อนุมัติจัดหา 'วัคซีนเอชพีวี 1.7 ล้านโดส' ฉีดให้หญิงไทยอายุ 11-12 ปี ที่ยังไม่ครบ 2 เข็ม
<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-03-30 10:28</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>บอร์ด สปสช. เห็นชอบให้ สปสช. จัดหา “วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 1.7 ล้านโดส” ฉีดให้หญิงไทย ตอนช่วงอายุ 11 -12 ปี ได้รับวัคซีนไม่ครบ 2 เข็ม</p>
<p><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53619996088_7613071c15_o_d.jpg" /></p>
<p>นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาและมีมติเห็นชอบ “การให้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อเอชพีวี (HPV) และการสนับสนุนตามนโยบายรัฐบาลในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทย” มติบอร์ด สปสช. ในครั้งนี้เป็นคนละส่วนกับนโยบาย สธ. ที่มีการฉีดวัคซีนเอชพีวี (HPV) จำนวน 1 ล้านโดสให้กับหญิงไทย อายุ 11 – 18 ปี ที่ได้บรรลุเป้าหมายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วงปลายปี 2566 โดยรอบนี้จะเป็นการดำเนินการจัดหาวัคซีนเอชพีวี จำนวน 1.7 ล้านโดส เพื่อนำมาฉีดให้กับหญิงไทยในช่วงที่อายุ 11 -12 ปี (เรียนชั้น ป.5 ในขณะนั้น) ระยะเวลาระหว่างปี 2562 – 2565 ซึ่งได้รับวัคซีนเอชพีวีเพียงเข็มเดียว เนื่องจากเมื่อปี 2562 – 2564 วัคซีนเอชพีวีเกิดภาวะขาดคราวทั่วโลก ก่อนจะกลับมาจัดหาได้ในปี 2565 และต่อมาในปี 2566 สปสช. ได้มีการกลับมาดำเนินการฉีดให้อีกครั้งแต่ด้วยจำนวนของวัคซีนที่จัดหาได้เพียง 1.6 ล้านโดส จึงทำฉีดได้แค่คนละ 1 เข็มก่อน</p>
<p>นอกจากนี้ในเวลานั้น บอร์ด สปสช. ได้มอบให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และ กรมควบคุมโรค (คร.) ทำข้อมูลทางวิชาการมาสนับสนุนการพิจารณาว่าควรจะฉีดวัคซีนเอชพีวีกี่เข็ม ซึ่งเมื่อช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมาทางกรมควบคุมโรคได้มานำเสนอข้อมูลทางวิชาการ โดยระบุว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงแนะนำให้การฉีดวัคซีนเอชพีวี 2 เข็มเป็นแนวทางหลักอยู่ อีกทั้งจากการสำรวจฝั่งหน่วยบริการก็พบว่ายังสามารถให้บริการได้ตามมาตรฐาน และผู้ปกครองเองก็ให้การยอมรับ รวมถึงตัวผู้รับวัคซีนก็สมัครใจที่จะรับวัคซีนเอชพี 2 เข็ม</p>
<p>“ขณะเดียวกัน สปสช. ตรวจสอบแล้วว่าการเพิ่มการฉีดวัคซีนเอชพีวีในครั้งนี้ ไม่มีภาระทางงบประมาณ เพราะทางอนุกรรมกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุน สปสช. ได้มีการตั้งงบประมาณสำหรับจัดซื้อวัคซีนเอชพีวีจำนวนกวา 1.7 ล้านโดสไว้แล้ว ภายใต้วงเงินที่ 643 ล้านบาท จึงเห็นควรให้เดินหน้าต่อ เพื่อให้หญิงไทยได้รับการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกที่เป็นไปตามหลักวิชากรทางการแพทย์” ประธานบอร์ด สปสช. กล่าว</p>
<p>ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวเสริมว่า นอกจากการจัดหาวัคซีนแล้ว ทางบอร์ด สปสช. ยังได้มอบให้ สปสช. ร่วมกับกรมควบคุมโรคในการพิจารณาดำเนินการฉีดวัคซีนและจัดซื้อวัคซีนเอชพีวีทุก 4 ปี ตลอดจนรณรงค์การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะด้วยแปปเสมียร์ (PAP Smear) การตรวจคัดกรองด้วยการใช้น้ำส้มสายชู (VIA) และการตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวีระดับ DNA (HPV DNA test) หรือวิธีอื่นๆ ที่อยู่ในแนวทางการตรวจคัดกรองตามคำแนะนำทางวิชาการด้วย</p>
<p>รวมถึงขอให้กรมควบคุมโรค และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พิจารณาข้อมูลทางวิชาการสำหรับการฉีดวัคซีนเอชพีวีที่เหมาะสมด้วย เช่น เพศ จำนวนครั้งการฉีด ฯลฯ เพื่อนำเข้าสู่กลไกการพัฒนาสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ต่อไป โดยตามมติบอร์ด สปสช. นี้จะมีการดำเนินการในทันทีเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/03/108621