'เก็ท' นั่งหันหลังให้ศาลตลอดสืบพยานคดี 112 #ม็อบ6เมษา65 ก่อนลุกแถลงทวงสิทธิประกันตัว-ยุติคดี 112
<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2023-09-19 16:45</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'เก็ท' โสภณ นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงฯ และผู้ถูกคุมขัง ม.112 ถูกเบิกตัวจากเรือนจำ เพื่อร่วมนัดสืบพยานคดี ม.112 ปราศรัยชุมนุม #ม็อบ6เมษา65 โดยเก็ท หันหลังให้ศาลตลอดการสืบพยาน ก่อนลุกขึ้นแถลงเรียกร้องสิทธิประกันตัว-ยุติคดีมาตรา 112 ชี้ส่งผลเสียต่อ ปชช. กระบวนการยุติธรรม และสถาบันกษัตริย์</p>
<p> </p>
<p>19 ก.ย. 2566 เว็บไซต์
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อ 18 ก.ย. 2566 เมื่อเวลา 9.00 น. ศาลอาญาธนบุรีนัดสืบพยานโจทก์ในคดีมาตรา 112 ของ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง กับพวกรวม 2 คน จากกรณีปราศรัยในกิจกรรม #ฟื้นฝอยหาตะเข็บ #ใครฆ่าพระเจ้าตากสิน เนื่องในวันจักรี ที่วงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565 </p>
<p style="text-align: center;"> </p>
<p>ในวันนี้ เก็ท ถูกเบิกตัวมาร่วมการพิจารณาคดีด้วย แม้ก่อนหน้านี้จะเคยแถลงปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมแล้วก็ตาม แต่เมื่อมาถึงเขาได้นั่งหันหลังให้ผู้พิพากษาตลอดทั้งวัน และเมื่อเสร็จการพิจารณาคดี โสภณ ได้ลุกขึ้นแถลงทวงถามความคืบหน้าของ 2 ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสิทธิประกันตัว และให้ยุติการดำเนินคดี ม.112 ทั้งหมดด้วย </p>
<p>วันนี้เป็นการสืบพยานนัดที่ 3 แล้ว ก่อนหน้านี้ ศาลดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปเมื่อวันที่ 4 และ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ย้อนกลับไปในการสืบพยานนัดแรก โสภณได้ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเขาได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาลเพื่อขอถอนทนายความในคดีนี้ รวมถึงปฏิเสธอำนาจศาลทั้งหมด และได้แถลงข้อเรียกร้อง 2 ข้อต่อศาลไว้ ได้แก่ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">คืนสิทธิประกันตัว-ยุติคดี112 บันทึกจากห้องพิจารณาคดี</span></h2>
<p>ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 10 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. โสภณถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเข้าร่วมการพิจารณาคดีที่ศาลเช่นเคย แต่เมื่อมาถึง เขาได้ ‘นั่งหันหลัง’ ให้กับผู้พิพากษาและปฏิเสธที่จะตอบคำถามใด ๆ ของศาลตลอดการพิจารณาคดี ตามเจตจำนงที่เคยได้แถลงไว้ว่าไม่ขอยอมรับอำนาจศาลและไม่ต้องการมีส่วนร่วมใด ๆ ในการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดี</p>
<p>โสภณนั่งหันหลังให้กับผู้พิพากษาตลอดทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย โดยบางช่วงได้ใช้เวลาเพื่อนั่งคุยกับกลุ่มคนที่เดินทางมาให้กำลังใจ ทั้งครอบครัว เพื่อน และประชาชน </p>
<p>กระทั่งการสืบพยานเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 15.00 น. โสภณได้เดินขึ้นมาที่คอกพยาน ณ แท่นเบิกความพยาน และยืนกล่าวแถลงต่อศาลเพื่อทวงถามความคืบหน้าของ 2 ข้อเรียกร้อง ขอให้คืนสิทธิประกันตัว และให้ยุติการดำเนินคดี ม.112 ซึ่งมีรายละเอียดของถ้อยคำโดยสรุป ดังนี้</p>
<p>"ผม โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์แล้วที่ผมปฏิเสธอำนาจศาล ประกาศถอนทนาย และไม่ขอมีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณาใด ๆ ของศาล ข้อเรียกร้องของผมยังคงชัดเจน คือ </p>
<p>"'หนึ่ง' คืนสิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคน</p>
<p>"และ 'สอง' ยุติการดำเนินคดี 112 ทั้งหมด</p>
<p>"ผมขอบคุณศาลอาญาธนบุรีที่ให้สิทธิในการประกันตัวกับผมและจำเลยคนอื่น ๆ แต่การประท้วงของผมเป็นการประท้วงต่ออำนาจศาลทั้งหมด ตอนนี้มีคนอยู่ในคุก 32 คน 2 คนกำลังอดอาหารประท้วง หลายคนอาการย่ำแย่ ทั้งเวหา วารุณี เอกชัย รวมถึงผู้ต้องขังคดีการเมืองคนอื่น ๆ ที่ต้องถูกพรากสิทธิประกันตัวไป</p>
<p>"ในประวัติศาสตร์การปฏิเสธอำนาจศาลนั้น ล้วนเป็นการปฏิเสธอำนาจศาลในนามพระปรมาภิไธย ดังนั้นผมไม่รู้ว่าเราจะหาความเป็นธรรมได้ไหม เพราะศาลเป็น 'ศาลในนามของกษัตริย์'</p>
<p>"ผมเคยแถลงไปแล้วว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ทรงไม่ต้องการให้มีการดำเนินคดี ม.112 กับประชาชน ท่านเคยทวงถามถึงเพื่อนอัยการ เพื่อนตุลาการของพวกท่านหรือไม่ว่า ‘สิ่งที่พวกท่านกำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่’ การที่พวกท่านทำแบบนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบกับแค่ตัวผม แต่มันส่งผลเสียต่อประชาชนและกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด แม้แต่ตัว 'สถาบันพระมหากษัตริย์' เองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย</p>
<p>"ขอให้รู้ไว้ว่า การประท้วงของผมไม่ได้ประท้วงต่อท่านเพียงคนเดียว แต่ผมประท้วงต่ออำนาจในกระบวนการยุติธรรม ‘ทั้งหมด’ ทำไมพวกท่านไม่ช่วยกันแก้ปัญหา เวลามีคนถูกกล่าวหาด้วยมาตรา 112 ศาลก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปด้วย ท่านไม่รู้สึกอะไรกันบ้างเลยหรือที่มีคนโดนดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 มากมายขนาดนี้ พวกท่านทำอะไรกันอยู่</p>
<p>"สุดท้าย ผมขอฝากไปถึงตำรวจศาลด้วย ท่านไม่ให้พ่อแม่ของจำเลยเข้ามาฟังการพิจารณาคดี แต่สัปดาห์ที่แล้วท่านกลับปล่อยให้พยานโจทก์ปากที่ 2 เข้ามาฟังคำเบิกความของพยานโจทก์ปากที่ 1 ได้ยังไง แล้วแบบนี้ความน่าเชื่อถือของพยานอยู่ตรงไหน" เก็ท กล่าว </p>
<p>เมื่อโสภณ แถลงเสร็จ ศาลไม่ได้กล่าวถ้อยคำใดๆ โต้ตอบกลับมา แต่มีการบันทึกข้อเรียกร้องทั้งสองข้อของเก็ทลงไปในรายงานกระบวนพิจารณาด้วย </p>
<p>ไม่นานโสภณ จึงถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พาตัวออกจากห้องพิจารณาเพื่อเตรียมตัวกลับเรือนจำในช่วงเย็น ในเวลาประมาณ 17.00 น. ส่วนการสืบพยานโจทก์และจำเลยในคดีนี้ยังคงเหลือในวันที่ 25 ก.ย. 2566 พร้อมศาลได้นัดวันสืบพยานเพิ่มเติมอีก 2 นัด คือ วันที่ 6 และ 13 พ.ย. 2566</p>
<p>ปัจจุบัน (19 ก.ย.) โสภณ ถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีในคดีมาตรา 112 อีกคดีหนึ่ง อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลา 27 วันแล้ว ได้แก่ กรณีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 ซึ่งศาลอาญาพิพากษาจำคุกรวมทั้งสิ้น 3 ปี 6 เดือน โดยศาลพิพากษาความผิดข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกถึง 6 เดือน ทั้งที่กฎหมายกำหนดโทษปรับไม่เกิน 200 บาท</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/09/105970 







