จากมุมมองของนักสิทธิแรงงาน-ผู้ลี้ภัย 'ไทยพร้อมเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของ UN หรือยัง'
<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-03-02 01:45</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><div class="summary-box">
<ul>
<li>ภาคประชาสังคม จัดงาน "ไทยกับเก้าอี้คณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ มุมมองจากสถานการณ์การคุ้มครองแรงงานและประชากรข้ามชาติ" พร้อมส่งข้อเสนอถึงรัฐบาลไทย</li>
<li>การปาฐกถาจาก 'วิทิต มันตาภรณ์' ฉายภาพรวมปัญหาด้านการคุ้มครองสิทธิ แรงงานข้ามชาติ แรงงานไทย ผู้ลี้ภัย และคนไร้รัฐไร้สัญชาติ และข้อเสนอถึงรัฐไทยจากมุมมองนักนิติศาสตร์</li>
<li>ภาคประชาสังคมอ่านแถลงการณ์ข้อเสนอถึงรัฐไทย หนุนทางการให้สัตยาบัน ILO 87 และ 98 เพื่อให้แรงงานทุกกลุ่มสามารถตั้งสหภาพฯ และรวมตัวต่อรองกับนายจ้าง พัฒนาระบบคัดกรองแห่งชาติ และมีแผนรับมือสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา </li>
</ul>
</div>
<p> </p>
<p>1 มี.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (1 มี.ค.) ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย หรือ FCCT กรุงเทพฯ เครือข่ายองค์การด้านประชากรข้ามชาติ (MGW) องค์กรด้านแรงงาน "The Solidarity Center" มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ร่วมด้วยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล ไทยแลนด์ ร่วมจัดงาน "ไทยกับเก้าอี้คณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ มุมมองจากสถานการณ์การคุ้มครองแรงงานและประชากรข้ามชาติ"</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="314" scrolling="no" src="
https://www.facebook.com/plugins/video.php?height=314&href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FHRDFThailand%2Fvideos%2F1555195645274818%2F&show_text=false&width=560&t=0" style="border:none;overflow:hidden" width="560"></iframe></p>
<p>กำหนดการภายในงานจะมีการปาญกฐาหัวข้อ "ไทยและคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อเจนด้าภาคสอง ?" โดย ศาสตราจารย์กิตติคุณ วิทิต มันตาภรณ์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย งานเสวนาหัวข้อ "สถานการณ์การคุ้มครองแรงงานและผู้อพยพ เมื่อไทยประกาศลงชิงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ" และการอ่านแถลงการณ์ข้อเสนอแนะถึงรัฐบาลไทย</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">บทบาทหน้าที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ</span></h2>
<p>เพ็ญพิชชา จรรย์โกมล จากมูลนิธิสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา พิธีกร ระบุว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ 23 ส.ค. 2566 เริ่มมีการรับสมัครสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะมีวาระตั้งแต่ พ.ศ. 2568-2569 จะมีการเลือกตั้งในเดือน ต.ค. 2567 สำหรับบทบาทของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนฯ มีบทบาทสอดส่องตรวจตราการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วโลก และหยุดยั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไปจนถึงการสร้างบรรทัดฐานส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชน</p>
<p>ก่อนหน้านี้ ประเทศไทย เคยดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2553 จนถึง 2556 แต่ปี 2556-2560 ประเทศไทยมีการสมัครไว้แต่ไม่ได้รับเลือกตั้งในคณะมนตรีชุดนี้ และร่วม 10 ปีที่ประเทศไทยไม่ได้เป็นสมาชิกคณะมนตรีชุดนี้ การลงสมัครเลือกตั้งคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชนของไทย แสดงให้เห็นเจตจำนงของไทยที่ต้องการพัฒนาสิทธิมนุษยชน แต่ในด้านสิทธิแรงงาน ผู้ลี้ภัย บุคคลไร้รัฐ และแรงงานข้ามชาติ ประเทศไทยพร้อมเข้าเป็นสมาชิกหรือยัง สามารถร่วมหาคำตอบได้ในงานนี้ </p>
<p>เวลา 17.45 น. ศาสตราจารย์กิตติคุณ วิทิต มันตาภรณ์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "ไทยและคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อเจนด้าภาคสอง?"</p>
<p>วิทิต กล่าวปาฐกถาระบุว่า ก่อนหน้านี้ เขาเคยเรียกร้องให้ทางการไทยไม่มีการดำเนินคดีอาญากับเยาวชนที่แสดงออกทางการเมืองอย่างสันติ 280 ราย หรือหากต้องใช้กฎหมาย ขอให้ใช้กฎหมายอื่นๆ ที่ไม่ใช่กฎหมายอาญา </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53561839943_30dcfecb09_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">วิทิต มันตาภรณ์</span></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ไทยและคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อเจนด้าภาค 2</span></h2>
<p>วิทิต ระบุว่า เขาจะขอแบ่งหัวข้อการพูดด้านการคุ้มครองสิทธิออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มผู้ลี้ภัย 2. ผู้ไร้รัฐไร้สัญชาติ 3. แรงงานไทย และ 4. แรงงานข้ามชาติ และแต่ละกลุ่มจะมีการแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเพื่อปูพื้น ประกอบด้วย กฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายและการปฏิบัติในไทย และอุปสรรคและการแก้ไขเพื่ออนาคต</p>
<p>วิทิต กล่าวว่า สำหรับกลุ่มที่ 1 การคุ้มครองสิทธิผู้อพยพลี้ภัย หรือผู้ที่หลบหนีภัยในการประหัตประหาร หรือภัยสงครามเข้ามา เมื่อมองใน 3 หัวข้อ คือ กฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายการปฏิบัติในประเทศ และอุปสรรคนั้น ต้องบอกว่าไทยไม่ได้เป็นภาคีในอนุสัญญาผู้ลี้ภัย ไทยเป็นภาคีอนุสัญญา 7 ฉบับ ใช้เพื่อคุ้มครองผู้อพยพลี้ภัยได้บ้าง เช่น มาตรา 13 อนุสัญญาว่าด้วยกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กำหนดว่าห้ามส่งคนต่างด้าวออกจากประเทศพลการ รวมถึงผู้อพยพลี้ภัย </p>
<p>นอกจากนี้ ประเทศไทยเคยให้คำมั่นสัญญาช่วงสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 8 ข้อ หนึ่งในนั้นคือการพยายามกลั่นกรองและพัฒนากระบวนการคัดกรองผู้ลี้ภัย (NSM) เพื่อให้เขาอยู่ต่อได้ ถ้าเขาผ่านกระบวนการ </p>
<p>อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ระบุว่า เมื่อมาถึงกระบวนการภายในประเทศ สิ่งที่มากระทบมากที่สุด คือการใช้กฎหมายคนเข้าเมืองกับผู้อพยพที่เข้ามา ซึ่งบางครั้งยืดหยุ่นให้เข้ามาได้ แต่บางครั้งก็ไม่ กฎหมายคนเข้าเมืองมีปัญหาทั่วโลก เนื่องจากกฎหมายนี้สันนิษฐานว่า ผู้ที่เข้าเมืองผิดกฎหมายเป็นผู้ที่รัฐต้นทางปกป้องไว้ก่อน และเมื่อถูกจับจะถูกส่งกลับ แต่กฎหมายนี้มีปัญหาเมื่อถูกบังคับใช้กับผู้อพยพลี้ภัยที่รัฐต้นทางไม่ได้ปกป้อง ซึ่งต้องมาทบทวนว่าจะทำยังไง</p>
<p>วิทิต มองว่า อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นคือการมี พ.ร.บ.ป้องกันการซ้อมทรมาน และบังคับสูญหาย โดยมาตรา 83 กำหนดว่า ห้ามส่งใครก็ตามกลับประเทศต้นทางที่อาจจะเป็นภัยต่อชีวิตของเขา ซึ่งอันนี้ต้องบังคับใช้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กฎหมายอื่นๆ มีหลายส่วนที่ขจัดการเลือกปฏิบัติเช่นกฎหมายการศึกษา ซึ่งเปิดให้กับเด็กอพยพลี้ภัย ถึงแม้ว่าหลวมไปหน่อยในทางปฏิบัติ</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ชงข้อเสนอช่วยผู้ลี้ภัย 4 กลุ่ม</span> </h2>
<p>สำหรับข้อเสนอ วิทิต แบ่งกลุ่มผู้ลี้ภัยออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มผู้ลี้ภัยเดิม 9 หมื่นคน ที่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยตามตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา เขาขอชื่นชมว่า ประเทศไทยทำงานได้ดีพอสมควร แต่ขอให้ดีขึ้นอีก ให้ผู้ลี้ภัยเดิมได้เรียนอย่างต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษา เอกสารต้องชัดและรับรองเอกสารในการศึกษาด้วย </p>
<p>วิทิต เสนอให้ผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้สามารถทำงานได้ ทำให้เขาต้องแอบทำงาน และเรียกร้องให้เขามีโอกาสได้ทำงาน เพราะตอนนี้เราขาดแรงงาน เขาอยู่เฉยๆ มา 30 ปีแล้ว และคนที่ได้ผลประโยชน์จริงๆ คือคนในชุดยูนิฟอร์ม</p>
<p>2. ผู้ลี้ภัยจากการหนีภัยสงคราม การทิ้งระเบิดโดยเครื่องบินรบของกองทัพพม่า หลังจากรัฐประหารเมื่อปี 2564 ตามชายแดน วิทิต มีข้อเสนอ 3 อย่าง ให้เขาเข้ามาชั่วคราวอย่างน้อย 2. ไม่ผลักดันกลับ และ 3. ต้องเข้าถึงสิทธิพื้นฐาน เช่น เรื่องข้าว น้ำ และการสาธารณสุข เป็นต้น</p>
<p>3. กลุ่มผู้ลี้ภัยกัมพูชา วิทิต เสนอว่า ไม่ผลักดันกลับไปเผชิญอันตราย สามารถอาศัยในประเทศไทยชั่วคราว และต้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน และวิทิต ระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ที่รัฐบาลไทยเคยผลักดันกลับไปประเทศต้นทาง ตอนนี้ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ </p>
<p>4. ผู้ลี้ภัยเมืองซึ่งมีหลายสัญชาติ กลุ่มนี้อยู่ได้ชั่วคราวในทางปฏิบัติ และตอนนี้ประเทศไทยกำลังบังคับใช้กฎหมายคัดกรองแห่งชาติ หรือ NSM ให้เป็นผู้ที่ได้รับการคุ้มครอง และเกณฑ์ล่าสุดคือ ห้ามแรงงานข้ามชาติเข้ากระบวนการนี้ ต้องเป็นคนที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นเท่านั้น ดังนั้น วิทิต ระบุว่าอยากให้บังคับใช้อย่างเร่งด่วน และอยากให้มีการทำงานประสานงานร่วมกันกับ ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ให้สัญชาติ ผู้ไร้รัฐ และบุคคลไร้สัญชาติ ที่เกิดในไทย </span></h2>
<p>อาจารย์จากคณะนิติฯ จุฬาฯ ระบุว่า สนธิสัญญาเกี่ยวกับคนไร้รัฐ และไร้สัญชาติ มี 2 ฉบับ คือเมื่อปี 1954 และ 1961 ไทยไม่ได้เป็นภาคี และภายใต้สนธิสัญญานี้ใครที่ไร้สัญชาติไร้รัฐ จะต้องได้สัญชาติของรัฐที่เขาเกิด แต่ไทยไม่ได้เป็นภาคี อย่างไรก็ดี ไทยเป็นภาคีในอนุสัญญา 7 ฉบับจาก 9 ฉบับ ซึ่งช่วยในเรื่องการศึกษาอย่างไม่เลือกปฏิบัติ แต่ประเด็นปัญหาคือ ไทยมีกฎหมายเยอะเหลือเกิน เช่น กฎหมายสัญชาติ กฎหมายคนเข้าเมือง และอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องแต่มีแนวโน้มที่ดี มีแคมเปญรณรงค์ให้สัญชาติ ซึ่ง 3 ปีก่อน มีสถิติล่าสุดคือประมาณ 5 แสนคนในไทยไม่มีสัญชาติ</p>
<p>ข้อเสนอคือ 1. เด็กที่เกิดในไทยที่ไม่มีสัญชาติ ง่ายที่สุดคือให้สัญชาติไทย 2. กลุ่มที่ไม่ได้เกิดในไทย แต่ไร้สัญชาติ ให้สถานะ ‘residency’ เพื่อให้เขาทำงานได้ และอย่าใช้กฎหมายคนเข้าเมือง 3. สภาผู้แทนราษฎร เพิ่งรับหลักการกฎหมายเรื่องสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ซึ่งผู้ที่ตกหล่นจะต้องได้สัญชาติไทย และนอกจากนั้น สภาฯ จะเป็นปากเสียงและขจัดการเลือกปฏิบัติต่อพวกเขาได้</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กฎหมายคุ้มครองแรงงาน ต้องช่วยแรงงานนอกระบบ และแรงงานแพลตฟอร์ม</span></h2>
<p>วิทิต ระบุว่า เราเป็นภาคีอนุสัญญาแรงงาน 20 ฉบับ จาก 190 ฉบับ ขององค์การแรงงานสากล หรือ ILO และใน 190 ฉบับ จะมี 8 ฉบับ จะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่เราเป็นภาคี 6 จาก 8 ฉบับ ใน 8 ฉบับ มีห้ามบังคับใช้แรงงาน ต้องยกเลิกบังคับใช้แรงงาน ห้ามเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน ปกป้องคุ้มครองแรงงานเด็ก ป้องกันเอาเด็กมาเหยื่อโสเภณี และอื่นๆ </p>
<p>วิทิต ระบุต่อว่า ที่ไม่เป็นภาคี ซึ่งจะได้ยินอีกเรื่อง freedom association หรือการสมาคม ตั้งสหภาพแรงงาน และการร่วมเจรจา นี่คือสนธิสัญญา 87 และ 98 ฉบับ</p>
<p>อาจารย์คณะนิติฯ ระบุว่า ข้อเสนอคือกฎหมายคุ้มครองแรงงานต้องครอบคลุมกลุ่มที่เป็นแรงงานนอกระบบ หรือ informal economy ควรต้องมาอยู่ในกรอบการคุ้มครอง อย่างแรงงานภาคการเกษตร หรือแรงงานยุคใหม่คือแรงงานแพลตฟอร์ม ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีสิทธิการรวมกลุ่ม </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ต้องคุ้มครองสิทธิแรงงานข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานบนดินหรือใต้ดิน</span></h2>
<p>วิทิต ระบุว่า ไทยเป็นภาคี 6 ฉบับจาก 8 ฉบับตามที่กล่าวข้างต้น แต่เมื่อพูดถึงสนธิสัญญาระดับนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับแรงงานข้ามชาติ เราไม่ได้เป็นภาคี อย่างไรก็ดี ไทยร่วมกับ Global Compact on Migration และที่สำคัญ ไทยมีข้อตกลงร่วมกับ MOU ในประเทศข้างเคียง ซึ่งเป็นการเช็กการเข้า-ออกของแรงงานข้ามชาติจากประเทศข้างเคียงทั้งหลาย ซึ่งอยากให้มันคล่องมากขึ้น ลดกระดาษ และกระบวนการราชการ ซึ่งทำให้การขับเคลื่อนประเด็นเหล่านี้ยากมากยิ่งขึ้น</p>
<p>อาจารย์จุฬาฯ ระบุต่อมาว่า แรงงานถูกกฎหมาย และแรงงานผิดกฎหมาย ต้องได้รับการคุ้มครองปกป้องจากการเอารัดเอาเปรียบเขา อย่าใช้กฎหมายเรื่องการเข้าเมืองผิดกฎหมาย ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตามต้องปกป้องสิทธิของแรงงานข้ามชาติ ทำร้ายเขาไม่ได้ เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ไม่ได้ และต้องจ่ายค่าแรงเทียบเท่ากัน ไม่เกี่ยวกับผิดหรือถูกกฎหมาย </p>
<p>วิทิต อยากเสนอให้ MOU คล่องตัวมากยิ่งขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่เรา ตลาดของเราต้องการแรงงานมากในอนาคต </p>
<p>สุดท้าย วิทิต เสนอว่า มาตรฐานสากลโดยเฉพาะสนธิสัญญาสากลเป็นสิ่งที่สำคัญ และคำมั่นสัญญาที่ไทยน่าจะให้คือ การเป็นภาคีมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันจะได้ชัดขึ้นเรื่องมาตรฐาน และมีการมอนิเตอร์เรื่องความโปร่งใส 2. การบังคับใช้กฎหมายและนโยบายที่ดี และกฎหมายที่มันแย่ อย่าบังคับใช้นัก กฎหมายอาญาอื่นๆ และกฎหมายคนเข้าเมือง 3. ต้องมีการร่วมมือระหว่างกระทรวงทั่งหลาย 4. การร่วมมือกับ NGO และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และ 5. การมีส่วนร่วมของผู้อพยพลี้ภัย คนไร้สัญชาติ แรงงาน และแรงงานข้ามชาติ ไทยต้องมองว่าเขามีสิทธิต่างๆ ไม่ใช่ถูกมองเป็นวัตถุ และถูกเอารัดเอาเปรียบ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">MGW อ่านแถลงการณ์ข้อเสนอแนะถึงรัฐไทย</span></h2>
<p>เมื่อเวลา 19.50 น. อดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงาน องค์กรด้านประชากรข้ามชาติ หรือ Migrant Working Group - MGW อ่านแถลงการณ์ข้อเสนอแนะถึงรัฐบาลไทย 4 ประการ </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53562087720_62677fc3af_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">อดิศร เกิดมงคล</span></p>
<div class="note-box">
<h2><span style="color:#2980b9;">รายละเอียดแถลงการณ์ </span></h2>
<p style="text-align: center;"><strong>แถลงท่าทีและข้อเสนอแนะของเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติต่อรัฐบาลไทยก่อนการเลือกตั้งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ</strong></p>
<p style="text-align: center;"><strong>1 มีนาคม 2567</strong></p>
<p>ตามที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 รับทราบการลงสมัครสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติของประเทศไทย (United Nations Human Rights Council: HRC) วาระปี ค.ศ. 2025-2027 (พ.ศ. 2568-2670) ซึ่งมีกำหนดเลือกตั้งในช่วงเดือนตุลาคม 2567 โดยในกระบวนการสมัครนั้นตามข้อมติสหประชาชาติที่ 60/251 ไทยจัดทำเอกสาร คำมั่นโดยสมัครใจที่จะดำเนินการให้เกิดความก้าวหน้าในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในด้านต่างๆ</p>
<p>คำมั่นโดยสมัครใจของไทยจำนวน 10 ข้อ พบว่าเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้านแรงงาน ผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐาน อยู่หลายกรณี เช่น การศึกษาความเป็นไปได้ในการเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบัน คือ อนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานข้ามชาติและสมาชิกในครอบครัว (International Convention on the Protection of the Rights of All Migrant Workers and Members of Their Families : ICRMW) การพัฒนาแก้ไข กฎหมาย หรือนโยบายให้มีความสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคี การปฏิบัติตามข้อแนะนำของ สมาชิกองค์การสหประชาชาติในกระบวนการจัดทำรายงานตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคี ตามกระบวนการพิเศษ ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนฯ และกระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน (Universal Periodic Review : UPR) การ ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และการส่งเสริมแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ในระยะที่ 2 ทั้งนี้ สถานการณ์ด้านการคุ้มครองแรงงานในประเทศไทย ยังมีความท้าทายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานข้ามชาติและครอบครัว อาทิ กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ของไทยในปัจจุบันยังคงปิดกั้นเสรีภาพในการรวมกลุ่มและการสมาคม โดยไม่อนุญาตให้แรงงานข้าม ชาติมีเสรีภาพในการรวมกลุ่ม อันไม่สอดคล้องต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม. (International Convent on Economic, Social and Cultural Rights – ICESCR) ที่ไทยเป็นรัฐภาคี ความพยายามในการ แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประมง ซึ่งมีแนวโน้มว่าแรงงานประมงจะเผชิญกับความเสี่ยงของการเป็นแรงงานบังคับมากขึ้น การให้มีเด็กเข้าสู่กระบวนการทำงานในอุตสาหกรรมที่มีอันตราย เช่นในอุตสาหกรรมประมง การเลือกปฏิบัติด้านการเข้าถึงด้าน สิทธิประโยชน์ทางสังคมของกลุ่มลูกจ้างทำงานบ้านและภาคเกษตร และความไม่ชัดเจนด้านการคุ้มครองผู้แสวงหาที่ลี้ภัย โดย เฉพาะที่ประเทศเพื่อนบ้านเกิดความไม่สงบทางการเมืองทำให้มีนักกิจกรรมทางการเมืองและผู้ได้รับผลกระทบทางการขัดแย้งต้อง หนีเข้ามายังชายแดนไทยและมีความเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีตามกฎหมายคนเข้าเมืองและการบังคับส่งกลับโดยไม่สมัครใจ อันขัดต่ออนุสัญญาต่อต้านกาทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ที่ไทยเป็นรัฐภาคี ดังนั้นแนวทางการบริหารจัดการและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติและผู้ลี้ภัยในภาวะสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศพม่าที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นเครื่องชี้วัดความความตั้งใจในการจะปกป้องคุ้มครองและการยึดมั่นต่อหลักสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย และความเชื่อมั่นของประชาคมโลกต่อการที่ประเทศไทยจะมีความเหมาะสมเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ</p>
<p>ทางเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ และภาคีภาคประชาสังคมด้านสิทธิมนุษยชน มีข้อเสนอและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยในการพัฒนามาตรการในการปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานข้ามชาติและผู้ลี้ภัยดังนี้</p>
<ol>
<li>พิจารณารับรองอนุสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับแรงงานข้ามชาติ และผู้ลี้ภัย ได้แก่ การให้การรับรองอนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานข้ามชาติและสมาชิกในครอบครัว, อนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย, อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 87 เสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 98 การรวมตัวและร่วมเจรจาต่อรอง ทั้งนี้ เพื่อเป็นหลักประกัน และเป็นกรอบแนวทางในการพัฒนากฎหมายภายในประเทศให้รองรับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติและผู้ลี้ภัย</li>
<li>ดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ ที่มียุทธศาสตร์การคุ้มครองแรงงานข้ามชาติ การมีแผนรองรับผลกระทบสถานการณ์ความรุนแรงและการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า</li>
<li>พิจารณาดำเนินการทบทวนกลไกการคัดกรองบุคคลที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางได้ ซึ่งยังพบปัญหาการต้องให้ผู้ลี้ภัยที่ต้องการได้รับการคุ้มครองจากประเทศไทยต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายคนเข้าเมืองก่อน ซึ่งถือว่าทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนซ้ำซ้อน รวมถึงการพิจารณาจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติเพื่อบริหารจัดการและกำหนดสถานะให้แก่ผู้ลี้ภัยและแสวงหาผู้ลี้ภัยอย่างเป็นระบบ</li>
<li>จัดทำกลไกการคัดกรองก่อนการผลักดันส่งกลับผู้อพยพที่อาจจะมีความเสี่ยงต่ออันตรายต่อชีวิตและภัยการประหัตหาร เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการผลักดันส่งกลับผู้ลี้ภัยและผู้อพยพไปเผชิญภัยอันตรายต่อตนเอง </li>
</ol>
<p>ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันและสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาคมโลกว่า ประเทศไทยมีความจริงใจและยืนยันในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนทุกกลุ่ม และเป็นหลักประกันสำหรับแรงงานข้ามชาติ ผู้ลี้ภัย ผู้อพยพ และประชาชนไทย ว่าจะได้รับการคุ้มครองและดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน และเพื่อให้ประเทศไทยได้ยืนอยู่ในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้อย่างเต็มภาคภูมิ
</p>
</div>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/hrdf" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">HRDF[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/the-solidarity-center" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">The Solidarity Center[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-promote-end field-type-text field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even">ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/03/108275