[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 00:54:43 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “ฝังคนทั้งเป็น” ตำนานสยองของไทยในบันทึกฝรั่ง  (อ่าน 162 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2325


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2566 17:01:08 »


ภาพบางส่วนในวารสาร A TRAVERS LE MONDE (ฉบับวันที่ 22 Aout 1905) ภาพจากไกรฤกษ์ นานา

“ฝังคนทั้งเป็น” ตำนานสยองของไทยในบันทึกฝรั่ง

ผู้เขียน - เสมียนนารี
เผยแพร่ - ศิลปวัฒนธรรม วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566


เรื่องการ “ฝังคนทั้งเป็น” ในกำแพงเมืองก็ดี ศาลหลักเมืองก็ดี หรือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ต่างๆ เพื่อหวังให้วิญญาณผู้ตาย เฝ้ารักษาบ้านเมือง หรือสิ่งก่อสร้างนั้นให้ยั่งยืน เป็นตำนานที่เล่าลือกันมาในสังคม ซึ่งไม่ใช่เพียงรับรู้กันในหมู่คนไทย ชาวต่างชาติที่เคยเข้ามาในไทย หรือสื่อต่างชาติที่เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองไทยก็คงรับรู้และกล่าวถึงคติความเชื่อนี้เช่นกัน

สังฆราชปาเลอกัวซ์ (พ.ศ.2348-2405) ชาวต่างชาติที่เข้ามาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ใน “เล่าเรืองเมืองไทย” ว่า

“…มงซเญอร์ บรูกิแอรส์ (Monseigneur Brugiueres) ได้เล่าไว้ในจดหมายของท่านเกี่ยวกับประเพณีการถือโชคลาภของอนารยะอันมีอยู่ในประเทศสยาม ทุกครั้งเมื่อจะมีการสร้างประตูเมืองใหม่ ข้าพเจ้าเองก็เคยอ่านพบเหตุการณ์คล้ายๆ นี้ในพงศาวดารสยามเหมือนกัน ข้าพเจ้าไม่ยืนยันว่าจะเป็นความจริงดังที่เล่าลือกันนัก เขาว่ากันดังนี้:

เมื่อสร้างประตูเมืองใหม่ในกำแพงพระนคร หรือแม้เพียงซ่อมขึ้นใหม่ ไม่ทราบว่าเขาใช้กำหนดกฎถือโชคถือลางข้อไหน ที่ว่าต้องฆ่าคนที่บริสุทธิ์คือไม่มีความผิดเสียสามคน การกระทำอันป่าเถื่อนนั้นมีดังนี้ คือ หลังจากที่พระเจ้าแผ่นดินได้ทรงปรึกษากับขุนนางผู้ใหญ่เป็นการลับแล้ว ก็ส่งราชบุรุษคนหนึ่งไปที่ประตูเมืองที่จะดำเนินการซ่อมแซมนั้น นานๆ ครั้งราชบุรุษนั้นจะทำทีตะโกนเรียกหาใครคนหนึ่งนั้นขึ้นมาดังๆ เขาออกชื่อประตูเมืองนั้นซ้ำซากหลายครั้งหลายหน ปรากฏอยู่เนืองๆ ว่าประชาชนที่ผ่านไปมา เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกทางเบื้องหลัง ก็มักจะเหลียวหน้ามาดู ทันใดนั้นราชบุรุษกับพวกก็จะเข้ารุมล้อมจับเอาคนที่เหลียวหน้ามาดูนั้นไปสามคน

อันเป็นที่แน่ว่าชะตาชีวิตของเขาถึงฆาตแล้ว ไม่มีการปฏิบัติใดๆ สัญญาประการใดๆ หรือการเสียสละใดๆ ที่จะช่วยชีวิตเขาไว้ได้ เขาขุดหลุมใหญ่ขึ้นในช่องประตูเมืองนั้น แล้วผูกเสาคานใหญ่ชักขึ้นไปเหนือหลุมนั้นในระดับสูงพอสมควร โยงไว้ด้วยเส้นเชือกสองเส้นหัวท้ายให้เสาหรือซุงนั้นแขวนอยู่ตามทางนอนเหมือนอย่างลูกหีบ (pressoir)

ฉะนั้น ครั้งถึงวันกำหนดที่จะกระทำการอันทารุณนี้ ก็เลี้ยงดูผู้เคราะห์ร้ายให้อิ่มหนำสำราญแล้วแห่แหนไปที่หลุมนั้น พระเจ้าแผ่นดินและข้าราชบริพารก็จะเสด็จและไปให้ความเคารพด้วย พระเจ้าแผ่นดินมีรับสั่งให้บุคคลทั้งสามนั้นเฝ้าประตูเมืองไว้ด้วย และให้เร่งแจ้งข่าวให้รู้เกลือกว่ามีอริราชศัตรูหรือผู้คิดกบฏจะยกเข้าโจมตีพระนคร ครั้นแล้วเขาก็ตัดเชือกปล่อยให้เสาหรือซุงหล่นลงมาบนศีรษะผู้เคราะห์ร้าย ผู้ตกเป็นเหยื่อของการถือโชคลางนั้น บี้แบนอยู่ในหลุม

คนไทยเชื่อว่าผู้เคราะห์ร้าย ผู้ตกเป็นเหยื่อของการถือโชคลางนั้น จะกลายสภาพเป็นอารักษ์จำพวกที่เรียกกันว่า ผี (phi) ราษฎรสามัญบางคนก็กระทำการฆาตกรรมแก่ทาสของตนในทำนองเดียวกันนี้ เพื่อใช้เป็นผีเฝ้าขุมทรัพย์ที่ตนฝังซ่อนไว้…”  [จัดย่อหน้าใหม่ และสั่งเน้นคำโดยกองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม]

ขณะที่ไกรฤกษ์ นานา นักวิชาการอิสระที่สะสมเอกสารต่างชาติเกี่ยวกับประเทศไทย พบเรื่องราวลักษณะดังกล่าวในวารสาร A TRAVERS LE MONDE (ฉบับวันที่ 22 Aout 1905) วารสารฝรั่งเศสที่กล่าวถึงความเชื่อเรื่องประหลาดในกรุงสยาม เกี่ยวกับประเพณีของคนโบราณที่เชื่อถือกันว่า เมื่อจะสร้างกำแพงเมืองขึ้นใหม่ก็ต้องประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ โดยการนำคนเป็นๆ มาฝังไว้ที่ประตูเมือง เพื่อวิญญาณของผู้ตายจะได้เป็นทวารบาลเฝ้าประตูเมืองต่อไป

วารสารฝรั่งเศสวาดภาพความเชื่ออันแปลกประหลาดนี้ กล่าวว่า เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นครั้งหนึ่งบนดินแดนล้านช้าง (ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของสยามประเทศ) เมื่อ ค.ศ.1905 (พ.ศ.2448) โดยมีพระเจ้าแผ่นดินสยามเสด็จฯ พระราชินีและขุนนางคนสำคัญ พร้อมด้วยโหรพราหมณ์ มาทรงเป็นองค์ประธานในพิธีนี้ด้วย เพื่อสื่อให้เห็นว่าเป็นพิธีสำคัญระดับชาติเนื่องจากเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมือง เป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้นำประเทศ แต่เป็นเรื่องงมงายในสายตาชาวตะวันตกที่ได้พบเห็น

ทว่าภายหลังที่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก็พบว่าพิธีดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นเลยในสมัยรัตนโกสินทร์

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.241 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 30 พฤศจิกายน 2566 15:36:40