[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 มิถุนายน 2567 05:03:35 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ๙. มฆเทวชาดก ว่าด้วยเทวทูต  (อ่าน 72 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Maintenence
ผู้ดูแลระบบ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 1034


[• บำรุงรักษา •]

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 124.0.0.0 Chrome 124.0.0.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2567 12:00:17 »



ขุททกนิกายภาค ๑  เอกนิบาต ๑. อปัณณกวรรค
๙. มฆเทวชาดก ว่าด้วยเทวทูต

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันวิหาร ทรงปรารภการเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้

สมัยหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งพรรณนาการเสด็จออกบรรพชาของพระทศพล ลำดับนั้น พระศาสดาเสด็จมายังโรงธรรมสภา ประทับนั่งบนพุทธอาสน์ ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาถามว่า

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ ?”

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทั้งหลายนั่งพรรณนาการเสด็จออกบรรพชาของพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า”

พระศาสดาตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตออกเนกขัมมะในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็ได้ออกเนกขัมมะแล้วเหมือนกัน”

ภิกษุทั้งหลายจึงอาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อตรัสเรื่องนั้นให้แจ่มแจ้ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงเรื่องในอดีต ดังต่อไปนี้

ในอดีตกาล ในกรุงมิถิลา วิเทหรัฐ ได้มีพระราชาพระนามว่า มฆเทวะ เป็นพระมหาธรรมราชาผู้ดำรงอยู่ในธรรม พระเจ้ามฆเทวะนั้นทรง ให้กาลเวลาอันยาวนานหมดสิ้นไปวันหนึ่ง ตรัสเรียกช่างกัลบกมาว่า

“ดูก่อน ช่างกัลบกผู้สหาย ท่านเห็นผมหงอกบนศีรษะของเราในกาลใด ท่านจงบอก แก่เราในกาลนั้น”

ฝ่ายช่างกัลบกก็ได้ทำให้เวลาอันยาวนานหมดสิ้นไป วันหนึ่ง เห็นพระเกศาหงอกเส้นหนึ่งในระหว่างพระเกศาทั้งหลายอันมีสีดังดอกอัญชัน ของพระราชา จึงกราบทูลว่า

“ข้าแต่สมมติเทพ พระเกศาหงอกเส้นหนึ่งปรากฏแก่พระองค์”

พระราชาตรัสว่า “สหาย ถ้าอย่างนั้นท่านจงถอนผมหงอกนั้นของเราเอามาวางในฝ่ามือ”

เมื่อพระราชาตรัสอย่างนั้น ช่างกัลบกจึงเอาแหนบทองถอนแล้วให้พระเกศาหงอกประดิษฐานอยู่ในฝ่าพระหัตถ์ของพระราชา

ในกาลนั้น พระราชายังมีพระชนมายุเหลืออยู่ ๘๔,๐๐๐ ปี แม้เมื่อเป็นอย่างนั้น พระราชาได้ทรงเห็นผมหงอกแล้ว ก็ทรงสำคัญประหนึ่งว่าพระยามัจจุราชมายืนอยู่ใกล้ ๆ และประหนึ่งว่าตนเองมาอยู่บรรณศาลาอันไฟติดโพลงอยู่ ฉะนั้น ได้ทรงถึงความสังเวช จึงทรงพระดำริว่า

“ดูก่อนมฆเทวะผู้เขลา เจ้าไม่อาจละกิเลสเหล่านี้จนตราบเท่าผมหงอกเกิดขึ้น”

เมื่อพระเจ้ามฆเทวะนั้นทรงรำพึงถึงผมหงอกที่ปรากฏแล้ว ความเร่าร้อนภายในก็เกิดขึ้น พระเสโทในพระสรีระไหลออก จนชุ่มเครื่องทรง

พระเจ้ามฆเทวะนั้นทรงพระดำริว่า “เราควรออกบวชในวันนี้แหละ” จึงทรงพระราชทานบ้านชั้นดีแก่ช่างกัลบก แล้วรับสั่งให้เรียกพระโอรสพระองค์ใหญ่มาตรัสว่า

“ดูก่อนพ่อ ผมหงอกปรากฏบนศีรษะของพ่อแล้ว พ่อเป็นคนแก่แล้ว ก็กามของมนุษย์พ่อได้บริโภคแล้ว บัดนี้ พ่อจักแสวงหากามอันเป็นทิพย์ นี้เป็นการออกบวชของพ่อ เจ้าจงครอบครองราชสมบัตินี้ ส่วนพ่อบวชแล้วจักอยู่กระทำสมณธรรมในอัมพวันอุทยานชื่อมฆเทวะ”

อำมาตย์ทั้งหลายเข้าไปเฝ้าพระราชา แล้วทูลถามว่า

“ข้าแต่สมมติเทพอะไรเป็นเหตุแห่งการทรงผนวชของพระองค์ ?”

พระราชาทรงถือผมหงอก ตรัสพระคาถานี้แก่อำมาตย์ทั้งหลายว่า

“ผมที่หงอกบนศีรษะของเรานี้เกิดแล้ว เป็นเหตุนำวัยไป เทวทูตปรากฏแล้ว นี้เป็นสมัยแห่งการบรรพชาของเรา”

พระเจ้ามฆเทวะนั้น ครั้นตรัสอย่างนี้แล้วจึงสละราชสมบัติบวชเป็นฤๅษีในวันนั้นเอง ประทับอยู่ในเมฆอัมพวันนั้นนั่นแหละ เจริญพรหมวิหาร ๔ อยู่ ๘๔,๐๐๐ ปี ดำรงอยู่ในฌานอันไม่เสื่อม สวรรคตแล้วบังเกิดในพรหมโลก จุติจากพรหมโลกนั้น ได้เป็นพระราชาพระนามว่า เนมิ ในกรุงมิถิลา นั่นแหละอีก สืบต่อวงศ์ของพระองค์ที่เสื่อมลง จึงทรงผนวชในอัมพวันนั้นนั่นแหละ เจริญพรหมวิหาร กลับไปเกิดในพรหมโลกตามเดิมอีก

แม้พระศาสดาก็ได้ตรัสว่า

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตออกมหาภิเนษกรมณ์ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็ได้ออกแล้วเหมือนกัน”

ครั้งทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประกาศอริยสัจ ๔ ในเวลา จบอริยสัจ ภิกษุบางพวกได้เป็นพระโสดาบัน บางพวกได้เป็นพระสกทาคามี บางพวกได้เป็นพระอนาคามี

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประชุมชาดกว่า

ช่างกัลบกในครั้งนั้น ได้เป็น พระอานนท์ในบัดนี้

บุตรในครั้งนั้น ได้เป็นพระราหุลในบัดนี้

ส่วนพระเจ้ามฆเทวะได้เป็นเราตถาคตแล


ที่มา วัดโพรงจระเข้ จ.ตรัง

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

[• สุขใจ บำรุงรักษาระบบ •]
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.243 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 23 พฤษภาคม 2567 00:31:21