[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 เมษายน 2567 11:59:50 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วันวิสาขบูชามีความหมายดังนี้คือ.................  (อ่าน 3961 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553 14:48:37 »


<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 64px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-shockwave-flash" src="http://www.flash-mp3-player.net/medias/player_mp3_maxi.swf?mp3=http://www.fungdham.com/download/song/sec1/1/sound002.mp3&amp;width=250&amp;showstop=1&amp;showinfo=1&amp;showvolume=1&amp;volumewidth=35&amp;sliderovercolor=ff0000&amp;buttonovercolor=ff0000" width="800px" height="64px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" autoplay="false" autostart="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.fungdham.com/download/song/sec1/1/sound002.mp3" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.fungdham.com/download/song/sec1/1/sound002.mp3</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>



.............................ถ่ายประกอบเนื้อหาโดยข้าพเ้จ้า(บางครั้ง)ขอรับ......................



....................ภาพจากงานสัปดาห์วัน วิสาขบูชา 15 - 28 พฤษภาคม 2553................



วันที่ประกอบด้วยคุณพิเศษ คือ

1.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ

2.เป็นวันที่ต้นศรีมหาโพธิ์เกิดขึ้น

3.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้

4.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับชันธปรินิพพาน

ในวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 8(อาสาฬหบูชา)พระโพธิสัตว์จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต ปฏิสนธิ

ในพระครรภ์พระนางมหามายาเทวีพร้อม ๆ กับแผ่นดินไหว

(ขณะที่ปฏิสนธิในพระครรภ์มารดาไม่ใช่ขณะประสูติ)

เทวดาต่างอารักขาพระโพธิสัตว์และพระมารดา พระมารดา

ไม่มีความลำบากในการทรงพระครรภ์ พระมารดาย่อมได้ยศ ได้ลาภอันเลิศ ไม่มีความพอใจในบุรุษ


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤษภาคม 2553 16:01:00 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553 14:52:15 »





........................................พระโพธิสัตว์ทรงประสูติ............................




ตามธรรมเนียมของสมัยนั้น สตรีเมื่อจะคลอดย่อมคลอดที่สกุลเดิมหรือบ้านของบิดา

มารดาของตน พระนางมหามายาเทวีจึงมีพระประสงค์จะไปที่กรุงเทวทหะอันเป็นเมือง

ของพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์

เมื่อเสด็จถึงป่าสาลวันชื่อลุมพินีวัน ขณะนั้นต้นสาละออกดอกบานสะพรั่ง พระเทวีมี

ประสงค์จะเล่นในสวนสาลวัน พระนางมีประสงค์จะจับกิ่งใด กิ่งนั้นก็น้อมมาที่พระหัตถ์

และลมกัมมัชวาตก็เกิดขึ้น มหาชนจึงล้อมม่านแล้วถอยออกไป พระนางได้ยืนจับกิ่ง

สาละนั่นแลได้ประสูติแล้ว

ในขณะนั้นนั่นเองท้าวมหาพรหมผู้มีจิตบริสุทธิ์  ๔ องค์  ก็มาถึงพร้อมกับถือข่ายทอง

มาด้วยเอาข่ายทองนั้นรับพระโพธิสัตว์วางไว้ตรงพระพักตร์ของพระราชมารดา  

พลางทูลว่าข้าแต่พระเทวีขอพระองค์จงดีพระทัยเถิดพระราชบุตรของพระองค์

มีศักดาใหญ่อุบัติขึ้นแล้ว..........พระโพธิสัตว์ก็ประทับยืนบนแผ่นดินทอดพระเนตรดู

ทิศตะวันออกจักรวาลนับได้หลายพันได้เป็นที่โล่งเป็นอันเดียวกันพวกเทวดาและ

มนุษย์ในที่นั้นต่างพากัน บูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น กราบทูลว่าข้าแต่ท่าน  

บุรุษคนอื่นในที่นี้เช่นกับท่านไม่มีคนที่ยิ่งกว่าท่านจักมีแต่ที่ไหน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤษภาคม 2553 15:54:09 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553 14:58:38 »




พระโพธิสัตว์มองตรวจดูตลอดทิศให้ทิศเล็กแม้ทั้ง 10 คือทิศใหญ่ 4 ทิศเล็ก 4

เบื้องล่างเบื้องบนก็มิได้ทรงมองเห็นใครที่เช่นกับตน................................ต่อจากนั้นประทับยืนที่

พระบาทที่ 7 ทรงเปล่งอาสภิวาจา วาจาแสดงความยิ่งใหญ่ ว่า..............................  

เราเป็นผู้เลิศในโลกเราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลกเราเป็นผู้ประเสริฐที่สุด

ในโลกการเกิดครั้งนี้เป็นการเกิดครั้งสุดท้ายบัดนี้ภพใหม่ไม่มีต่อไป






.............................ย้อนรำลึกเหตุการณ์ใน วันวิสาขบูชา ตรัสรู้..................................





ในเวลาเช้าของวันเพ็ญเดือน 6 วันวิสาขบูชา ขณะนั้นมีพระชนมายุ 35 พระชันษา

ขณะนั้นทรงประทับที่ต้นไทรนาง สุชาดา นำข้าวมธุปายาสที่ใส่ถาดทองมาถวายพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทรงรับและเสวยข้าวมธุปายาสแล้วได้

เสด็จไป

ที่ท่าน้ำเนรัญชราพระองค์ทรงอธิษฐานว่าหากเราได้เป็นพระพุทธเจ้าก็ขอให้ถาดลอยทวนน้ำไปเมื่อพระองค์ทรงปล่อยถาดลงในกระแสน้ำถาด นั้นก็

ลอย

ทวนกระแสน้ำและได้จมลงไปในที่อยู่ของนาคราชเมื่อถึงเวลาเย็น นายโสตถิยะก็ถวายหญ้า 8 กำ กับพระโพธิสัตว์พระโพธิสัตว์ทรงวางหญ้าที่โพธิ

บัลลังก์ที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงประทับนั่งแล้วอธิษฐานว่าหากเรายังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้วแม้เนื้อและเลือดจะเหือดแห้ง

ไปก็จะไม่ลุกไปเด็ดขาดพระองค์ทรงกำจัดมารในเวลาเย็นในเวลาปฐมยามทรงระลึกชาติได้แต่ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้าเวลามัจฌิมยาม พระองค์ทรง

เห็น

สัตว์เกิดสัตว์ตายด้วยพระญาณแต่ไม่เป็นพระพุทธเจ้าเวลาปัจฉิมยามทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท

ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาใกล้รุ่งของวันวิสาขบูชา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤษภาคม 2553 15:54:54 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553 15:05:56 »




.............เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้ได้เปล่งพระอุทานที่พระพุทธเจ้าทั้งปวงมิได้ทรงละว่า..........



เราเมื่อแสวงหานายช่าง(คือตัณหา)ผู้กระทำ
        
เรือนเมื่อไม่ประสบได้ท่องเที่ยวไปยังสงสารมิใช่
    
น้อยความเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ ดูก่อนนายช่างผู้
      
กระทำเรือนเราเห็นท่านแล้วท่านจักทำเรือนไม่ได้
        
อีกต่อไปซี่โครงทั้งปวงของท่านเราหักแล้วยอด
    
เรือนเรากำจัดแล้วจิต(ของเรา)ถึงวิสังขาร(นิพพาน)
      
แล้วเราได้ถึงความสิ้นตัณหาแล้ว



....................................สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คืออะไร....................................



ในปัจฉิมยามพระองค์ทรงพิจารณา ปฏิจจสมุปบาท นั่นก็คือพระองค์ทรงตรัสรู้สัจจะ

ความจริงที่เป้นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ทรงตรัสรู้ความจริงที่เป็นเพียง จิต เจตสิก

รูป นิพพาน ไม่ใชสัตว์ บุคคล อาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น เพราะมีความไม่รู้ จึงมีสภาพ

ธรรมอื่น ๆ เกิดวนเวียนเป็นสังสารวัฏฏ์ ไม่มีที่สิ้นสุดแต่เมื่อวิชชา คือปัญญาเกิดก็

สามารถดับสังสารวัฏฏ์ได้พระองค์ตรัสรู้ความจริงที่เป็นเพียงสภาพธรรมด้วยปัญญา

ของพระองค์ตามความเป็นจริงการจะรู้ความจริงจึงรู้ขณะนี้ด้วยการฟัง การศึกษาให้

เข้าใจสภาพธรรมทำ หน้าที่เองให้ปัญญาเจริญขึ้นจนประจักษ์แจ้งสภาพธรรมที่มี

ในขณะนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤษภาคม 2553 15:55:24 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553 15:10:06 »





...............................ย้อนรำลึกเหตุการณ์ในวันวิสาขบูชาปรินิพพาน...............................



ในวัน มาฆบูชา พระพุทธองค์ทรงปลงมายุสังขาร ณ.ปาวาลเจดีย์จากนี้ไปอีก 3 เดือน

เราจะปรินิพพานพระองค์ทรงตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่า................................................

ชนเหล่าใดทั้งเด็กผู้ใหญ่ - ทั้งพาล - ทั้งบัณฑิต - ทั้งมั่งมีทั้ง - ขัดสน ล้วนมีความตาย

เป็นเบื้องหน้าภาชนะดิน ที่ช่างหม้อทำทั้งเล็กทั้งใหญ่ทั้งสุกทั้งดิบทุกชนิดมีความ

แตกเป็นที่สุดฉันใดชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้น…..ดูก่อนภิกษุทั้งหลายพวก

เธอจงไม่ประมาทมี สติ มีศีลด้วยดีเถิดจงเป็นผู้มีความดำริตั้งมั่นด้วยดีจงตามรักษา

จิตของตนเถิดผู้ใดจักเป็นผู้ไม่ประมาทอยู่ในธรรมวินัยนี้ผู้นั้นจักละชาติสงสารแล้ว

จะกระทำที่สุดทุกข์ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤษภาคม 2553 15:55:58 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553 15:13:09 »




ในวันวิสาขบูชา พระพุทธองค์เสด็จไปที่เมืองกุสินารา แม้จะลงพระโลหิตอย่างมาก

ใกล้จะปรินิพพานแล้วแต่พระองค์ก็เสด็จไปเพื่อที่จะโปรดสุภัททะปริพาชกให้บรรลุ

ธรรมและเพื่อที่จะแสดงมหาสุทัสสนสูตรเพื่อให้มหาชนได้ฟังพระธรรมและอีกเหตุผล

หนึงคือหากพระองค์ปรินิพพานที่กุสินาราจะไม่มีการทะเลาะกันในเรื่องของการแบ่งพระ

ธาตุจะเห็นได้ถึงพระมหากรุณาคุณของพระองค์แม้พระองค์จะปรินิพานแล้วก็ยังช่วย

สัตว์โลกแม้จะทรงประชวรอย่างหนักก็ตาม

พระพุทธเจ้าเสด็จถึงป่าสาลวัน รับสั่งให้พระอานนท์จัดเตียงหันพระเศียรไปทาง

ทิศเหนืออันอยู่ระหว่างต้นสาละคู่ครั้งนั้นเทวดาและมนุษย์ต่างบูชาด้วยดอกไม้ของ

หอมมากมาย พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า อานนท์การบูชา ด้วยสักการะเหล่านี้

อามิสบูชา ยังไม่ชื่อว่าสักการะ เคารพพระองค์จริง แต่ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

ชื่อว่าบูชาพระองค์ นั่นคือการให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรมเจริญกุศลทุกประการจนถึง

การดับกิเลสได้เป็นการปฏิบัติธรรมสมควรแก่......................................ธรรม

พระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่องสังเวชนียสถานว่าเป็นที่ที่ควรระลึกถึง ควรเห็นของผู้มี

ศรัทธาเมื่อพระศาสดาล่วงไปแล้ว

พระอานนท์ร้องไห้ที่ประตูวิหาร พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรียก พระอานนท์ และเตือนว่า

ทุกสิ่งมีความแตกสลายไปธรรมดาเธออย่าประมาทจงทำที่สุดทุกข์และตรัสสรรเสริญพระอานนท์มากมาย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤษภาคม 2553 16:02:10 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553 15:20:45 »




พระพุทธเจ้าทรงโปรดสุภัททะปริพพาชกจนสุดท้ายได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

พระพุทธเจ้าตรัสว่าเธออย่าสำคัญว่าศาสดาล่วงไปแล้วจะหาพระศาสดาไม่ได้

พระธรรมของเราจะเป็นศาสดาของพวกเธอ





...........................เมื่อพระภิกษุสงฆ์ประชุมพร้อมกันแล้ว พระองค์ได้ตรัสพระปัจฉิมโอวาทว่า...................




ดูก่อนภิกษุทั้งหลายบัดนี้เราขอเตือนพวกเธอว่า.............................

สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาพวกเธอจงยังความ

ไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิดนี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต.

พระพุทธเจ้าทรงเข้าฌานและออกจากฌานและทรงออกจากจตุตถฌานแล้ว

พระพุทธเจ้าก็ปรินิพพานดับรอบซึ่งสังขารธรรมและขันธ์ทั้งหลายในคืนวันวิสาขบูชา





.................................พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วไปไหน ?................................



นิพพานไม่ใช่สถานที่ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง เมื่อจุติจิตของพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์

เกิดขึ้นก็ไม่มีเหตุปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดจึงไม่เป็นเหตุให้มีขันธ์ 5 เกิดขึ้นอีกจึงไม่

สามารถกล่าวได้ว่าไปที่ไหนเหมือนเปลวเทียนเมื่อดับไป เปลวเทียนไปไหนช่างตี

เหล็กใช้ฆ้อนเหล็กเมื่อตีเหล็กติดไฟแล้วไฟก็ดับไปไฟไปไหนพระอรัหันต์ผู้ดับ

กิเลสแล้วเมื่อปรินิพพานจึงหา(คติ)ที่ไปไมได้อีก....................................................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤษภาคม 2553 16:02:50 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
คำค้น: 15 ค่ำ วันเพ็ญ วิสาขบูชา ธรรมมะ บางครั้ง อัสมิมานะ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.233 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 15 มกราคม 2567 07:21:24