchok Rinpoche) สังฆราชาแห่งสายปฏิบัติชกจูร์ ลิงปะ (Chok Gyur Lingpa Lineage) แห่งนิกายญิงมาปะ (Nyingma School of Early Translation) ซึ่งเป็นนิกายโบราณของพุทธศาสนาวัชรยาน ท่านสืบเชื้อสายมาจาก ชกลิง ริมโปเช (His Eminence Chokling Rinpoche) และ ดีเชน ปาลดรอน (Dechen Paldron) ที่ประเทศเนปาล และได้เดินทางเผยแผ่พุทธศาสนาในหลายๆ ประเทศ ซึ่งมีเอกลักษณ์ในการถ่ายทอดคำสอนคือ ตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย สอดแทรกอารมณ์ขัน ด้วยท่านเป็นชาวเนปาลการบรรยายจึงใช้ภาษาอังกฤษและแปลเป็นภาษาไทยโดย ภิกษุณีธัมมนันทา แห่งวัตรทรงธรรมกัลยาณี จ.นครปฐม


    สำหรับการบรรยายธรรม ท่านได้พูดถึงเรื่อง “การเป็นคนที่มีคุณภาพ” ซึ่งอธิบายไว้ว่า สิ่งแรกเลยที่ต้องทำ คือการเป็นผู้ให้ ไม่ได้หมายถึงการให้เฉพาะวัตถุทานเท่านั้น แต่รวมถึงการให้คำปรึกษา การให้เวลาทั้งแก่ครอบครัว เพื่อน หรือคนรอบข้าง โดยที่ไม่หวังผลตอบแทน ท่านยังได้เล่าต่อว่า “เมื่อก่อนเราเป็นคนขี้โมโห และมีความคิดอยากแก้แค้น แต่ตอนนี้สามารถจัดการความรู้สึกของตัวเองได้โดยใช้ความอดทน จนเอาชนะความโมโหของตนเองได้ เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าทุกคนสามารถใช้ความอดทนระงับความโกรธได้ เพราะความโกรธไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา หรือไม่ได้ทำให้คนอื่นมีความสุขมากขึ้น ทั้งยังเป็นการทำร้ายตัวเองด้วย”

    นอกจากการเป็นผู้ให้และมีความอดทนแล้ว การเป็นคนที่มีความสมบูรณ์จะต้องขยันไม่ขี้เกียจ เพราะถ้ามัวแต่ไหว้พระขอพรช่วยให้ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ลงมือทำ พระก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้  และท่านยังเน้นว่า “ในความขยันหมั่นเพียรของเรานั้นให้ตั้งใจอยู่ในความคิดที่เป็นกุศล ตั้งใจเป็นกุศล เพื่อประโยชน์ของตัวเอง และประโยชน์ของผู้อื่น”

    อีกทั้งต้องฝึกจิตให้มีสมาธิ ไม่วอกแวก “ สมัยที่ยังเด็ก เราเป็นคนใจดีที่มีความอดทน  มีความขยันหมั่นเพียร มีวินัย แต่ซนเหมือนลิงไม่มีสมาธิ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำคือ การฝึกสมาธิ  ฝึกคิดและมองปัญหาได้หลายทิศทาง โดยใช้ปัญญาของพุทธะทำความเข้าใจเรื่องราวรอบข้างได้ รวมไปถึงต้องมีความกรุณาต่อคนอื่นด้วย

    ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานั้น ต้องหมั่นตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอ ว่าเรามีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ถ้ามีครบไม่ว่าจะอยู่ในสังคมใดก็จะเป็นคนที่สมบูรณ์ นี่คือบางส่วนจากการบรรยายธรรม “โพธิจิต หนทางสู่การตรัสรู้” จากพระอาจารย์ชื่อดัง หนึ่งในการบรรยายธรรม
โครงการปฏิบัติธรรมนำสมัย

บันทึกการเข้า
คำค้น: ปฏิบัติธรรมนำสมัย พุทธปัญญาภิรมย์ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.309 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 05 เมษายน 2567 16:11:35