[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 เมษายน 2567 17:15:30 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จดทะเบียนซ้อนโดยสุจริต เรียกสิทธิอะไรคืนได้บ้าง?  (อ่าน 1737 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553 20:59:24 »

จดทะเบียนซ้อนโดยสุจริต เรียกสิทธิอะไรคืนได้บ้าง?/มังกรซ่อนกาย
Life & Family - Manager Online
http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000067978
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤษภาคม 2553 17:03 น.

 
 
เนื่องจากการจดทะเบียนสมรสในปัจจุบันสามารถทำได้ทุกอำเภอในต่างจังหวัดและทุกสำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร ดังนั้นชายหรือหญิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจมีการปกปิดความจริงเกี่ยวกับการที่ตนเองมีคู่สมรสแล้ว

คือ ได้จดทะเบียนสมรสมาแล้ว แต่มิได้จดทะเบียนหย่ากับคู่สมรสเดิม กลับมาจดทะเบียนสมรสกับคนใหม่ การจดทะเบียนสมรสครั้งหลังนี้ถือได้ว่าเป็นการจดทะเบียนสมรสซ้อน อันจะมีผลเป็นโมฆะและก่อให้เกิดความเสียหายกับคู่สมรสใหม่ที่ได้ตกลงจดทะเบียนสมรสด้วยโดยสุจริตซึ่งเขาเหล่านั้นจะมีสิทธิเรียกร้องสิ่งใดได้บ้างนั้น มีกรณีตัวอย่างให้พิจารณากันดังนี้

นายตู่จดทะเบียนสมรสกับนางเต้นในปี 2535 อยู่กินด้วยกัน 2 ปี ที่กรุงเทพมหานคร แต่นางเต้นไม่อาจมีบุตรได้เนื่องจากปัญหาสุขภาพ นายตู่ไม่พอใจกับชีวิตครอบครัวเนื่องจากปัญหาดังกล่าว จึงขอย้ายตัวเองไปเป็นผู้จัดการ ในสำนักงานสาขาจังหวัดขอนแก่นของบริษัทที่ได้ทำงานอยู่เดิม นับแต่นายตู่ย้ายมาทำงานที่จังหวัดขอนแก่น นายตู่ไม่เคยกลับไปหานางเต้น และนางเต้นก็ไม่เคยมาหานายตู่ที่จังหวัดขอนแก่นเลย

ต่อมาในปี 2542 ซึ่งผ่านมา 5 ปีนับแต่นายตู่ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น นายตู่ได้พบรักกับนางสาวสมหวัง ซึ่งเป็นข้าราชการครูคบหากันมาได้ 2 ปีนายตู่ได้ขอนางสาวสมหวังแต่งงาน โดยนายตู่และนางสาวสมหวังได้ไปตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานแล้ว แพทย์ยืนยันว่าทั้งสองสามารถมีบุตรได้โดยไม่มีปัญหาสุขภาพ นายตู่ดีใจมากจึงไปพบบิดามารดาของนางสาวสมหวังโดยตกลงที่จะซื้อบ้านพร้อมที่ดิน ราคา 4,000,000 บาท มอบให้เป็นของหมั้นแก่นางสาวสมหวัง และจะให้นางสาวสมหวังลาออกจากการเป็นข้าราชการครูเพื่อเตรียมมีบุตรและเป็นแม่บ้านดูแลครอบครัวหลังแต่งงาน

นางสาวสมหวังและบิดามารดาตกลงตามนั้น โดยนางสาวสมหวังไม่ทราบเลยว่านายตู่เคยสมรสแล้ว จึงมีการจัดพิธีสมรสระหว่าง นายตู่ และ นางสาวสมหวัง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 ซึ่งก่อนวันแต่งงาน นายตู่ได้ไปจัดการโอนบ้านและที่ดินราคา 4,000,000 บาทให้เป็นของหมั้นแก่นางสาวสมหวัง โดยในวันทำพิธีแต่งงาน นายตู่ได้นำ โฉนดที่ดินดังกล่าว พร้อมทองคำน้ำหนัก 10 บาท มอบให้กับนางสาวสมหวัง และมีการเชิญนายอำเภอมาในงานแต่งงานเพื่อเป็นสักขีพยานและทำการจดทะเบียนสมรสระหว่าง นายตู่ และ นางสาวสมหวัง ภายหลังจากเสร็จพิธีแต่งงานได้ 2 สัปดาห์ นางสมหวัง ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นข้าราชการครูที่เคยได้เงินเดือน เดือนละ 12,000 บาท เพื่อออกมาเตรียมมีบุตรและเป็นแม่บ้านให้นายตู่

หลังจากนายตู่และนางสมหวังอยู่กินด้วยกันมาได้ 3 เดือน ข่าวการแต่งงานของนายตู่กับนางสมหวังได้ทราบถึงนางเต้น นางเต้นเกิดความไม่พอใจจึงเดินทางไปพบนางสมหวังและเล่าความจริงเกี่ยวกับการเป็นสามีภริยาระหว่างตนกับนายตู่ให้นางสมหวังฟัง โดยนางเต้นให้เหตุผลว่านายตู่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกันกับตนหลายแปลง แต่นายตู่ไม่ยอมแบ่งให้ตนเองจึงไม่ยอมจดทะเบียนหย่าและแบ่งทรัพย์สินกับตน เพราะกลัวสูญเสียทรัพย์สินดังกล่าว

ซึ่งนางสมหวังได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นางเต้นได้กล่าวทั้งหมด ปรากฏว่าเป็นความจริงนางสมหวังเสียใจมาก จึงฟ้องต่อศาลขอให้เพิกถอนการสมรสระหว่างตนเองกับนายตู่ที่เป็นโมฆะและเรียกค่าเสียหายเป็นค่าทดแทนในชื่อเสียง และค่าเสียโอกาสจากการประกอบอาชีพที่ต้องลาออกจากการเป็นข้าราชการครู เป็นค่าทดแทนจำนวน 500,000 บาท และค่าเลี้ยงชีพต่อเดือน เดือนละ 12,000 บาท

แต่นายตู่ให้การว่าตนเองไม่ได้อยู่กินกับนางเต้นมาเป็นเวลาเกินกว่า 3 ปีแล้ว จึงเป็นเหตุหย่าขาดจากนางเต้นได้ ตนเองจึงมีสิทธิที่จะแต่งงานใหม่กับนางสมหวังได้ แต่ถ้านางสมหวังจะเพิกถอนการสมรสก็ให้คืนของหมั้นที่เป็นบ้านและที่ดิน ราคา 4,000,000 บาท และทองคำน้ำหนัก 10 บาท ที่ตนได้มอบให้นางสมหวังเป็นของหมั้นทั้งหมดด้วย ส่วนค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพตนไม่ต้องรับผิดชอบเพราะการสมรสเกิดขึ้นด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย กรณีตามปัญหาดังกล่าวศาลจะพิจารณาคดีนี้อย่างไร

ตามปัญหาแม้นายตู่กับนางเต้นจะมิได้อยู่ด้วยกันและมิได้ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันก็เป็นเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) มาตรา1516 (4) หรือ (6) ที่คู่สมรสอีกฝ่ายอาจนำมาฟ้องร้องได้เท่านั้น มิได้มีผลต่อความสมบูรณ์ของการสมรสระหว่าง นายตู่ และนางเต้น นางเต้นจึงยังเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายตู่อยู่ตลอดมา

เมื่อนางสมหวังมาจดทะเบียนสมรสกับนายตู่ขณะที่นายตู่มีนางเต้นเป็นคู่สมรสอยู่ จึงเป็นการสมรสที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขการสมรสใน ป.พ.พ.มาตรา 1452 และเป็นโมฆะตามมาตรา 1495 และเมื่อขณะที่นางสมหวังจดทะเบียนสมรสกับนายตู่นั้น นางสมหวังไม่ทราบว่านายตู่ได้จดทะเบียนสมรสกับนางเต้นอยู่แล้ว นางสมหวังจึงเป็นผู้สมรสโดยสุจริต นางสมหวังฟ้องของให้ศาลมีคำพิพากษาแสดงว่าการสมรสระหว่างนางสมหวังกับนายตู่เป็นโมฆะ

ดังนั้นนางสมหวังจึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพจากนายตู่ได้ตามป.พ.พ.มาตรา 1499 วรรคสาม และตามป.พ.พ.มาตรา 1499 วรรคสอง การสมรสที่เป็นโมฆะเพราะฝ่าฝืน มาตรา 1452 (สมรสซ้อน) ซึ่งไม่ทำให้ชายหรือหญิงผู้สมรสโดยสุจริตเสื่อมสิทธิที่ได้มาเพราะการสมรส ก่อนที่ตนเองจะรู้ถึงเหตุที่ทำให้การสมรสเป็นโมฆะนั้น (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 3192/2549, 3134/2530)

สรุปได้ว่านางสมหวังสามารถฟ้องให้การสมรสระหว่างตนเองกับนายตู่เป็นโมฆะได้เพราะตนเองไม่รู้ว่านายตู่มีคู่สมรสอยู่ในขณะที่ตนเองจดทะเบียนสมรสกับนายตู่ จึงถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียและเมื่อนางสมหวังสุจริตในเวลาทำการสมรสกับนายตู่ นางสมหวังจึงไม่เสื่อมสิทธิที่ได้มาเพราะการสมรส คือ ของหมั้นที่เป็นบ้านและที่ดิน ราคา 4,000,000 บาทกับทองคำ น้ำหนัก 10 บาท ที่นายตู่มอบให้เป็นของหมั้นในวันแต่งงานนางสมหวังจึงไม่ต้องคืน

และนางสมหวังยังมีสิทธิเรียกค่าทดแทนในความเสียหายแก่ชื่อเสียงเป็นตัวเงินได้เป็นจำนวนที่สมควรแก่ฐานานุรูป ซึ่งนางสมหวังคิดเป็นเงิน 500,000 บาทนั้น ศาลสามารถกำหนดให้ได้ตามสมควรอันเป็นดุลพินิจของศาล ส่วนค่าเลี้ยงชีพที่เรียกเป็นรายเดือนจำนวน 12,000 บาทต่อเดือนนั้น นางสมหวังก็มีสิทธิเรียกได้เพราะนางสมหวังต้องลาออกจากการเป็นข้าราชการครูที่มีเงินเดือนแน่นอนอันเนื่องมาจากการสมรสกับนายตู่ เพื่อออกมาเป็นแม่บ้าน นายตู่จึงต้องรับผิดชอบค่าเลี้ยงชีพต่อนางสมหวังเป็นรายเดือนด้วย ซึ่งจะเป็นจำนวนเท่าใดขึ้นอยู่กับฐานานุรูปของผู้รับและความสามารถของผู้ให้ ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลเช่นกัน

มังกรซ่อนกาย
hiddendragon2552@gmail.com
 
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 2097


【ツ】ต้นไม้แห่งแสง

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


หน้ากู
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2553 23:35:55 »

ความรู้ดีมากครับ จริง ๆ ถ้ามีกูรูด้านกฏหมายมาคอยให้ความรู้ในเวบนี่จะดีมากเลย
บันทึกการเข้า

เราช่วยกันนำต้นรักที่เพาะได้
   ส่งไปตาม บ้านที่ต้องการ
       อยากจะได้...
   หรืออยากจะเติม
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.488 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 04:21:48