ประชาชน-สส.ชูแม่ฮ่องสอนเป็นเขตพื้นที่วัฒนธรรมพิเศษ แต่รัฐย้อนแย้งดันอุโมงค์ผันน้ำยวม EP2
<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2023-11-22 20:10</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>องอาจ เดชา :รายงาน</p>
<p>ภาพปกจากมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ขณะประชาชนในพื้นที่กำลังผลักดันให้แม่ฮ่องสอนเป็นเขตพื้นที่วัฒนธรรมพิเศษ แต่จู่ๆ รัฐบาลชุดใหม่ โดยการนำของเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาพูดกับสื่อ โดยบอกว่าจะดันเมกะโปรเจคใหญ่ในแม่ฮ่องสอนกันอีกครั้ง โดยเฉพาะโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล หรือที่ประชาชนรู้กันดีว่า โครงการอุโมงค์ผันน้ำยวม โดยที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลรอบด้าน ว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อฐานทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและวิถีชุมชนในหลายพื้นที่เป็นวงกว้าง ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นปัญหาย้อนแย้งกันกับสิ่งที่ประชาชนในพื้นที่พยายามปกป้องดูแลรักษาเอาไว้และกำลังเสนอให้เป็นเขตวัฒนธรรมพิเศษเป็นอย่างมาก จนทำให้ประชาชนหลายหมู่บ้านในจังหวัดแม่ฮ่องสอน หวั่นวิตกและพากันออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53348745288_7fa428bbd0_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ที่มาภาพ กรมชลประทาน</span></p>
<p>โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล หรือ “โครงการผันแม่น้ำยวม” เป็นโครงการสร้างแนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่รู้จักในชื่อ “EIAร้านลาบ” ระบุว่า มีองค์ประกอบของโครงการ 7 องค์ประกอบ เขื่อนผันน้ำยวม ถนนเข้าเขื่อน อ่างเก็บน้ำยวม สถานีสูบน้ำบ้านสบเงา ระบบอุโมงค์ส่งน้ำ (62 กม.) พื้นที่เก็บกองวัสดุจากการขุดเจาะอุโมงค์และถนนเข้าหัวงานต่างๆ ทางออกอุโมงค์ส่งน้ำและการปรับปรุงลำห้วยงูด โดยมีพื้นที่โครงการรวม 3,641 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ (โซน ซี(C)) มีพื้นที่ซ้อนทับกับพื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติแม่เงา และเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 โดยหมู่บ้านและรายชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโครงการตามที่อ้างใน EIA ครอบคลุมพื้นที่ 36 หมู่บ้าน โดยมีครัวเรือนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ 29 ราย</p>
<div class="more-story">
<ul>
<li>
ประชาชน-สส.ชูแม่ฮ่องสอนเป็นเขตพื้นที่วัฒนธรรมพิเศษ แต่รัฐย้อนแย้งดันอุโมงค์ผันน้ำยวม EP1</li>
<li>
ประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน 66 คน รวมตัวฟ้องศาลปกครอง ‘ยกเลิก’ โครงการผันน้ำยวม</li>
</ul>
</div>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53348745278_2896065e6d_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ที่มาภาพ มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ</span></p>
<p>เลาฟั้ง บัณฑิตเลิศสกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล บอกว่า กระแสชาวบ้านแม่ฮ่องสอน เขาไม่เอาอยู่แล้วกับโครงการอุโมงค์ผันน้ำยวมนี้ เพราะมันเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบชาวบ้านจำนวนมาก ทั้งตัวเขื่อน ตัวโรงสูบน้ำ แล้วก็ตัวอุโมงค์ผันน้ำอีก</p>
<p>“คือเราไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะว่าจริงๆ ในตัวโครงการนี้มีสาระสำคัญอยู่ 3-4 อย่าง หนึ่ง ก็คือว่าตัวเขื่อน ถ้าสร้างเขื่อนมันจะท่วมพื้นที่ที่อยู่เหนือเขื่อน สอง ก็คือโรงสูบน้ำซึ่งมีขนาดใหญ่ ต้องใช้เครื่องจักร ซึ่งต้องใช้พื้นที่เยอะมาก และส่วนใหญ่จะกินพื้นที่ของชาวบ้านชุมชน สาม ก็คือตัวสายส่งไฟฟ้า สายส่งไฟฟ้าที่จะดึงจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง มาที่แม่ฮ่องสอน และ สี่ ก็คือตัวอุโมงค์ผันน้ำ ซึ่งต้องมีการขุดเจาะภูเขาป่าไม้ ยาวไปถึงพื้นที่ อ.อมก๋อย อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ โน่นเลย ซึ่งโครงการนี้ มันทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมาก”</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53348836314_8f279850e2.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">เลาฟั้ง บัณฑิตเลิศสกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนชาติพันธุ์ พรรคก้าวไกล</span></p>
<p>สส.เลาฟั้ง บอกอีกว่า อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ค่อยถูกพูดถึง ก็คือว่ามีการใช้เงินมหาศาลมูลค่า 1.7 แสนล้าน ไปกับโครงการนี้ แล้วในส่วนที่จะได้ประโยชน์จริงๆ มันได้ปริมาณมากน้อยเพียงใด เพราะว่าเมื่อไปดูข้อมูลรายงาน เขาบอกว่าปริมาณน้ำที่สูบได้จะอยู่ที่ประมาณ 600 - 1,800 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ในตัวรายงานของเขาระบุตัวปริมาณที่สูงสุดก็คือเขาระบุไปเลยว่าสามารถสูบน้ำได้ 1,800 ล้านบาทเมตรต่อปี เพื่อเอาไปหล่อเลี้ยงในพื้นที่ภาคกลาง 600,000 ไร่ แต่ว่าพอไปดูจริงๆ มันใช้ได้ประมาณ 600 - 1,800 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมันไม่มีความแน่นอนเลยว่าปริมาณน้ำที่จะสูบได้จริงๆ มันเท่าไหร่ แล้วก็ระยะเวลาที่จะสูบน้ำได้จริงๆ ในระยะเวลา 1 ปี จะสูบน้ำได้ประมาณกี่เดือนกันแน่ ข้อมูลเหล่านี้มันไม่มีรายละเอียด เพราะที่เขาบอกว่าสามารถเอาน้ำไปหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรมภาคกลางได้ 600,000 ไร่นั้นมันก็ไม่ได้เป็นจริง เพราะว่าเผลอๆ บางปีอาจจะสูบได้แค่ 600 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือบางปีอาจจะ 900-1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เมื่อไปเทียบกับตัวค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นมันมหาศาล</p>
<p>“เพราะฉะนั้น ไม่ค่อยมีการพูดถึงเรื่องความคุ้มทุนกันเท่าไหร่ กับตัวงบที่มาลงทุนไป ซึ่งเรื่องนี้ จริงๆ มันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ว่าไม่ค่อยถูกพูดถึงที่ผ่านมา กรมชลประทาน มักจะนำเสนอให้ภาพว่าสามารถนำน้ำไปหล่อเลี้ยงพื้นที่ภาคกลางจำนวน ไปช่วยเหลือเกษตรกรหลายล้านคนที่ได้ประโยชน์ แต่ไม่ยอมบอกว่า การสูบน้ำ มันต้องใช้ไฟ ต้องดึงสายไฟแรงสูงจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อมาสูบน้ำจากที่นี้ คำถามคือว่า แล้วค่าไฟนี้ใครจะรับผิดชอบ หมายถึงว่าเกษตรกรในภาคกลางที่จะใช้น้ำตรงนี้ในภาคกลาง ก็ต้องจ่ายใช่ไหม หรือจะเอาเงินภาษีของรัฐบาลมาจ่ายใช่ไหม อันนี้เรายังไม่ได้พูดถึงเลยนะ ถ้าสมมุติว่า ให้เกษตรกรภาคกลางเป็นคนจ่าย หมายความว่าต่อไปเขาต้องซื้อน้ำเข้านา เขาจะยอมไหม อันที่สอง ถ้ารัฐบาลเอาเงินจ่าย เอาน้ำให้เกษตรกรฟรี คำถามคือว่า แล้วคนอื่นที่ไม่ได้ใช้น้ำจากโครงการนี้จะเอายังไง ไม่ได้ใช้น้ำแล้วจะไปเบียดเบียนคนอื่นที่เขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย แล้วก็เขาต้องจ่ายร่วมสมทบกับโครงการนี้ด้วยหรือ ซึ่งมันก็ไม่แฟร์ และประเด็นนี้ ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ได้ถูกนำมาพูดถึงกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว”</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53348514006_8e192700f1_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">แม่น้ำยวม ที่กรมชลประทานเสนอให้สร้างเขื่อนกั้นผันน้ำไปเขื่อนภูมิพล</span></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ไม่เชื่อมั่นรัฐบาลเศรษฐา แนวโน้มไม่หยุดโครงการขนาดใหญ่แน่</span></h2>
<p>เลาฟั้ง ยังบอกอีกว่า เมื่อเราดูโครงสร้างการบริหาร ในครม.เศรษฐา ก็เป็นกลุ่มกลุ่มทุนเดิมๆ ที่เคยหนุนรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์มาก่อน ก็เป็นกลุ่มนั้นอยู่แล้ว ทีนี้จึงคิดว่ามันก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่รัฐบาลเศรษฐานี้ เขาอาจจะดันโครงการนี้ต่อ</p>
<p>“ซึ่งผมเชื่อได้เลยว่าเขาจะเอาปัญหาเอลนีโญมาใช้เป็นข้ออ้าง ก็คือว่า ในช่วงปี 2567-2570 นี้ เขาจะเอาปัญหาแห้งแล้งที่ยาวนานมาใช้ในการสร้างความชอบธรรมให้กับการผลักดันโครงการ และคงไม่ใช่โครงการผันน้ำยวมนี้โครงการเดียวนะ เพราะเท่าที่ทราบข้อมูลมา ว่ามีอีกหลายโครงการ อย่างเช่น โครงการผันน้ำโขงที่เชียงรายด้วย ก็คือเขาจะเอาสถานการณ์ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านเรื่องภัยแล้งนี่แหละมาเป็นตัวสร้างความชอบธรรมในการผลักดันโครงการเหล่านี้”</p>
<p>พงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ นายกสมาคมฟื้นฟูลุ่มน้ำสาละวิน และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ อ.สบเมย บอกว่า โครงการเมกะโปรเจค อย่างอุโมงค์ผันน้ำยวม ที่ผ่านมา ชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบไม่ได้รับข้อมูลที่แท้จริงและครบถ้วน อีไอเอ ที่เขาทำกันก็ไม่ได้ครอบคลุม ที่เขาทำกันนั้นทำเพื่อตอบสนองโครงการมากกว่า ชาวบ้านก็เรียกร้อง ทักท้วง ทักถาม โดยเฉพาะในเรื่องข้อกังวลในเรื่องของชาวบ้านที่อาจส่งผลกระทบกับสิ่งที่จะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต อีกอย่าง มันเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาล อีกอย่างหนึ่ง ก็คือพื้นที่โครงการนั้น เป็นพื้นที่ที่อยู่ทั้งในเขตอุทยานและเขตป่าสงวน รวมไปถึงเป็นพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย</p>
<p>“ก่อนหน้านั้น เป็นยุค คสช.เราก็เคยเสนอให้มีการทบทวนให้เกิดความโปร่งใส มีความชัดเจนมากกว่านี้ เพราะเป็นโครงการที่ชาวบ้านเคยคัดค้านและเรียกร้องมาตลอด แต่จู่ๆ รัฐบาลเศรษฐาชุดนี้ กลับมาบอกจะเดินหน้า อันนี้ถือว่ากำลังทำในสิ่งที่ทำตรงกันข้ามกับตอนหาเสียง ซึ่งจริงๆ แล้ว รัฐบาลชุดนี้ควรจะฟังเสียงชาวบ้านมากกว่า น่าจะศึกษาทบทวน หรือมีการชะลอโครงการนี้ไว้ก่อน เพราะประชาชนคัดค้านมาตลอด”</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53348513976_51287f0619_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">พงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ นายกสมาคมฟื้นฟูลุ่มน้ำสาละวิน และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ อ.สบเมย</span></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ยื่นฟ้องศาลปกครอง กรณีโครงการอุโมงค์ผันน้ำยวม EIA ที่ไม่เป็นธรรม</span></h2>
<p>สะท้าน ชีววิชัยพงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน บอกเล่าว่า ไม่นานมานี้ มีพี่น้องชาวบ้านจากอำเภออมก๋อย จ.เชียงใหม่ แจ้งมาว่ามีคณะทำงานของกลุ่ม ม.นเรศวร ซึ่งทำเรื่องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอ และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเข้าไปประชุมชาวบ้าน ซึ่งพื้นที่ชุมชนดังกล่าว ถือว่าเป็นจุดบอดที่พี่น้องอมก๋อยไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง แต่ถ้าในเขตพื้นที่แถบแม่เงา สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ยาวไปจนถึงบ้านนาคอเรือ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ต่างยืนยันคัดค้านอย่างหนักแน่น ทำให้กลุ่มเจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้เลย เพราะเราคัดค้านกันอย่างเข้มข้น</p>
<p>“เราตกลงกันไว้ว่าเราจำเป็นต้องยื่นฟ้องศาลปกครอง ในกรณี EIA ที่ไม่เป็นธรรม เราคิดว่ามันไม่มีความชอบธรรม ไม่มีกระบวนการมีส่วนร่วม”</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53348836289_aca49fc2a4_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">สะท้าน ชีววิชัยพงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน</span></p>
<p>จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2566 ที่ศาลปกครอง เชียงใหม่ เวลา 10.00 น. เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน ราว 70 คนจากหลายหมู่บ้านในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จ.ตาก และ จ.แม่ฮ่องสอน ที่ได้รับผลกระทบโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล หรือ “โครงการผันแม่น้ำยวม” รวมตัวกันยื่นฟ้องศาลปกครองขอยกเลิกโครงการผันแม่น้ำยวมของกรมชลประทาน</p>
<p>การยื่นฟ้องคดีครั้งนี้มีตัวแทนประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน รวม 66 คน เป็นผู้ฟ้องคดี โดยมีผู้ถูฟ้องคดี 5 ราย ได้แก่ กรมชลประทาน, คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ, สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี โดยมีผู้รับมอบอำนาจผู้ฟ้องคดี ได้แก่ ส.รัตนมณี พลกล้า, ธรธรร การมั่งมี, เฉลิมศรี ประเสริฐศรี, ทนายความเครือข่าย และนักกฎหมายของมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน เป็นผู้รับมอบอำนาจในการดำเนินคดีแทนผู้ฟ้องคดี</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53348964310_b568457c8a_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ที่มา แฟ้มภาพ ประชาไท</span></p>
<p>ผู้ฟ้องคดีขอศาลได้โปรดพิจารณาพิพากษา ดังนี้</p>
<p>1. ขอให้พิพากษาว่า โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เป็นโครงการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการดำเนินการต่างๆของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าเกี่ยวกับโครงการเป็นการดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้เพิกถอน/ยกเลิกโครงการดังกล่าวเสีย</p>
<p>2. ขอให้พิพากษาว่า การจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ของโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เป็นรายงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้เพิกถอนรายงานและการให้ความเห็นชอบดังกล่าวเสีย</p>
<p>3. ขอให้พิพากษาว่า การจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนของโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้เพิกถอนการดำเนินการดังกล่าวเสีย</p>
<p>4. ขอให้พิพากษาว่า ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้า ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง การแจ้งข้อมูลและการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเหมาะสมและจริงจัง จัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วม และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ก่อนที่จะดำเนินการและระหว่างดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการดูแล ปกป้อง รักษาแม่น้ำยวม แม่น้ำเงา แม่น้ำเมย และแม่น้ำสาละวิน</p>
<p>5. ขอให้พิพากษาว่า ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้า ดำเนินการออกกฎหมาย หรือกฎ หรือระเบียบ เพื่อดำเนินการการคุ้มครอง อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในลุ่มแม่น้ำแม่น้ำยวม แม่น้ำเงา แม่น้ำเมย และแม่น้ำสาละวิน</p>
<p>ภายหลังการยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองตัวแทนทนายความระบุว่า ขณะนี้ศาลปกครองได้รับเรื่องออกหมายเลขคดีเป็นคดีดำหมายเลข ส.4/2566 ระหว่างนี้ศาลปกครองจะพิจารณาเอกสารหลักฐานที่ยื่นไป เพื่อมีคำสั่งรับฟ้องคดีหรือไม่ต่อไป</p>
<p>“ตอนนี้เราลงพื้นที่คุยกับพี่น้องชาวบ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจว่าเราต้องเคลื่อนไหวกันต่อ เพราะเราคิดว่าโครงการผันน้ำยวมนี้เขาไม่หยุดแน่ เพราะว่างบประมาณเยอะมาก ยิ่งรัฐบาลรูปแบบนี้ ซึ่งเป็นรัฐบาลผสมข้ามขั้ว ผสมพันธุ์กันอย่างนี้ มันต้องการที่จะหางบเพื่อจะมาตอบสนองความต้องการของตัวเองหรือพรรคพวกของเขา เราไม่เชื่อมั่นหรอกว่ารัฐบาลเศรษฐาจะยุติโครงการนี้” ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน บอกย้ำในตอนท้าย</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">รายงาน
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/11/106932