[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
27 เมษายน 2567 10:43:47 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กาหลอ : พิธีกรรมดนตรีส่งวิญญาณ  (อ่าน 448 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5462


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2566 15:41:58 »


ปี่กาหลอ

กาหลอ : พิธีกรรมดนตรีส่งวิญญาณ

“กาหลอ” เป็นวงดนตรีท้องถิ่นชนิดหนึ่งของภาคใต้ ใช้ประโคมแห่พิธีกรรมเนื่องในงานศพ เชื่อกันว่าช่วยนำดวงวิญญาณของผู้วายชนม์ให้ไปสักการะพระอิศวร ต้นกำเนิดของวงดนตรีกาหลอ สันนิฐานว่ามีต้นแบบทางวัฒนธรรมจากอินเดียใต้เข้ามาแพร่หลายในมลายู ก่อนที่จะเข้ามาในภาคใต้ของประเทศไทย จากนั้นได้เกิดการผสมผสานกับตำนานท้องถิ่นเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธประวัติในความรู้ความเข้าใจของชาวใต้ จนทำให้กาหลอกลายเป็นดนตรีพื้นเมืองที่มีความเป็นมาและวัฒนธรรมความเชื่อที่ซับซ้อนและแตกต่างกันไป

วงดนตรีกาหลอ ประกอบด้วยเครื่องดนตรี ๓ ชนิด ได้แก่ ปี่ กลอง และฆ้อง เครื่องดนตรีแต่ละชนิดมีลักษณะและชื่อเรียกเฉพาะตามท้องถิ่น ดังนี้

๑. ปี่ เรียกว่า “ปี่ฮ้อ” หรือ “ปี่ห้อ” หรือ “ปี่กาหลอ” อยู่ในตระกูลปี่มีลำโพง ลักษณะคล้ายปี่ชวาแต่ขนาดสั้นกว่าเล็กน้อย
๒. กลอง เรียกว่า “ทน” อยู่ในกลุ่มกลองประเภทขึงหนังด้วยเชือกแบบเดียวกับกลองแขก-กลองมลายู
3. ฆ้อง เรียกชื่อเดียวกัน เป็นฆ้องมีปุ่มฉัตรชั้นเดียวขนาดใหญ่
วงดนตรีกาหลอวงหนึ่งจะใช้ผู้บรรเลง 4 คน คือ นายโรง (หัวหน้าวงหรือคนทำพิธี) นายปี่ (คนเป่าปี่) นายทน (คนตีกลอง) และนายฆ้อง (คนตีฆ้อง) ลักษณะการแสดงต้องมีโรงแสดง ตั้งอยู่ใกล้กับที่ตั้งศพ ยกพื้นสูงพอประมาณ กว้าง ๕ ศอก ยาว ๖ ศอก ยาวจากตะวันออกไปตะวันตก หลังคารูปจั่ว การบรรเลงของวงกาหลอผูกกับความเชื่อทั้งผีท้องถิ่น คือ “ครูหมอ-ตายาย” พราหมณ์-ฮินดู และพุทธจึงมีขั้นตอนพิธีกรรมความเชื่อ ตั้งแต่การไหว้ครูที่นายโรงต้องบริกรรมคาถาและออกชื่อครูหมอที่สั่งสอนมา การบรรเลงมีเพลงแม่บทสำคัญจำนวน 12 เพลงด้วยกัน
นอกจากนี้การแสดงวงดนตรีกาหลอ สิ่งสำคัญส่วนหนึ่งคือ นักดนตรี ซึ่งมีข้อปฏิบัติของนักดนตรีไว้หลายประการด้วยกัน คือ
๑. สำรับอาหารที่เจ้าภาพจัดมาให้ จะต้องมีจำนวนเท่าเดิมหรือมากกว่า ห้ามน้อยกว่าครั้งแรก
๒. ห้ามพูดคุยกับคนนอกโรงและห้ามคนนอกเข้ามาในโรง
๓. ห้ามยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงโดยเด็ดขาด
๔. เมื่อเสร็จสิ้นการแสดง จะออกทางที่ไม่ใช่ประตูโรง
๕. ถ้าเจ้าภาพไม่ใช้วงกาหลอแห่ศพ วงกาหลอจะหลบหายไปตั้งแต่ไม่สว่าง เหมือนคนลึกลับ
๖. ระหว่างที่สามีไปบรรเลงวงกาหลอ ภรรยาจะไม่สามารถแต่งตัว ทาแป้ง ห้ามคบชู้สู่ชายอย่างเด็ดขาด
๗. เมื่อสามีกลับจากบรรเลง ภรรยาจะเป็นผู้ตักน้ำวางไว้ที่บันได เพื่อให้สามีใช้ล้างหน้าก่อนขึ้นบ้าน (ผู้อื่นตักแทนไม่ได้)
๘. หัวหน้าวงกาหลอ ต้องเรียนรู้คาถาอาคมและพิธีการอย่างถ่องแท้

วงดนตรีกาหลอในพิธีงานศพภาคใต้มีฐานะเป็นวงประโคมศักดิ์สิทธิ์ เพราะถือว่าวงดนตรีชนิดนี้ ป็นตัวแทนของเสียงสวรรค์ที่เทพสร้าง อันจะนำดวงวิญญาณผู้ตายไปสู่ภพภูมิที่ดี การประโคมกาหลอจึงสร้างจินตนาภาพพิธีศพของคนตายที่เปรียบเทียบกลับไปสู่ตำนานการประโคมพระบรมศพพระพุทธเจ้าและมหาพรหม วงกาหลอจึงเป็นวงดนตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มีส่วนทำให้ภาพความเชื่อตามตำนานปรากฏสู่ลกความเป็นจริง

๑. ดนตรี ประกอบด้วย
๑.๑ เครื่องดนตรี วงกาหลอประกอบด้วยเครื่องดนตรี ๓ อย่าง คือ ปี่ กลองทน และฆ้อง

ปี่กาหลอ เรียกว่า ปี่ห้อ หรือ ปี่ฮ้อ ถือเป็นดนตรีครู ใช้สําหรับเป่าเลียนเสียงพูดให้เข้ากับจังหวะและทํานอง ปี่ชนิดนี้ทําด้วยไม้มี ๗ รู รูข้างใต้เรียกว่า “ทองรี” เวลานําศพไม่ให้มีเสียงลอดออกมา ส่วนปากหรือลิ้นทําด้วยโลหะ บางวงอาจใช้ปี่ถึง ๓ เลา

กลองทน หรือ กลองแขก หรือ กลองโทน เป็นกลอง ๒ หน้า มี ๑ คู่ เรียกว่า “หน่วยลูก” กับ “หน่วยแม่” ใบหนึ่งใหญ่มีเสียงทุ้ม คือ หน่วยแม่ เป็นทนยืน ใช้ตีเป็นตัวยืนให้การบรรเลง อีกใบหนึ่งเล็กเสียงแหลมสูง คือ หน่วยลูก เป็นทนประกอบที่คอยตีขัด ตีหยอก เพื่อเพิ่มความสนุกยิ่งขึ้น การตีกลองทนแต่ละเพลงจะตีด้วยจังหวะที่แตกต่างกัน โดยใช้มือตีบ้าง ใช้ไม้ตีบ้าง ไม้ที่ตีทําเป็นรูปโค้งคล้ายเขาควาย แต่มีขนาดเล็กประมาณเท่านิ้วมือ

ฆ้อง ใช้ตีเน้นจังหวะ แต่เดิมใช้ ๒ ใบ และมีขนาดใหญ่มาก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑ ศอก ระยะหลังใช้ใบเดียวเป็นฆ้องขนาดกลางเสียงทุ้ม กังวานดังได้ยินไปไกล
 
๑.๒ วงดนตรี
กาหลอวงหนึ่งหรือคณะหนึ่งใช้ผู้ประโคม ๔ คน คือ หัวหน้าวง เป็นผู้เป่าปี่ เรียกว่า นายโรง หรือ นายปี่ ลูกวงอีก ๓ คน ทําหน้าที่ตีกลองทน ๒ คน เรียกว่า นายทน และตีฆ้อง ๑ คน เรียกว่า นายฆ้อง บางวงอาจมีคนเป่าปี่เพิ่มขึ้นอีก ๒ คนก็ได้ ในวงดนตรีกาหลอ คนเล่นปี่ หรือที่เรียกกันว่า “หมอปี่” จะเป็นผู้นําทํานอง ทนตีตามจังหวะเพลงปี่ และฆ้องตีตามจังหวะเป็นทน ถ้าเครื่องดนตรีสามสิ่งนี้ไล่ล้อสอดประสานกันอย่างเข้าท่วงทํานอง เพลงกาหลอจะไพเราะเพราะพริ้งมาก

๑.๓ เพลง บทร้อง และนักดนตรี
เพลงกาหลอที่ใช้บรรเลงในแต่ละวงนั้นไม่เท่ากันมีจํานวนอยู่ระหว่าง ๗ - ๑๒ เพลง ส่วนมากจะมี ๑๒ เพลง แต่เพลงเหล่านี้ มีชื่อและความหมายที่คล้ายกันมาก เช่น ชื่อเพลงที่วงกาหลอ เล่น ๗ เพลง ได้แก่ เหยี่ยวเล่นลม ทองท่อม ยั่วยาน สุริยน ทองศรี พลายแก้วพลายทอง พระพาย กาหลอ บางวงมีเพลงที่ใช้บรรเลง ๑๒ เพลง ได้แก่ สร้อยทอง จุดไต้ สุริยัน คุมพล ทองศรี แสงทอง นกเปล้า ทองท่อม ตั้งซาก(ศพ) ยายแก่ โก้ลม และเพลงสร้อย และบางวงมีถึง 22 เพลง ซึ่งจะมีชื่อเพลงซ้ํากับวง ๗ เพลง และ ๑๒ เพลงอยู่บ้าง

เพลงที่ใช้ในงานศพมี ๒ ประเภท
๑. เพลงคาถา เช่น เพลงไหว้พระ ลาพระ พ่อบัต ขันเพชร ไม้พัน สุริยน เมไร เรื่อยาน เหยี่ยวเล่นลม

๒. เพลงโทน ได้แก่ ทองศรี นกกรง นกเปล้า พลายแก้วพลายทอง ทองท่อม แสงทอง ขอไฟ จุดไต้ตามเทียน พระพาย นกกระจอกเต้น กระต่ายติดแร้ว พี่ทิศโสธร สร้อยทอง มอญโลมโลก เกี่ยวกับชื่อเพลงกาหลอนี้ มีข้อสังเกตอยู่ประการหนึ่ง คือ แม้ว่าชื่อเพลงบางเพลงจะเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นกาหลอต่างวง หรืออยู่ต่างถิ่นกันเนื้อร้องของบทเพลงนั้นๆ ก็อาจผิดเพี้ยนไปบ้าง ส่วนความหมายหรือเนื้อร้องส่วนใหญ่มีเนื้อความเหมือนกัน เช่น  เพลงทองศรี มีเนื้อว่า “โอ้ทองศรีพี่ทองศรีเหอ ตอนค่ําเจ้านอนด้วยใคร เจ้าสุดสายใจ เจ้าคงนอนคนเดียวหลับได้ เจ้าสุดใจเหอ เจ้านอนหลับดี เจ้าทองสุกปลุกเจ้าทองศรี ลุกสักทีเจ้าทองศรี พี่ทองศรีเหอ” ความหมายของเพลงนี้ว่า คนตายนั่นเราปลุกด้วยเสียงปี่ เสียทน เสียงฆ้อง ปลุกสักเท่าใดก็ไม่ลุก ยังคงนอนนิ่งเฉยอยู่ในโลงศพนั่นแหละ

เพลงพลายแก้ว มีเนื้อว่า “เจ้าทิ้งแม่ไปแล้ว ลูกพลายแก้ว พลายแก้วของแม่เหอ ตกน้ําแม่ได้ตามไปงม เจ้าพลายแก้วตกตม แม่ได้ตามไปหา เจ้าไปเมือง เจ้าไม่รู้มา อนิจจาพลายแก้ว พลายแก้วของแม่เหอ” ความหมายของเพลงพลายแก้ว กล่าวว่าคนที่ตายไปนั้น ถ้าตกน้ําก็ยังไปงมเอามาได้ ถ้าตกในตมก็ยังไปหาเอาได้ แต่คนที่ตายไป จะไปเอามาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว  เพลงพี่ทิศโสธร มีความหมายว่า “คนที่เป็นคู่ผัวตัวเมียกัน พากันไปอยู่ที่ขนําไร่ ในที่เปลี่ยว บังเอิญมีเหตุต้องตายไปเสียคนหนึ่ง คนที่เหลืออยู่ก็จะต้องบ่นหา เพลงนกกระจอกเต้น มีเนื้อร้องว่า “นกกระจอกเหอ นางนกกระจอกเต้น พาลูกคาบรวงข้าวเล่น เที่ยวเต้นกลางนา กลางนาไหน กลางนาใคร กลางนาสยามเหอ ความหมายของเพลงนี้กล่าวว่า เมื่อก่อนนั้นผู้ตายเคยพาลูกไปเที่ยวเล่นในนา ทํางานด้วยกัน ไปเที่ยวไปไหนด้วยกัน แต่มาบัดนี้ไม่มีโอกาสอีกแล้ว นอนตายนิ่งอยู่ในโลง กล่าวกันว่า เมื่อเพลงปี่กาหลอขับขานขึ้น ผีสางดวงวิญญาณจากทั่วสารทิศจะเร่กันเข้ามาฟัง เสร็จแล้วหมอปี่ก็จะใช้บทเพลงขับกล่อม แผ่เมตตา และว่าคาถาส่งไปในเพลงปี่ ให้วิญญาณเหล่านั้นไปสู่ที่ชอบ วงกาหลอใช้บรรเลงดนตรีล้วนๆ ไม่มีการขับร้อง แม้ว่าบทเพลงที่บรรเลงจะมีเนื้อร้องก็ตาม ปี่กาหลอ หรือปี่ฮ้อ จะทําหน้าที่แทนคนขับร้องอธิบายให้เข้าใจภาษาและความหมายของเนื้อเพลงไปด้วย ลีลาของเสียงและจังหวะเพลงใดที่เป็นคําร้อง หรือคาถาก็สามารถแสดงออกได้ด้วยเสียงปี่ สร้างบรรยากาศให้เกิดอารมณ์ลึกซึ้ง สังเวช วังเวง สลดหดหู่ และเนื้อเพลงของกาหลอ ส่วนใหญ่จะมีข้อความเป็นทํานองให้เศร้าสลดใจ

๒. การแสดง ประกอบด้วย
๒.๑ ชุดการแสดง งานที่นํากาหลอไปบรรเลง มี ๓ ประการ คือ งานศพ งานบวชนาคของผู้สูงอายุที่ตั้งใจบวชแล้วไม่สึก และงานขึ้นเบญจา รดน้ําคนเฒ่าคนแก่ แต่นิยมนําไปเล่นในงานศพมากกว่างานอื่นๆ ผู้ที่ไปติดต่อวงกาหลอจะต้องนําหมากไปหนึ่งคําด้วย เพื่อคณะกาหลอจะได้บูชาครู และบอกกล่าวให้ครูกาหลอทราบ ถ้าไม่นําหมากไป กาหลอมักจะไม่รับงาน เพราะถือว่าไม่ถูกต้อง เมื่อรับแล้วกาหลอจะนัดวันกับผู้ไปติดต่อและเอาหมากหนึ่งคํา วางบนหิ้งเพื่อบูชาครูและบอกกล่าวงานที่ต้องไปเล่น  หากวงกาหลอรับงานเฉพาะในวันเผาศพเรียกว่า “นํา” คือไปบรรเลงแห่นําศพจากบ้านไปเผาที่วัด พิธีการและธรรมเนียมต่างๆ มีน้อย ไม่ต้องปลูกโรงพิธี แต่ถ้ากาหลอไปบรรเลงที่บ้านจัดงานศพจนกว่าจะถึงวันเผาเจ้าภาพจะต้องปลูกโรงพิธีเตรียมเครื่องสังเวยครูหมอ ส่วนราคาค่ารับงานของกาหลอเรียกว่า “ค่าเปิดปากปี่” หรือ “ค่าราดทําขวัญข้าว” หรือ “ค่าราดโรง” นั้น แต่เดิมจะคิดตามราคาของโลงศพ ถ้าเจ้าภาพฐานะดีทําโลงศพราคาแพงค่าราดโรงกาหลอก็แพงตาม ทั้งนี้จะมีกรรมการช่วยประเมินราคา แต่ในปัจจุบันแล้วแต่จะตกลงกัน ขึ้นอยู่กับจํานวนวันที่ไปบรรเลง รวมทั้งระยะทางใกล้ไกล และยังต้องให้ค่ายกครูอีก ๙ บาท ลักษณะโรงและเครื่องประกอบในพิธี เจ้าภาพต้องสร้างโรงพิธีให้วงกาหลอเรียกว่า “โรงฆ้อง” ในเขตบ้านหรือนอกบ้านก็ได้ แต่ต้องใกล้ที่ตั้งศพ ขนาดโรงกว้าง ๕ ศอก ยาว ๖ ศอก ส่วนยาวของโรงฆ้องต้องปลูกตามตะวัน จากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกเสมอมีเสาจํานวน ๖ เสา เสาตั้งตรงกลาง ๒ เสา ไม่ใช้ขื่อ เพราะพวกกาหลอถือเคล็ดลาง ไม่ลอดขื่อ พื้นโรงมีประตูเข้าออกทางเดียว ทิศเหนือหรือใต้ก็ได้หน้าโรงหันไปทางทิศตะวันตก หลังคาทําเป็นหน้าจั่ว สมัยก่อนมุงด้วยกระแชงหรือใบเตยเย็บติดกันเป็นแผ่น ปัจจุบันมุงจาก แต่ยังมีเคล็ดว่า ให้ใช้กระแชงขนาดเท่าฝ่ามือคลุมข้างบนแปทูด้วย  เครื่องประกอบพิธีที่เจ้าภาพต้องเตรียมให้นายโรงกาหลอทําพิธีมี “ที่สิบสอง” และ “เครื่องราด” “ที่สิบสอง” หรือ “ข้าวสิบสอง” คือ อาหารหวานคาวและผลไม้ ๑๒ อย่างไม่ซ้ํากัน สําหรับบูชาครู ๑ สํารับ มียําหยวก ยําหัวปลี ข้าวแกง เหล้า น้ํา ขนม ข้าวเหนียว ผลไม้และอื่นๆ จนครบ ๑๒ อย่าง ที่สิบสองนี้ต้องจัด ๒ ครั้ง ตอนเบิกโรงเมื่อวงกาหลอมาถึงโรงฆ้องต้องทําพิธีไหว้ครหมอ และอีกครั้งหนึ่ง คือ ตอนลาโรง เมื่อวงกาหลอออกจากโรงฆ้องเตรียมไปแห่ศพ ต้องบูชาครูอีกครั้งหนึ่ง  “เครื่องราด” มีเงิน ๑๒ บาท หมาก ๙ คํา ด้ายดิบ ๑ ไจ ข้าวสารและเทียน ๑ เล่ม ของเหล่านี้ใส่รวมกันใน “สอบหมาก” ซึ่งเป็นภาชนะทําด้วยกระจูดเรียกว่า “สอบราด” รูปทรงคล้ายกระสอบขนาดเล็ก สอบราดนี้ต้องปลิ้นปากออกนอก นอกจากนี้เจ้าภาพยังต้องเตรียมผ้าขาวสําหรับขึงเพดาน ๑ ผืน หมอน ๑ ใบ ผ้าขาวปูที่ครู สําหรับวางข้าวสิบสอง หมาก ๙ คํา สําหรับใส่เพดาน ดอกไม้ ดอก และยังมีแป้ง น้ําหอม น้ํามัน สําหรับครูหมอแต่งตัวเมื่อกินเครื่องเซ่นเสร็จแล้วขนบนิยม (ธรรมเนียมนิยม) ในการบรรเลงเพลงกาหลอ วงกาหลอแต่ละวงใช้ดนตรีบรรเลงหมุนเวียนกันไปจนครบเพลงที่มีคือ ๗ เพลงบ้าง ๑๒ เพลงบ้าง ๒๒ เพลงบ้างดังกล่าวข้างต้น เพลงที่บรรเลงต้องให้เหมาะสมกับบรรยากาศด้วย เช่น ตอนย่ําค่ําใช้เพลงทองศรี ตอนดึกใช้เพลงนกพิทิด ตอนย่ํารุ่งใช้เพลงทองศรี ตอนเช้าตรู่น้ําค้างยังไม่แห้งใช้เพลงนกกระจอกเต้น พอดวงอาทิตย์ขึ้นใช้เพลงแสงเงินแสงทอง ต่อจากนั้น ตอนเช้าใช้เพลงนกเปล้ากินไทร เป็นต้น

ส่วนบทเพลงที่ใช้บรรเลงตอนนําศพออกจากบ้านจนกระทั่งเผาศพมีดังนี้
๑. ตอนยกศพจากเรือนออกนอกบ้าน บรรเลงเพลง “เหยี่ยวเล่นลม”
๒. ตอนนําศพ บรรเลงเพลง “ทอมท่อม” ตอนนําศพนี้ มีข้อกําหนดว่า กาหลอจะต้องอยู่ใกล้กับศพเสมอ แม้จะมีวงดนตรีแห่นําหลายอย่างก็ตาม
๓. ตอนเข้าแดนป่าช้า บรรเลงเพลง “ยั่วยาน”
๔. ตอนถึงเมรุ เมื่อเคลื่อนศพขึ้นตั้งบนเมรุ บรรเลงเพลง “สุริยน”
๕. ตอนตั้งศพ ขณะที่สับปะเหร่อจัดเตรียมไฟและพิธีเกี่ยวกับคนตาย บรรเลงเพลง “ทองศรี”
๖. ตอนประชุมเพลิง บรรเลงเพลง “พระพาย” ตอนนี้กาหลอบางวงบรรเลงเพลง “ยายแก่”

เพลง “โก้ลม” ( กู่ลม ) และ เพลง “สร้อยทองซัดผ้า” ( ขว้าง,ปาผ้า ) เพลงยายแก่ เป็นเพลงที่มี

ทํานองคล้ายขอไฟไปจากยายแก่เพื่อเอามาเผาศพ เพลงโก้ลมหรือเรียกลม เพื่อให้มาช่วยพัดกระพือให้ไฟติด จะได้เผาศพดีขึ้น เพลงสร้อยทองซัดผ้า เพลงนี้บรรเลงพร้อมกับขว้างผ้าคลุมโลงข้ามศพไปมา เสร็จแล้วจุดไฟเผาพร้อมกับเพลงจบ  เมื่อจบเพลงพระพาย หรือเพลงสร้อยทองซัดผ้าแล้ว ถ้าเป็นสมัยก่อน จะบรรเลงเพลงต่อไปจนจบครบ ๑๒ เพลง ถือว่าหมดหน้าที่ของกาหลอ แต่ปัจจุบันเมื่อจบเพลงดังกล่าว วงกาหลอจะเลิกกลับบ้านเลยก็ได้ หรือบางวงอาจจะบรรเลงเพลงนกเปล้าอีกครั้ง เสร็จแล้วนายโรงก็จะทํากิจพิธี



ที่มา :
- “กาหลอ - พิธีกรรมดนตรีส่งวิญญาณ” โดย นางสาวอลิสา เพิ่มพูล บรรณารักษ์ปฏิบัติการ กลุ่มบริการทรัพยากรสารสนเทศ สำนักหอสมุดแห่งชาติ
- กาหลอ นิตยสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.427 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 17 เมษายน 2567 15:29:26