[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
27 เมษายน 2567 15:26:22 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - 'ก้าวไกล' เสนอญัตติตั้ง กมธ.ถ่ายโอนธุรกิจ-ที่ดินกองทัพคืนให้รัฐบาล  (อ่าน 50 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 26 มกราคม 2567 06:19:48 »

'ก้าวไกล' เสนอญัตติตั้ง กมธ.ถ่ายโอนธุรกิจ-ที่ดินกองทัพคืนให้รัฐบาล
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2024-01-26 01:18</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ก้าวไกล' เสนอญัตติตั้ง กมธ.ถ่ายโอนธุรกิจ-ที่ดินกองทัพคืนให้รัฐบาล สส.เบญจา เปิดข้อมูล 5 แหล่งขุมทรัพย์ธุรกิจกองทัพที่ตรวจสอบไม่ได้ ทั้งที่ดิน-บอร์ดรัฐวิสาหกิจ-งบกลาโหม-คลื่นความถี่-พลังงาน ต้นเหตุนายพลเป็นเสือนอนกิน อู้ฟู่หลังเกษียณหลักร้อยล้าน </p>
<p>25 ม.ค. 2567 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (25 ม.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล นำโดย เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ ได้เป็นผู้อภิปรายเปิดญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจต่างๆ ของกองทัพ ไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง</p>
<p>เบญจาเริ่มต้นอภิปรายโดยระบุว่า เรื่องหนึ่งที่ผู้คนในสังคมมักจะจับตากันคือทรัพย์สินของนายพลหลังพ้นจากตำแหน่ง ดังเช่นครั้งนี้ที่มีการจับตาการเปิดบัญชีทรัพย์สินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในรอบ 9 ปี ซึ่งมีทรัพย์สินของตนและภรรยารวมกันกว่า 130 ล้านบาท ขณะที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณแจ้งบัญชีทรัพย์สิน 89 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่าอดีต ผบ.ทบ. หลังเกษียณหลายรายมีบัญชีทรัพย์สินมูลค่าสูงมาก บางรายมี 200 ล้านบาท 300 ล้านบาท 500 ล้านบาท และมีรายหนึ่งแจ้งบัญชีทรัพย์สินสูงถึง 800 ล้านบาท</p>
<p>นี่เป็นเพียงไม่กี่ตัวอย่างของนายพลผู้มั่งคั่งหลังลงจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. และตำแหน่งทางการเมือง ประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังมีนายพลที่มั่งคั่งอีกกว่า 3,000 นาย ซึ่งรวยกันตั้งแต่หลักสิบล้าน ไปจนถึงหลักร้อยล้าน พันล้าน</p>
<p>เบญจากล่าวต่อไปว่า เมื่อสามวันก่อน โฆษกกระทรวงกลาโหมเพิ่งให้สัมภาษณ์ว่านายพลไทยมีจำนวนทะลุ 2,000 คนไปแล้ว โดยเป็นนายพลที่มีตำแหน่งประจำและกระจายอยู่ตามหน่วยงานต่าง ๆ ของกองทัพ เช่น สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ประมาณ 1,300 นาย ส่วนอีก 700 นายเป็นนายพลที่ไม่ได้รับมอบหมายงานชัดเจน เช่น เป็นเพียงผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ปรึกษา ผู้ชำนาญการ หรือตำแหน่งอื่น ๆ ถูกโยกย้ายไปช่วยราชการตามบอร์ดรัฐวิสาหกิจ กรรมการอิสระ กรรมการบริษัทมหาชน ไปออกรอบตีกอล์ฟ สิ้นเดือนก็รับค่าตอบแทนและเบี้ยประชุม </p>
<p>ซึ่งหากคำนวณค่าตอบแทนระดับนายพลที่ต่ำสุดในเงินเดือนระดับ น.6 อยู่ที่ 69,040 บาท เงินค่าบริหารระดับสูง 14,500 บาท ค่าตอบแทนรายเดือน 14,500 บาท และค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดการหารถประจำตำแหน่งกรณีไม่มีรถประจำตำแหน่ง 31,800 บาท ดังนั้น นายพลหนึ่งคนในระดับต่ำสุดจะรับเงินเดือนเป็นจำนวน 129,840 บาท ทำให้ประเทศไทยจะต้องจ่ายเงินให้นายพลรวม 425 ล้านบาทต่อเดือน และในหนึ่งปีต้องจ่ายเงินในอัตราที่ต่ำสุด 5.1 พันล้านบาท</p>
<p>เบญจาตั้งคำถามว่า นายพลเหล่านี้รับราชการทหารมาทั้งชีวิตเหมือนข้าราชการในอาชีพอื่น ๆ แต่อะไรที่ทำให้นายพลเป็นข้าราชการที่มั่งคั่งได้ถึงเพียงนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเข้ามามีอิทธิพลและตำแหน่งทางการเมืองและทางธุรกิจของทหาร เป็นเส้นทางเศรษฐีของบุคคลระดับสูงในกองทัพ ผ่าน 5 แหล่งขุมทรัพย์ทางธุรกิจ ประกอบด้วย </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">1) ที่ดินราชพัสดุซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทัพ</span></h2>
<p>กองทัพไทยคือหน่วยงานที่ครอบครองที่ดินกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยสิ่งที่น่าสนใจคือ ที่ดินราชพัสดุที่อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์กว่า 12.5 ล้านไร่ กองทัพทั้งสามเหล่าครอบครองไว้จำนวนเกือบ 7.5 ล้านไร่ </p>
<p>และสิ่งที่น่าตกใจก็คือ กองทัพมีสถานีบริการน้ำมัน 150 แห่ง มีสนามกอล์ฟ 74 แห่งซึ่งสร้างรายได้หลายพันล้านบาทต่อปี มีร้านสะดวกซื้อของเจ้าสัวรายหนึ่งที่ผูกขาดเป็นร้านค้าสวัสดิการในค่ายทหาร มีธุรกิจตลาดนัด กิจการสโมสร โรงแรม สนามมวย สนามม้า รวมไปถึงสถานพักฟื้นพักผ่อนของกองทัพ </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53485969387_2137101862_b.jpg" /></p>
<p>นอกจากนี้ กองทัพยังใช้ที่ดินของรัฐไปทำโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อนำไปจัดสรรให้กับกำลังพล เช่น โครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ หรือโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โดยได้รับความร่วมมือจากกรมธนารักษ์ด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ากำลังพลคนไหนถ้าจะเข้าร่วมโครงการ ก็ต้องมีนายทหารผู้บังคับบัญชาเป็นคนเซ็นรับรองให้ ดังนั้น ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการเอาที่ดินของรัฐไปจัดสรรให้กำลังพล ก็เห็นจะมีแต่นายทหารระดับผู้บังคับบัญชาเท่านั้น</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">2) การเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ </span></h2>
<p>หลังการรัฐประหารทุกครั้ง จำนวนนายพลที่เข้าไปมีตำแหน่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่งก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้ต่อปีรวมกันกว่า 5 ล้านล้านบาท โดยหลังการรัฐประหารครั้งล่าสุด มีจำนวนนายพลที่เข้าไปนั่งเป็นประธานในบอร์ดรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53487180219_8c3964c01c_b.jpg" /></p>
<p>เบญจายังระบุด้วยว่า มีรัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่ประกอบกิจการไม่ตรงกับความชำนาญของบุคลากรจากกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นการรถไฟฯ การนิคมอุตสาหกรรมฯ การท่าเรือฯ การท่องเที่ยวฯ ธุรกิจพลังงานอย่าง ปตท. รวมไปถึงบอร์ดธนาคาร สถาบันการเงิน หรือแม้แต่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งบอร์ดนอกจากมีอำนาจในการกำกับดูแลและบริหารแล้ว ยังได้รับประโยชน์ตอบแทนจากรัฐวิสาหกิจที่ตนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการด้วย บางรายนั่งเป็นบอร์ดหลายแห่งในเวลาเดียวกัน หลายรายได้รับทั้งค่าตอบแทนรายเดือน ค่าเบี้ยประชุม โบนัส เงินเดือนประจำตำแหน่งนายพล ค่าตอบแทนรถประจำตำแหน่ง จนกลายเป็นเส้นทางเศรษฐีของนายพลหลายคนในกองทัพไทยไปแล้ว</p>
<p>ที่น่าสังเกตคือ บอร์ดรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่มักจะถูกเปลี่ยนแปลงหลังเกิดการรัฐประหารทุกครั้ง คำถามสำคัญคือ รัฐวิสาหกิจเหล่านี้จะมีความโปร่งใสในการบริหารมากน้อยเพียงใด จะมีการใช้อำนาจที่ทับซ้อน ก่อให้เกิดการเอื้อผลประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้องอย่างไรบ้าง เราไม่เคยตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ได้เลย</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">3) งบประมาณกระทรวงกลาโหม </span></h2>
<p>ในปี 2548 กระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณอยู่ที่ 8.1 หมื่นล้านบาท แต่หลังจากการรัฐประหาร 2549 เป็นต้นมา งบประมาณกระทรวงกลาโหมก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปี 2552 และหลังจากการรัฐประหาร 2557 งบประมาณกระทรวงกลาโหมก็เพิ่มขึ้น 3 เท่าในปี 2563 เป็น 2.3 แสนล้านบาท จึงทำให้เห็นชัดว่า งบประมาณที่กองทัพได้รับสัมพันธ์กับอำนาจที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ งบประมาณกระทรวงกลาโหมแทบจะไม่เคยได้ปรับลด หรือปรับลดได้น้อยมาก หรือเมื่อปรับลดได้แล้วแต่สุดท้ายก็ไปอนุมัติเพิ่มเติมกันในภายหลัง</p>
<p>นอกจากนี้ยังแทบไม่มีหน่วยงานใดที่เข้าไปตรวจสอบงบประมาณกลาโหมได้ แม้แต่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นี่จึงเป็นที่มาที่ทำให้เกิดการทุจริต มีเงินทอนในโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ตั้งแต่โครงการจัดซื้อรถถัง เรือดำน้ำ เฮลิคอปเตอร์ ยานยนต์สรรพาวุธ จีที 200 ที่ใช้งานไม่ได้ หรือแม้กระทั่งโครงการจัดซื้อกางเกงในทหาร</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53485969382_1d4471d311_b.jpg" /></p>
<p>“นี่คือคลังสมบัติที่มาจากงบประมาณจำนวนมหาศาล ส่งผลตามมาด้วยการตั้งบริษัททหารรับงานกองทัพ ทำธุรกิจหากินกับโครงการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพ ยิ่งมีงบประมาณที่มากขึ้นเท่าไร ก็ย่อมตามมาด้วยภารกิจที่ใหญ่ยิ่งในการนำงบไปลงทุนในธุรกิจ ส่งผลตามมาด้วยทรัพย์สินและอำนาจของทหารระดับนายพลและคนในเครือข่ายที่ก็จะยิ่งใหญ่ตามไปด้วย” เบญจากล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">4) สื่อที่อยู่ในมือกองทัพ</span></h2>
<p>ปัจจุบันกองทัพถือครองคลื่นความถี่และประกอบกิจการในระบบวิทยุกระจายเสียงมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ รวม 205 คลื่น โดยรายได้ของธุรกิจวิทยุส่วนใหญ่มาจากการขายโฆษณาและค่าเช่าคลื่น แต่ไม่ไม่มีใครทราบตัวเลขรายได้จากธุรกิจวิทยุทั้ง 205 คลื่นของกองทัพเลย </p>
<p>แต่ที่แน่ ๆ ตัวเลขรายได้ยังคงเป็นที่ดึงดูดสำหรับผู้ประกอบการหลายราย จากการที่มีผู้เข้าประมูลคลื่นวิทยุกันอย่างดุเดือดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา มีการประมูลคลื่นไปด้วยเม็ดเงินถึง 700 ล้านบาท โดยที่กองทัพไม่จำเป็นต้องนำส่งคืนคลื่นของตนเองกลับมาจัดสรรใหม่แต่อย่างใด</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53487180214_d6522c7173_b.jpg" /></p>
<p>เบญจายกตัวอย่างสถานีวิทยุ FM 93 MHz คูลฟาเรนไฮต์ และ FM 94 MHz อีเอฟเอ็ม ซึ่งเป็นสถานีวิทยุเรตติ้งอันดับต้น ๆ ในกรุงเทพฯ ที่ยังคงถูกครอบครองโดยกองทัพจนถึงวันนี้ และไม่มีข้อมูลว่าสัมปทานจากการเช่าคลื่นวิทยุนี้มีราคาเท่าใด เท่าที่พอหาได้ก็มีแต่คลื่นไลฟ์เรดิโอ FM 99.5 MHz ซึ่งทำสัญญาเช่าคลื่นวิทยุจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นเวลา 2 ปี ด้วยจำนวนเงินทั้งสิ้น 64.8 ล้านบาท นี่เป็นเพียงการเช่าคลื่นหนึ่งคลื่นที่อยู่ในมือกองทัพเท่านั้น ถ้ารวมทั้งหมด 205 คลื่นจะเป็นจำนวนเงินมหาศาลเพียงใด แต่ประชาชนไม่เคยเห็นตัวเลข และไม่เคยได้รับการเปิดเผยใด ๆ จากกองทัพ</p>
<p>เบญจากล่าวต่อไปว่า ตนเข้าใจดีว่าที่ผ่านมากองทัพเคยใช้ข้ออ้างเรื่องความมั่นคงมาแช่แข็งเวลา แต่ในยุคสมัยนี้ การที่กองทัพจะอ้างเรื่องความมั่นคงไม่น่าจะฟังขึ้นแล้ว สถานีเหล่านี้ได้กลายเป็นคลื่นเปิดเพลงเพื่อความบันเทิง และไม่เคยมีเนื้อหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือการป้องกันประเทศอีกแล้ว</p>
<p>นอกจากนี้ กองทัพยังคงเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิทัล (MUX) รายใหญ่ที่สุดในประเทศแบบผูกขาด หลังจาก กสทช.อนุมัติใบอนุญาตต่อเวลาให้เพิ่มอีก 15 ปีหลังการรัฐประหาร ต่อมา กสทช.ยังอนุมัติให้กองทัพได้รับใบอนุญาตการให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิทัลเพิ่มอีกหนึ่งใบ เพื่อแลกกับการไปเจรจากับคู่สัญญาสัมปทานอย่างบริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ (BBTV) ให้ย่นระยะเวลาสัมปทานของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ลง เพื่อช่วยให้การยุติทีวีระบบอนาล็อกเร็วขึ้น</p>
<p>โครงข่ายโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล (MUX) ยังถือเป็นขุมสมบัติสำคัญของกองทัพ ที่ช่องทีวีดิจิทัลจะต้องมาเช่า ททบ.5 เพื่อใช้แพร่ภาพกระจายเสียง โดยมีค่าเช่าประเภทช่องความคมชัดสูง (HD) อยู่ที่เดือนละ 10.5 ล้านบาท และค่าเช่าประเภทช่องความคมชัดปกติ (SD) อยู่ที่เดือนละ 3.5 ล้านบาท โดยช่องที่ใช้โครงข่ายฯ ของกองทัพมีอยู่ 14 ช่อง แบ่งเป็นช่องความคมชัดสูง 5 ช่อง และช่องความคมชัดปกติ 9 ช่อง เท่ากับว่า ททบ.5 ได้เงินค่าเช่าโครงข่ายฯ 1,008 ล้านบาทต่อปี ไม่รวมกับค่าโฆษณา ค่ารับจ้าง และบริการอื่น ๆ อีกหลายพันล้านบาทต่อปี แต่ตัวเลขเหล่านี้ไม่เคยปรากฏชัดในเอกสารใด ๆ เลย</p>
<p>เบญจาระบุอีกว่า รายได้นี้มาจากการที่ กสทช.ไปเปลี่ยนเงื่อนไขให้ ททบ.5 สามารถหารายได้จากการโฆษณาและแสวงหากำไรได้ โดยสามารถมีการโฆษณาได้เฉลี่ยชั่วโมงละ 8-10 นาที เท่ากับทีวีดิจิทัลธุรกิจ ปัจจุบันกองทัพจึงกลายเป็นเสือนอนกิน รับรายได้จากคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ ฟันกำไรมหาศาล ผูกขาดโดยไม่ต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นเลย</p>
<p>“ถึงเวลาแล้วที่กองทัพจะคืนสมบัติที่เป็นสาธารณะอย่างขุมทรัพย์สื่อ ทั้งสถานีโทรทัศน์และวิทยุ คืนสิทธิการจัดสรรทรัพยากรในการสื่อสารให้กับประชาชน” เบญจากล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">5) ธุรกิจพลังงานของกองทัพ </span></h2>
<p>กองทัพเป็นอีกหนึ่งกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่ผูกขาดธุรกิจพลังงาน ทั้งธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจไฟฟ้า และโซล่าร์ฟาร์ม จากข้อมูลกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และกรมการพลังงานทหาร ระบุไว้ว่า ปัจจุบันกองทัพสามารถผลิตน้ำมันดิบที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ได้ปีละ 3.65 แสนบาเรล เมื่อคำนวณด้วยราคากลางย้อนหลัง 60 ปี (50 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล) จะนับเป็นมูลค่าปีละ 625 ล้านบาท และหากคำนวณตามระยะเวลาที่ดำเนินการมาแล้ว 68 ปี จะคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4.43 หมื่นล้านบาท </p>
<p>กองทัพอ้างว่าผลผลิตเหล่านี้ดำเนินการภายในกรมการพลังงานทหาร เอาไว้ใช้เพื่อป้องกันประเทศและเพื่อความมั่นคงในเขตทหาร แต่ก็ต้องตั้งคำถามว่าขุมทรัพย์ใต้ดินที่กองทัพผลิตได้มีปริมาณเท่าใด ใช้ภายในกองทัพเท่าใด ขายออกไปสู่ตลาดภายนอกเท่าใด มีการส่งออกไปที่ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานรัฐในรูปแบบการค้าหรือไม่ ทั้งหมดนี้ไม่เคยมีการเปิดเผย หลายครั้งกรรมาธิการงบประมาณขอดูรายได้จากส่วนการขายน้ำมันนี้ แต่กองทัพก็ไม่เคยนำส่งรายได้หลายหมื่นล้านบาทนี้เข้ากระทรวงการคลัง</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53487288895_5220d81ec8_b.jpg" /></p>
<p>เบญจาระบุต่อไปว่า กองทัพยังมีธุรกิจไฟฟ้าในครอบครอง โดยกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ที่ตั้งขึ้นมากว่า 84 ปีแล้วโดยฐานทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งที่ผ่านมาในอดีตใช้เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับหน่วยงานราชการทหารและหน่วยราชการฝ่ายพลเรือนในเขตพื้นที่ทหารเท่านั้น แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ก็ได้มีการขยายเขตเหล่านี้เข้าไปบริการให้ประชาชนได้ใช้ โดยวันนี้มีประชาชนมากกว่าแสนคนที่ต้องใช้ไฟจากกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ</p>
<p>แต่ด้วยขีดความสามารถและความชำนาญของกองทัพที่มีอยู่จำกัด จึงสร้างปัญหากระแสไฟฟ้าตกและดับบ่อย เครื่องใช้ไฟฟ้าของประชาชนในพื้นที่ก็ได้รับความเสียหายโดยไม่เคยมีใครรับผิดชอบ ตามมาด้วยราคาค่าไฟที่แพงและสูงมากกว่าปกติ ตนจึงเห็นว่ากองทัพควรปล่อยวางจากธุรกิจไฟฟ้าได้แล้ว ทบทวนบทบาทที่แท้จริงของตัวเอง และให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีขีดความสามารถและความชำนาญเข้ามาจัดการตามบทบาทหน้าที่ดีกว่า</p>
<p>เบญจาอภิปรายต่อไปถึงกรณีโซลาร์ฟาร์ม โดยระบุว่าเมื่อปี 2552 การก่อตัวและการลงทุนด้านพลังงานของกองทัพปรากฏเด่นชัดขึ้น เมื่อมีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการพลังงานทหาร โดยให้กระทรวงกลาโหมและสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมมีอำนาจในการจัดการทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการพลังงานทหาร รวมถึงมีอำนาจในการเข้าไปร่วมลงทุนหรือจัดตั้งบริษัท เพื่อให้ดำเนินงานสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ทำให้ในปี 2558 กองทัพบกจึงริเริ่มนำที่ดินราชพัสดุที่อยู่ในครอบครองจำนวน 4,000 ไร่มาผลิตไฟฟ้าและพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกันกับเอกชน ตั้งโซลาร์ฟาร์ม 310 เมกะวัตต์ โดยมีการขอให้กระทรวงพลังงานเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มในที่ดินกองทัพบกเพิ่มอีก และขยายโครงการอีกกว่า 20 แห่ง </p>
<p>นโยบายการสนับสนุนรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มเป็นรายได้จำนวนมหาศาลมาก ถ้ายึดตามช่วงเวลา ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 3 บาทต่อหน่วย ในระยะเวลา 25 ปีโครงการโซลาร์ฟาร์มของกองทัพจะมีรายได้กว่า 3.34 หมื่นล้านบาท ไม่เพียงเท่านั้น ในปี 2564 กองทัพบกและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยยังได้ร่วมกันศึกษาพัฒนาการลงทุนโซลาร์ฟาร์มบนที่ดินราชพัสดุ 600,000 ไร่ เพื่อให้รองรับการผลิตโซลาร์ฟาร์มได้ 30,000 เมกะวัตต์ โดยนำพื้นที่ของกองทัพบกทั่วประเทศกว่า 4 ล้านไร่มาพัฒนาและบริหารจัดการ ซึ่งจะทำให้เกิดการผลิตไฟฟ้ายาวนานต่อเนื่องไปอีก 25 ปี </p>
<p>อย่างไรก็ตาม ขุมทรัพย์มหาศาลจากการลงทุนในพลังงานทั้งหมดนี้ไม่ปรากฏต่อสาธารณะว่าจะจัดสรรให้นายพลคนใด กองทัพได้ไปเท่าใด กรมธนารักษ์จะได้ไปในสัดส่วนใด และคงเหลือคืนคลังเท่าใด</p>
<p>เบญจาอภิปรายทิ้งท้ายว่า ธุรกิจกองทัพที่ตนได้อภิปรายไปทั้งหมด เป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศนี้ แม้ว่าวันนี้พรรคก้าวไกลจะเป็นเพียงฝ่ายค้าน ยังไม่สามารถที่จะผลักดันนโยบายปฏิรูปกองทัพให้สำเร็จเป็นจริงได้ แต่การตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาเพื่อศึกษาการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพ จะเป็นประตูบานแรกที่จะทำให้สภาผู้แทนราษฎรได้ร่วมกันพิจารณาอย่างจริงจังว่า กองทัพมีความจำเป็นขนาดไหนที่จะต้องครอบครองที่ดินจำนวนมหาศาล มีค่ายทหารตั้งอยู่บนที่ดินใจกลางกรุงเทพฯ และผูกขาดการทำธุรกิจที่ทำธุรกิจต่าง ๆ ถึงเวลาหรือยังที่ต้องมีการปฏิรูปกองทัพ คืนทหารให้ประชาชน คืนนายพลกลับไปทำงานในกองทัพ และคืนธุรกิจกองทัพหลายหมื่นล้านบาทให้กับรัฐบาล ปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมกลับไปเท่าก่อนรัฐประหาร แล้วประเทศไทยจะมีงบประมาณเพิ่มหลายแสนล้านบาท เพื่อมาเป็นสวัสดิการให้กับประชาชน</p>
<p>“ถ้างบประมาณและทรัพยากรของประเทศนี้ถูกจัดลำดับความสำคัญอย่างถูกที่ถูกทาง ไม่กระจุกตัวอยู่แค่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่จัดสรรผลประโยชน์โดยให้ประชาชนเป็นที่ตั้ง วิธีการเช่นนี้จะเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนได้ การปฏิรูปกองทัพกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องคือเรื่องเดียวกัน” เบญจากล่าว</p>
<p>ท้ายที่สุด ที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจต่าง ๆ ของกองทัพ ไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยกรรมาธิการจำนวน 25 คน และกำหนดระยะเวลาการพิจารณา 90 วัน โดยกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลมีจำนวน 6 คน ได้แก่ 1) เบญจา แสงจันทร์ 2) เชตวัน เตือประโคน 3) จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ 4) กิตติพงษ์ ปิยะวรรณโณ 5) รศ.พวงทอง ภวัครพันธุ์ และ 6) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107777
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
[ข่าวมาแรง] - 'ก้าวไกล' ประกาศการเมืองไทยเข้าสู่ซีซัน 2 ‘ก้าวไกล vs. การเมืองระบบเก่า’
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 141 กระทู้ล่าสุด 27 สิงหาคม 2566 16:43:08
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - 'ก้าวไกล' เสนอญัตติตั้ง กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ ห่วงกระบวนการพูดคุยสันติภาพชะ
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 110 กระทู้ล่าสุด 11 ตุลาคม 2566 22:43:26
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - 'ก้าวไกล' ตั้งคณะทำงานพิเศษป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศ
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 59 กระทู้ล่าสุด 21 ตุลาคม 2566 14:05:20
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - ‘ก้าวไกล’ ชวนประชาชนแสดงความเห็นร่างกฎหมาย ‘ยุบ กอ.รมน.’
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 137 กระทู้ล่าสุด 28 ตุลาคม 2566 21:35:18
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - 'ก้าวไกล' เป็นเจ้าภาพจัดประชุมเครือข่ายพรรคการเมืองแนวสังคมประชาธิปไตยเอเ
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 84 กระทู้ล่าสุด 17 พฤศจิกายน 2566 23:18:22
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.612 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 25 เมษายน 2567 00:39:08