[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
02 พฤษภาคม 2567 02:00:15 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระแท่นนกยูง ที่มีชื่อเสียงที่สุด และรู้จักกันไปทั้งโลก  (อ่าน 138 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5470


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 01 เมษายน 2567 19:12:20 »


พระราชวังซิตี้พาเลซ ชัยปุระ (Udaipur’s City Palace)
รูปภาพจาก : wikimedia

พระแท่นนกยูง

อินเดียถือพระราชบัลลังก์ (พระแท่นราชอาสน์) เป็นสัญลักษณ์สำคัญของพระมหากษัตริย์ และในอินเดียนั่นแหละ ที่มีพระแท่นนกยูง ซึ่งเป็นพระแท่นที่มีชื่อเสียงที่สุด รู้จักกันไปทั้งโลก

พระแท่นนกยูงนี้ พระเจ้าชาห์ยะฮัน (ครองราชย์ ๑๖๒๘ ถึง ๑๖๕๘) ผู้สร้างทัชมาฮาล เพชรน้ำเอกของศิลปะมุสลิมในอินเดีย เป็นผู้ให้ทำ ใช้เวลาสร้าง ๗ ปี สิ้นเงินราว ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองร้อยล้านบาท) ในยุคสมัยนั้น  ตัวพระแท่นยาว ๖ ฟุต มีเท้า ๖ เท้า ทำด้วยทองคำทั้งแท่ง ฝังเพชร มรกต ทับทิม พนักพิงทำเป็นนกยูงโตเท่าตัวจริง ๒ ตัวรำแพนหาง ฝังเพชรนิลจินดาสลับสีต่างๆ ตามสีขนนกยูงจริงๆ ตานกยูงฝังเพชรเม็ดใหญ่  ระหว่างนกยูงทั้งสอง มีนกแก้วอีกตัวหนึ่งโตเท่านกแก้วจริงๆ สลักจากมรกตทั้งแท่ง ที่พระแท่นมีเสา ๑๒ เสา ทำด้วยทองคำทั้งแท่ง ฝังเพชรนิลจินดาต่างๆ ตั้งขึ้นไปรับเพานซึ่งดาดด้วยแพรอย่างดีที่สุด  รอบเพดานแพรเอาไข่มุกมาทำเป็นระบายเฟื่องห้อย  

พระแท่นนกยูงนี้ ได้ถูก นาดีร์ชาห์ กษัตริย์เปอร์เซีย กวาดริบเอาไปเมื่อคราวอินเดียแพ้ศึกสงคราม

ในปี พ.ศ.๒๒๖๐ “เมอร์มะหะหมุด” ได้ครองแคว้นกันดาฮาร์ (อยู่ในประเทศปากีสถาน) ท่านองค์นี้เก่งในการศึกสงคราม ได้ยกทัพไปตีประเทศเปอร์เซีย ยึดได้เมืองอิสปาหาน นครหลวง ในปี พ.ศ.๒๒๖๕      ตอนเสียกรุง “เจ้าตาห์มาสป์” โอรสกษัตริย์เปอร์เซียไปเกลี้ยกล่อมผู้คนเพื่อจะกู้กรุงคืน ได้คนมีฝีมือคนหนึ่งชื่อ “นาดีร์กูลี” เป็นทหารเอก  นาดีร์กูลีคนนี้เป็นชาติปะถ่าน (แขกปาทาน) เริ่มทำศึกตีได้เมืองเหรัต ที่ตั้งเป็นแคว้นอิสระ แล้วตีได้เมืองอื่นๆ เรื่อยไป จนตีได้กรุงอิสปาหานถวายเจ้านายสำเร็จ ได้เจ้าหญิงน้องสาวเจ้าตาร์มาสป์เป็นบำเหน็จ

เจ้าตาร์มาสป์ ได้เป็นชาห์ครองเปอร์เซียอยู่ ๓ ปี (พ.ศ.๒๒๗๓-๒๒๗๕) โอรสนามว่าอับบาส อายุ ๘ เดือน ได้เป็นกษัตริย์อยู่จนอายุได้ ๕ ขวบ (สวรรคตหรือถูกปลงพระชนม์ไม่แน่)   นาดีร์กูลีก็ได้เป็นชาห์ครองครองเปอร์เซีย ในปี พ.ศ.๒๒๗๙  ต่อจากนี้นาดีร์กูลีก็เริ่มทำสงคราม แผ่อำนาจปราบได้ดินแดนอัฟกานิสถานทั้งหมด แล้วกรีธาทัพเข้าอินเดีย ตีได้แคว้นปัญจาปตะลุยเรื่อยมา พระเจ้าโมหะเม็ดแต่งทัพใหญ่ออกต่อสู้ก็แพ้พินาศยับเยิน ข้าศึกเข้ากรุงเดลฮีได้ใน พ.ศ.๒๒๘๒  นาดีร์ปล่อยให้กองทัพเที่ยวปล้นฆ่าฟันผู้คนตายถึง ๑๐๐,๐๐๐ เศษ  พระเจ้าโมหะเม็ดยอมแพ้  นาดีร์ชาห์กวาดริบสมบัติอันมหาศาลในพระราชวังไปหมดสิ้น  ได้สมบัติชิ้นใหญ่ที่มีค่าที่สุดก็คือ พระแท่นนกยูง

นอกจากพระแท่นนกยูงนี้ ยังมีของมีค่ายิ่งยวดอีกสิ่งหนึ่ง คือ เพชรเม็ดใหญ่ ที่มีชื่อ โกห์อินูร์ ที่ไปเป็นเพชรประดับพระมหามงกุฏอังกฤษปัจจุบันนี้   พระเจ้าโมหะเม็ดเอาเพชรใหญ่นี้ ประดับผ้าโพกพระเศียรทรงเป็นประจำ  น้ำหนักเพชรนี้ประมาณ ๒๘๐ กะรัต (ว่าเดิมหนัก ๗๙๓ กะรัต แล้วเอาไปเจียระไน เสียเศษมากไป แต่เขาว่าช่างเจียระไนโกงไป)  นาดีร์ชาห์ได้ข่าวเพชรใหญ่นี้อยู่ก่อนแล้วอยากจะได้ แต่เป็นของติดผ้าโพกพระเศียรประจำองค์ก็ไม่รู้จะเอาอย่างไร จึงคิดอุบายถ่ายเทเอาจนได้ คือ เมื่อพระเจ้าโมหะเม็ดยอมแพ้แล้ว  วันหนึ่งก็มีงานเลี้ยงใหญ่ในพระราชวังกรุงเดลฮี เมื่อสององค์ทรงสนทนากัน  นาดีร์ชาห์รับสั่งว่า “ไหนๆ เราก็ได้เป็นมิตรกันแล้ว ควรจะต้องเปลี่ยนผ้าโพกกันตามธรรมเนียมสำหรับมิตรภาพของเรา”  พระเจ้าโมหะเม็ดไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงอย่างไรก็ต้องยอม  นาดีร์ชาห์ก็ได้เพชรเม็ดใหญ่อีกเม็ดหนึ่ง ซึ่งมีราคาราว ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เดิมเพชรนี้ไม่มีชื่อ  เมื่อนาดีร์ชาห์ได้ไป จึงไปตั้งชื่อว่า โกห์อินูร์ แปลว่า ภูเขาแห่งแสง

นาดีร์ชาห์ ขนทรัพย์สมบัติอันมหาศาลกลับไปนครอิสปาหาน ครองเมืองอยู่ต่อมาจนถึงปี พ.ศ.๒๒๙๐ เกิดจลาจล  นาดีร์ชาห์ถูกฆ่าตาย และก็ในตรงนี้เอง ที่ดินแดนอัฟกานิสถานได้เกิดเป็นประเทศเป็นปึกแผ่นที่แท้จริงขึ้นเป็นครั้งแรก



อ้างอิง :
       - บันทึกประวัติศาสตร์ "ภาพแขกปะถ่าน"  ภูมิศาสตร์วัดโพธิ์ โดย กาญจนาคพันธุ์ (ขุนวิจิตรมาตรา) สำนักพิมพ์ "สาส์นสวรรค์" พิมพ์เมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๕๑๒
       - วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 เมษายน 2567 19:14:44 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.248 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 13 นาทีที่แล้ว