[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
30 เมษายน 2567 01:59:29 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 8-14 เม.ย. 2567  (อ่าน 41 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 14 เมษายน 2567 14:54:40 »

สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 8-14 เม.ย. 2567
 


<span>สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 8-14 เม.ย. 2567 </span>
<span><span>auser15</span></span>
<span><time datetime="2024-04-14T13:58:22+07:00" title="Sunday, April 14, 2024 - 13:58">Sun, 2024-04-14 - 13:58</time>
</span>

            <div class="field field--name-body field--type-text-with-summary field--label-hidden field-item"><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><o:p></o:p><strong>ยังไม่พบแรงงานไทยบาดเจ็บเหตุอิหร่านโจมตีอิสราเอล</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">14 เม.ย.&nbsp;2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการสู้รบระหว่างอิหร่านและอิสราเอลว่า ตามที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอลให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย เนื่องจากเกิดการโจมตีจากอิหร่าน ได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เร่งตรวจสอบและดูแลแรงงานไทยอย่างใกล้ชิดทันที ซึ่งจากรายงานของนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ พบว่า ขณะนี้ยังไม่มีแรงงานไทย ได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิตจากการโจมตี จากสถานการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขอให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางสถานทูตไทย&nbsp;อย่างใกล้ชิด&nbsp;โดยขอให้ติดตามประกาศของแต่ละท้องถิ่น หรือแจ้งข้อมูลมายังฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หากต้องการขอรับความช่วยเหลือ หรือได้รับผลกระทบ เพื่อจะได้วางแผนในการให้ความช่วยเหลือต่อไป และขอให้ญาติของแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลไทย ทั้งสถานทูตและกระทรวงแรงงานจะให้การคุ้มครอง ดูแล อย่างดีที่สุด และจะเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ออกประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอลถึงแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย โดยขอให้ปฏิบัติ ดังนี้<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">1.)&nbsp;ห้ามมีการชุมนุมมากกว่า&nbsp;1,000 คน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และปิดสถาบันการศึกษา<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">2.)&nbsp;ในพื่นที่สู้รบ ห้ามชุมนุมมากว่า&nbsp;30 คน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">3.)&nbsp;สถานที่ทำงานเปิดได้เฉพาะที่มีห้องหลบภัย&nbsp;โดยรัฐบาลได้ประกาศปิดน่านฟ้าและงดเที่ยวบินทั้งหมด ตั้งแต่เวลา&nbsp; 00.30 น. ของวันที่&nbsp;14 เม.ย.&nbsp;2567 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">สำหรับคนไทยที่ได้รับผลกระทบโปรดติดต่อได้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ หมายเลขโทรศัพท์ (+972) 5 4636 8150 หรือ(+972) 5 0367 3195<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: คมชัดลึก, 14/4/2567&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>4 แรงงานสมุทรสาครเลือดปนแคดเมียม อาการปลอดภัยแล้ว หมอให้กลับบ้านวันนี้ พร้อมนัดตรวจติดตามเป็นระยะ</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">13 เม.ย. 2567 นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC)&nbsp;กรณีกากแคดเมียม เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์เรื่องกากแคดเมียมถือว่าเป็นปกติ ไม่มีปัญหาต่อสุขภาพของประชาชน โดยผลการตรวจร่างกายประชาชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี ผลออกแล้วว่าไม่พบความผิดปกติ ไม่มีใครมีปริมาณแคดเมียมในร่างกายเกินมาตรฐาน ส่วนประชาชนใน จ.สมุทรสาคร ก็ไม่พบผู้ที่มีปริมาณแคดเมียมในร่างกายเพิ่ม ซึ่งผลการตรวจเลือดแรงงานที่มีผลตรวจปัสสาวะพบปริมาณแคดเมียมเกินมาตรฐาน 11 คน เมื่อตรวจโดยละเอียดพบว่า จริงๆ แล้วมีผู้ที่มีปริมาณแคดเมียมเกินมาตรฐานเพียง 4 รายเท่านั้น วันนี้แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ไม่มีใครมีอาการป่วย หรือต้องทำการรักษาเพิ่มเติม แต่แพทย์ก็ทำการนัดเพื่อติดตามและตรวจร่างกายเพิ่มเติมเป็นระยะ พร้อมกับการสุ่มตรวจร่างกายของประชาชนในชุมชนเป็นระยะด้วย ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ก็จะทำในลักษณะเดียวกันนี้ คือการสุ่มตรวจประชาชนในพื้นที่พบกากแคดเมียมและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นระยะ<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นพ.สุรโชคกล่าวว่า สถานการณ์การพบกากแคดเมียมขณะนี้กระจายไปหลายจังหวัด ตั้งแต่ตาก สมุทรสาคร ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร และยังมีที่ตามไม่พบอีกจำนวนหนึ่ง ปลัดกระทรวงสาธารณสุขจึงได้สั่งการให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีแคดเมียมขึ้นที่ส่วนกลาง พร้อมกับให้ทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเปิดศูนย์&nbsp;PHEOC&nbsp;ทันที เพื่อประสานการดูแลผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้&nbsp;PHEOC&nbsp;ได้กำหนดมาตรการรองรับด้านการแพทย์และสาธารณสุข 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการเฝ้าระวังผลกระทบ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อาศัยร่วมบ้านกับคนทำงานในโรงงาน หรืออาศัยในบ้านที่มีการทำงานสัมผัสแคดเมียม,&nbsp;กลุ่มที่มีข้อบ่งชี้ว่ามีโอกาสในการรับสัมผัสสูง โดยตรวจวัดสิ่งแวดล้อมพบว่าเกินมาตรฐาน และอยู่ใกล้โรงงานที่มีกระบวนการผลิตเกี่ยวกับแคดเมียม และกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้มีโรคประจําตัว อาทิ โรคไต 2.ด้านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สามารถส่งตัวอย่างที่สงสัยมาทำการตรวจได้ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 15 แห่งของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งแต่ละแห่งสามารถรองรับการตรวจได้ 50 ตัวอย่างต่อวัน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">3.ด้านการรักษาพยาบาล ให้จัดทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์ดูแลคัดกรองด้านสุขภาพกาย และทีม&nbsp;MCATT&nbsp;ลงพื้นที่เยียวยาจิตใจ รวมทั้งให้คำแนะนำการงดแชร์ข่าวสารข้อมูลเท็จต่างๆ เพื่อลดความตื่นตระหนกให้กับประชาชน ตลอดจนเปิดให้บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง และการตรวจเช็กสุขภาพใจในสภาวะวิกฤตเบื้องต้นด้วยตนเองผ่านแอพพลิเคชั่น&nbsp;MENTAL HEALTH CHECK-IN&nbsp;และ 4.ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม จะมีทีม&nbsp;SEhRT&nbsp;ของกรมอนามัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ วางแผนเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพต่อประชาชน และอนามัยสิ่งแวดล้อมในชุมชนโดยรอบอย่างต่อเนื่อง เน้นการตรวจวิเคราะห์สารแคดเมียมและสังกะสีปนเปื้อน ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค น้ำประปาชุมชน หรือประปาหมู่บ้าน รวมทั้งเก็บตัวอย่างอาหาร พืชผักที่จำหน่ายในตลาด เพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนในแหล่งอาหาร ตลอดจนสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพให้กับประชาชนด้วย<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: มติชน,&nbsp;13/4/2567&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>ลูกจ้างโรงแรมเริ่มรับค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาท 13 เม.ย.</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามมติของคณะกรรมการค่าจ้างกำหนดให้ลูกจ้างทำงานในประเภทกิจการโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยว ประเภทโรงแรมระดับการให้บริการ 4 ดาวและมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ได้รับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 400 บาทใน 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เฉพาะเขตปทุมวันและวัฒนา,&nbsp;กระบี่ เฉพาะเขต อบต.อ่าวนาง,&nbsp;ชลบุรี เฉพาะเขตเมืองพัทยา,&nbsp;เชียงใหม่ เฉพาะเขตเทศบาลนครเชียงใหม่,&nbsp;ประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะเขตเทศบาลหัวหิน,&nbsp;พังงา เฉพาะเขตเทศบาลตำบลคึกคัก,&nbsp;ภูเก็ตทั้งจังหวัด, ระยอง เฉพาะเขตตำบลเพ,&nbsp;สงขลา เฉพาะเขตเทศบาล นครหาดใหญ่ และสุราษฎร์ธานี เฉพาะเขตเทศบาลนครเกาะสมุย<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายคารม กล่าวว่า วันนี้ (13 เม.ย. 2567) วันแรกที่นายจ้างต้องจ่ายอัตราค่าแรงขั้นต่ำให้กับลูกจ้าง หากนายจ้างไม่ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานปี 2541 โดยลูกจ้างสามารถร้องเรียนได้ที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">“คณะกรรมการค่าจ้างฯ ได้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรม โดยพิจารณาบนพื้นฐานของความเสมอภาค และรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อให้นายจ้าง/ลูกจ้าง สามารถประกอบธุรกิจและดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข ซึ่งคณะกรรมการค่าจ้างจะได้มีการติดตามผลกระทบที่เกิดจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรม เพื่อนำไปสู่การพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของคณะกรรมการค่าจ้างด้วยความรอบคอบต่อไป”&nbsp;นายคารม ย้ำ<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: สำนักข่าวไทย,&nbsp;13/4/2567&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>แกร็บ ร่วมมือกระทรวงแรงงาน ยกระดับ "แรงงานแพลตฟอร์มดิจิทัล" มุ่งพัฒนา 3 ส่วนสำคัญ</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยว่า&nbsp;“แพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นรูปแบบธุรกิจที่ช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังเป็นเสมือนตัวกลางที่อำนวยความสะดวกระหว่างผู้บริโภค ผู้ให้บริการ และผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งรัฐบาล โดยกระทรวงแรงงานได้กำหนดนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการคุ้มครองแรงงานให้ได้รับการดูแลสภาพการจ้าง สภาพการทำงาน รวมทั้งความปลอดภัยในการทำงาน กระทรวงแรงงาน จึงมีแนวคิดในการจัดทำบันทึก "ความร่วมมือว่าด้วยการดูแลผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล" ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในสังกัดกระทรวงแรงงาน ร่วมกับ บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการดูแลผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ไม่ว่าจะเป็น กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ในการหาแนวทางยุติปัญหาที่เกิดขึ้น ระหว่างคนทำงานในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลกับผู้ให้บริการฯ หรือมีช่องทางในการบริหารจัดการกับปัญหาที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่ชัดเจน รวมถึงการสร้างงานให้กับผู้สูงอายุ ที่ต้องการเลือกประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ที่ต้องการหารายได้เสริม โดยได้ร่วมมือกับกรมการจัดหางาน ในการส่งตำแหน่งงานว่างเพื่อสร้างอาชีพ ตลอดจนส่งเสริมการทำงาน หรือสร้างมาตรฐานในการทำงานที่ปลอดภัย โดยร่วมกับสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) ซึ่งการลงนามร่วมกันในครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ประกอบธุรกิจบริการระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลกับผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล และเพิ่มโอกาสให้เข้าถึงอาชีพของผู้ว่างงานและผู้สูงอายุที่ประสงค์จะทำงานอีกด้วย”<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า&nbsp;“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้นและกลายเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการทำงานในรูปแบบใหม่ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลงไป ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านการใช้เทคโนโลยี แกร็บให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลพาร์ทเนอร์คนขับ ซึ่งใช้แพลตฟอร์มของเราเป็นช่องทางในการหารายได้ โดยที่ผ่านมา แกร็บมุ่งเน้นการบริหารค่าตอบแทนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับระบบอุปสงค์อุปทาน ทั้งยังพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของพาร์ทเนอร์คนขับและสร้างมาตรฐานให้กับแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น การจัดทำประกันอุบัติเหตุเพื่อให้คุ้มครองระหว่างการให้บริการ การส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมและเป็นไปตามข้อกำหนดของ ธปท. รวมไปถึงการจัดทำคอร์สอบรมเพื่อให้ความรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นผ่านโครงการ&nbsp;GrabAcademy&nbsp;เป็นต้น”<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">“การผนึกความร่วมมือกับกระทรวงแรงงานในครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของแกร็บในการร่วมผลักดันมาตรฐานการดูแลผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลให้เป็นรูปธรรม โดยเราพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับกระทรวงแรงงานในการพัฒนาแนวทางในการคุ้มครองแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัลเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแพลตฟอร์มเพื่อหารายได้ ตลอดจนดูแลให้แรงงานเหล่านี้ได้รับสิทธิประโยชน์และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น”&nbsp;นายวรฉัตร กล่าวเสริม<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ทั้งนี้ บันทึกความร่วมมือระหว่าง แกร็บ ประเทศไทย และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมการจัดหางาน และสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักที่จะส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ผ่านการดำเนินงานใน 3 ส่วนสำคัญ คือ<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">1) การส่งเสริมการให้สิทธิประโยชน์ที่เป็นมาตรฐานกับแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและแกร็บจะร่วมหาแนวทางในการสนับสนุนและจัดทำมาตรการในการดูแลผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เหมาะสม ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดสิทธิประโยชน์ที่เป็นมาตรฐาน ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยที่ผ่านมาแกร็บให้ความสำคัญกับการจัดสรรสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติมให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ นอกเหนือจากการบริหารค่าตอบแทนที่เหมาะสม โดยเฉพาะ การจัดทำประกันอุบัติเหตุเพื่อให้ความคุ้มครองพาร์ทเนอร์คนขับทุกคนตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังให้บริการแล้ว โดยมีวงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ และวงเงินชดเชยสูงสุด 200,000 บาท ในกรณีเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการด้านสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการประกอบอาชีพของพาร์ทเนอร์คนขับโดยมีวงเงินสูงสุด 100,000 บาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม โดยสามารถแบ่งชำระได้แบบรายวัน เป็นต้น<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">2) การส่งเสริมการสร้างอาชีพและโอกาสในการหารายได้ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลให้กับผู้ที่ว่างงาน รวมถึงผู้สูงอายุ โดยแกร็บและกรมการจัดหางานจะร่วมกันส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของแกร็บในการหารายได้ ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน หรือ บริการด้านเดลิเวอรี ซึ่งที่ผ่านมา แกร็บเปิดโอกาสให้กับคนไทยหลายแสนคน สามารถเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์คนขับเพื่อหารายได้เสริม โดยไม่จำกัดเพศ วัย การศึกษา หรือแม้แต่ผู้ที่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย เช่น ผู้พิการทางการได้ยิน นอกจากนี้ ยังได้ริเริ่มโครงการ&nbsp;‘แกร็บวัยเก๋า’&nbsp;เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยวัยเกษียณสามารถหารายได้และส่งเสริมคุณค่าในตัวเองผ่านแพลตฟอร์มของแกร็บ โดยปัจจุบันมีพาร์ทเนอร์คนขับกลุ่มนี้มากกว่า 13,000 คน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">3) การพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยสำหรับแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยแกร็บและสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานจะร่วมกันพัฒนาแนวทางปฏิบัติเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในระหว่างการทำงานให้กับผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น การจัดอบรมเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการทำงาน หรือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันภัยต่างๆ เป็นต้น โดยที่ผ่านมา แกร็บให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับทุกคนที่ใช้แพลตฟอร์มของแกร็บ โดยได้พัฒนาเทคโนโลยีและมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบตรวจสอบการเดินทางแบบเรียลไทม์ ฟีเจอร์&nbsp;Safety Centre&nbsp;ที่ทั้งผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์คนขับสามารถแชร์ข้อมูลการเดินทางให้กับเพื่อนหรือครอบครัวได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงสามารถขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉินและฟีเจอร์&nbsp;Audio Protect&nbsp;ที่ช่วยบันทึกเสียงระหว่างการเดินทางเพื่อป้องกันเหตุร้ายและใช้เป็นหลักฐานหากเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างการเดินทาง เป็นต้น<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์,&nbsp;12/4/2567&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>ก.พาณิชย์-แรงงาน ไฟเขียวใช้กองทุน 2 พันล้าน ค้ำสินเชื่อซื้อแฟรนไชส์สร้างอาชีพ</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการ ประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ&nbsp;SME&nbsp;ไทย ครั้งที่ 3-2/2567&nbsp; ชร่วมกับธนาคารอิสลามฯ ธนาคาร&nbsp;SME D Bank&nbsp;ธนาคารออมสิน และสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ว่า&nbsp;ที่ประชุมประชุมได้ติดตามความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมจัดงาน มหกรรมรวมพลัง&nbsp;SMEs&nbsp;ไทย ที่กำหนดจัดช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2567 รวมไปถึงแผนกำหนดมาตรการส่งเสริมและแก้ปัญหา&nbsp;SMEs<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">สำหรับการหารือกับสถาบันการเงิน ในการผลักดันการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษให้กับแรงงานไทยและครอบครัวที่จ่ายเงินประกันสังคม สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ผ่านธุรกิจแฟรนไชส์ ให้โอกาสคนตัวเล็ก ที่ประชุมได้ข้อสรุปเบื้องต้น<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">สำหรับวงเงินที่จะนำมาค้ำประกันเงินกู้ในการส่งเสริมอาชีพ จะนำเงินจากกองทุนประกันสังคมประมาณ 2,000 ล้านบาทเพื่อค้ำประกันเงิน และ&nbsp; 3 สถาบันการเงินจะเป็นผู้พิจารณาในการปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอีในดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อนำไปส่งเสริมอาชีพ โดยผู้ที่กู้จะอยู่ในกลุ่ม ม.33&nbsp;ส่วนกลุ่มอื่นก็อาจจะเข้าไปใช้ในโครงการที่กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมด้านอาชีพต่อไป<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ,&nbsp;11/4/2567&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>'ญี่ปุ่น'&nbsp;เปิดรับ&nbsp;'นักบริบาลไทย'&nbsp;ไปช่วยดูแลผู้ป่วย-ผู้สูงวัย เงินเดือนสตาร์ท 6 หมื่นบาท</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิคในความดูแล ที่โรงพยาบาล&nbsp;Midorikai Medical Corporation Takesato Hospital&nbsp;เมืองคาสุคาเบะ จังหวัดไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า ได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการจ้างแรงงานไทยในอนาคตตามนโยบายของโรงพยาบาล และสิ่งที่ต้องการให้กรมการจัดหางานสนับสนุน เพื่อส่งเสริมการจ้างแรงงานไทยในภาคบริบาลในสถานพยาบาลของประเทศญี่ปุ่น<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ทั้งนี้ งานบริบาลผู้ป่วยหรือดูแลผู้สูงอายุ เป็นอีกหนึ่งสาขาอาชีพที่กรมการจัดหางานให้ความสำคัญ ต้องการผลักดันและส่งเสริมให้นายจ้างญี่ปุ่นนำเข้าแรงงานไทยเป็นจำนวนมากเนื่องจากญีปุ่นขาดแคลนแรงงานด้านนี้ อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีของนักบริบาลไทยที่จะได้รับค่าตอบแทนสูง โดยเฉลี่ยเดือนละ 2.5 แสนเยน หรือประมาณ 6 หมื่นบาทต่อเดือน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวอีกว่า โรงพยาบาล&nbsp;Midorikai Medical&nbsp;ที่ก่อตั้งในปี 2545 เป็นศูนย์ดูแลและรักษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ขนาด 274 เตียง อาคาร 5 ตึก แบ่งการดูแลตามสภาพของผู้ป่วย มีการรับผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิค และมีแรงงานทักษะเฉพาะชาวไทย 17 ราย ประกอบด้วย ผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิค 8 ราย แรงงานทักษะเฉพาะ 8 ราย และอยู่ระหว่างยื่นขอวีซ่าทำงานประเภทบริบาล 1 ราย<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">สำหรับในปี 2568 โรงพยาบาล&nbsp;Midorikai Medical&nbsp;ยังต้องการแรงงานทักษะเฉพาะในสาขาบริบาลเพิ่มอีก 10 คน จากเดิมที่ต้องการนักบริบาลจำนวน 30 คน ซึ่งจัดส่งผ่านบริษัทจัดหางานที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายสมชาย กล่าวอีกว่า สำหรับแรงงานที่เป็นนักบริบาล หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน โทรศัพท์ 0-2245-1021 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา:&nbsp;The Coverage,&nbsp;11/4/2567&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>ราชกิจจาฯ ประกาศ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท กิจการโรงแรม ใน 10 จว. มีผล 13 เม.ย.</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">10 เม.ย. 2567 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรม<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ด้วยคณะกรรมการค่าจ้างได้มีการประชุมศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2567 และมีมติเห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อใช้บังคับแก่นายจ้างและลูกจ้างที่ทำงานประเภทกิจการโรงแรม<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 79 (3) มาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 และมาตรา 87 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2560 คณะกรรมการค่าจ้างจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับในกรณีที่ลูกจ้างทำงานในประเภทกิจการโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยวประเภทโรงแรมระดับการให้บริการ 4 ดาวขึ้นไป และมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ข้อ 2 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสี่ร้อยบาท ในท้องที่ ดังนี้<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(1) กรุงเทพมหานคร เฉพาะเขตปทุมวัน วัฒนา<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(2) จังหวัดกระบี่ เฉพาะเขตองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(3) จังหวัดชลบุรี เฉพาะเขตเมืองพัทยา<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(4) จังหวัดเชียงใหม่ เฉพาะเขตเทศบาลนครเชียงใหม่<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(5) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะเขตเทศบาลหัวหิน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(6) จังหวัดพังงา เฉพาะเขตเทศบาลตำบลคึกคัก<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(7) จังหวัดภูเก็ต<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(8) จังหวัดระยอง เฉพาะเขตตำบลเพ<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(9) จังหวัดสงขลา เฉพาะเขตเทศบาลนครหาดใหญ่<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(10) จังหวัดสุราษฎร์ธานี เฉพาะเขตเทศบาลนครเกาะสมุย<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ข้อ 3 เพื่อประโยชน์ตามข้อ 2 คำว่า&nbsp;'วัน'&nbsp;หมายถึง เวลาทำงานปกติของลูกจ้างซึ่งไม่เกินชั่วโมงทำงานดังต่อไปนี้ แม้นายจ้างจะให้ลูกจ้างทำงานน้อยกว่าเวลาทำงานปกติเพียงใดก็ตาม<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(1) เจ็ดชั่วโมง สำหรับงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(2) แปดชั่วโมง สำหรับงานอื่นซึ่งไมใช่งานตาม (1)<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ข้อ 4 ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเป็นเงินแก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราวันละสี่ร้อยบาท<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ข้อ 5 ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ประกาศ ณ วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ไพโรจน์ โชติกเสถียร<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ปลัดกระทรวงแรงงาน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ประธานกรรมการค่าจ้าง<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ,&nbsp;10/4/2567&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>ครม. อนุมัติร่างกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงาน นายจ้างต้องประกาศเวลาทำงานให้ลูกจ้างทราบ ทำงานต้องไม่เกินวันละ 8 ชม. ลากิจปีละไม่น้อยกว่า 3 วัน ห้ามเลิกจ้างหญิงตั้งครรภ์</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">9 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมิให้ใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานบางส่วนแก่นายจ้างซึ่งจ้างลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับการงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย พ.ศ.&nbsp;….&nbsp;ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง (พ.ศ. 2541) เพื่อเพิ่มความคุ้มครองให้แก่ลูกจ้างที่ทำงานบ้าน ซึ่งไม่ได้มีการประกอบธุรกิจอยู่ด้วย ดังนี้ 1.ให้นายจ้างประกาศเวลาทำงานปกติให้ลูกจ้างทราบ แต่วันหนึ่งต้องไม่เกิน 8 ชั่วโมง และเมื่อรวมเวลาทำงานทั้งสิ้นแล้วใน 1 สัปดาห์ ต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง 2.ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีเวลาพักระหว่างการทำงานวันหนึ่งไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง 3.ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจำเป็นได้ปีละไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน 4.ห้ามไม่ให้นายจ้างให้ลูกจ้างหญิงที่มีครรภ์ทำงานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 06.00 น. ทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุด<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายคารม กล่าวอีกว่า 5.ให้ลูกจ้างหญิงที่ตั้งครรภ์มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตร ไม่เกิน 98 วัน 6.ห้ามไม่ให้นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างหญิงเพราะเหตุมีครรภ์ 7.ให้นายจ้างแจ้งการจ้างและแจ้งการสิ้นสุดการจ้างลูกจ้างที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ต่อพนักงานตรวจแรงงาน 8.ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มีสิทธิลาเพื่อเข้าประชุม สัมมนารับการอบรม รับการฝึกหรือลาเพื่อการอื่น ซึ่งจัดโดยสถานศึกษาหรือหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนและให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ปีหนึ่งต้องไม่เกิน 30 วัน 9.ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างหญิงในวันลาคลอดบุตร เท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ไม่เกิน 45 วัน 10.ห้ามไม่ให้นายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด เว้นแต่เป็นการหักตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 11.ห้ามไม่ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: เดลินิวส์,&nbsp;9/4/2567&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">&nbsp;</p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">&nbsp;<o:p></o:p></p></div>
      <div class="node-taxonomy-container">
    <ul class="taxonomy-terms">
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" hreflang="th">ข่าhttp://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88" hreflang="th">เศรษฐกิhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1" hreflang="th">สังคhttp://prachatai.com/category/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99" hreflang="th">แรงงาhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95" hreflang="th">ค

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
[ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 15-21 ม.ค. 2567
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 54 กระทู้ล่าสุด 21 มกราคม 2567 12:21:07
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 29 ม.ค.-4 ก.พ. 2567
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 47 กระทู้ล่าสุด 04 กุมภาพันธ์ 2567 12:28:00
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 5-11 ก.พ. 2567
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 53 กระทู้ล่าสุด 11 กุมภาพันธ์ 2567 14:50:55
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 19-25 ก.พ. 2567
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 47 กระทู้ล่าสุด 25 กุมภาพันธ์ 2567 12:53:27
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 26 ก.พ.-3 มี.ค. 2567
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 34 กระทู้ล่าสุด 03 มีนาคม 2567 16:11:20
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.226 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 14 เมษายน 2567 15:12:41