[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
06 ธันวาคม 2567 05:29:32 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ๑๐. สุขวิหาริชาดก ว่าด้วยการอยู่เป็นสุข  (อ่าน 109 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Maintenence
ผู้ดูแลระบบ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 1105


[• บำรุงรักษา •]

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 27 มิถุนายน 2567 19:00:43 »



ขุททกนิกายภาค ๑  เอกนิบาต ๑. อปัณณกวรรค
๑๐. สุขวิหาริชาดก ว่าด้วยการอยู่เป็นสุข

พระศาสดาเมื่อทรงอาศัย อนุปิยนคร ประทับอยู่ในอนุปิยอัมพวัน ทรงปรารภพระภัททิยเถระผู้มีปกติอยู่เป็นสุขจึงตรัสพระธรรมเทศนานี้

ก็ท่านพระภัททิยเถระรักษาคุ้ม ครองพระองค์ในคราวเป็นพระราชา ก็ยังทรงเห็นภัยที่จะเกิดขึ้นแก่พระองค์ผู้ อันเขารักษาอยู่ด้วยการรักษามากมายดุจเทวดาจัดการรักษา และภัยที่จะเกิดแก่ พระองค์ผู้ทรงพลิกกลับไปมาอยู่บนพระที่บรรทมใหญ่ในปราสาทชั้นบน บัดนี้ บรรลุพระอรหัตแล้ว แม้จะอยู่ในที่ใดที่หนึ่งมีป่าเป็นต้น ก็พิจารณาเห็นความที่พระองค์เป็นผู้ปราศจากภัย จึงเปล่งอุทานว่า

“สุขหนอ สุขหนอ”

ภิกษุทั้งหลายได้ฟังดังนั้นจึงกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

“ท่านพระภัททิยเถระ พยากรณ์พระอรหัตผล”

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภัททิยะนั้นจะมีปกติอยู่เป็นสุขในบัดนี้เท่านั้นหามิได้ แม้ในกาลก่อนก็มีปกติอยู่เป็น สุขเหมือนกัน.”

ภิกษุทั้งหลายจึงทูลอ้อนวอนพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อต้องการให้ ทรงประกาศเรื่องนั้น. พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ทรงกระทำเหตุอันระหว่างภพ ปกปิดไว้ ให้ปรากฏ ดังต่อไปนี้.

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เป็นพราหมณ์มหาศาลผู้เกิดในตระกูลสูง เห็นโทษในกามทั้งหลายและอานิสงส์ในการออกบวช จึงออกบวชเป็นฤๅษีเข้าป่าหิมพานต์ บำเพ็ญเพียรอยู่จนได้สมาบัติ ๘ บริวารของพระโพธิสัตว์นั้นมีดาบสอยู่ ๕๐๐ รูป. ครั้นถึงฤดูฝน พระโพธิสัตว์นั้นออกจากป่าหิมพานต์พร้อมด้วยหมู่ดาบสเที่ยวจาริกไปในคามและนิคมต่าง ๆ บรรลุถึงเมืองพาราณสี พระเจ้าพรหมทัตจึงได้อาราธนาให้พักอยู่ในพระราชอุทยาน ท่านพระฤๅษีทรงอยู่ในพระราชอุทยานนั้นตลอดฤดูฝนเป็นเวลา ๔ เดือน ครั้นสิ้นฝนแล้วจึงได้ทูลลาพระราชาเพื่อจะกลับไปป่าหิมพานต์ดังเดิม

พระเจ้าพรหมทัตทรงพระประสงค์จะอุปัฏฐากพระโพธิสัตว์จึงทรงอ้อนวอนให้พระโพธิสัตว์อยู่เสียที่ในพระนครพารณสี และส่งเหล่าศิษย์ทั้งหลายกลับไปอยู่ป่าหิมพานต์ พระโพธิสัตว์ทรงมอบหมายศิษย์ดาบสทั้ง ๕๐๐ รูป ให้กับหัวหน้าศิษย์เป็นผู้รับผิดชอบต่อไป แล้วส่งดาบสเหล่านั้นไป โดยบอกว่า

“ท่านจงไปอยู่ในป่าหิมพานต์ กับดาบสเหล่านั้น ส่วนเราจักอยู่ในที่นี้แหละ”

แล้วท่านก็พักอยู่ในพระราชอุทยานนั้นนั่นเอง

ศิษย์ผู้เป็นหัวหน้าของพระโพธิสัตว์นั้น เป็นราชตระกูล สละราชสมบัติแล้วออกบวช กระทำกสิณบริกรรมจนสำเร็จได้สมาบัติ ๘. ศิษย์ผู้เป็นหัวหน้านั้นก็อยู่ในป่าหิมพานต์กับดาบสทั้งหลายต่อมา จนกระทั่งวันหนึ่ง ท่านมีความประสงค์ จะไปเยี่ยมท่านพระฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ จึงเรียกดาบสเหล่านั้นมาแล้วกล่าวว่า

“ท่านทั้งหลายจงอยู่ในที่นี้แหละ เราเห็นอาจารย์แล้วจะกลับมา”

แล้วจึงเดินทางออกจากป่าหิมพานต์ไปยังสำนักของอาจารย์

ครั้นเมื่อถึงสำนักของอาจารย์ที่อยู่ในพระราชอุทยานของพระเจ้าพรหมทัต ที่กรุงพาราณสีแล้ว ได้พบพระฤๅษีผู้เป็นอาจารย์แล้ว จึงทำความเคารพแล้วกระทำปฏิสันถาร จากนั้นท่านจึงได้ปูลาดเสื่อลำแพนผืนหนึ่งนอนอยู่ในสำนักของอาจารย์นั่นเอง.

เวลานั้น พระเจ้าพรหมทัตทรงมีพระประสงค์จะทรงเยี่ยมพระดาบส จึงเสด็จไปยังพระราชอุทยาน พบพระฤๅษีผู้เป็นอาจารย์แล้ว จึงทรงถวายบงคมแล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง ส่วนพระดาบสผู้เป็นศิษย์ที่กำลังนอนอยู่บนเสื่อลำแพนนั้น แม้จะเห็นพระราชาเสด็จมาเยี่ยมพระฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ก็ไม่ลุกขึ้น แต่นอนอยู่อย่างนั้นพร้อมกับเปล่งอุทานว่า

“สุขหนอ สุขหนอ”

พระเจ้าพรหมทัตทรงเห็นดาบสผู้เป็นศิษย์ของพระฤๅษีผู้เป็นอาจารย์กระทำดังนั้นก็ทรงน้อยพระทัยว่า ดาบสนี้ แม้เห็นเราก็ ไม่ลุกขึ้น จึงตรัสกับพระโพธิสัตว์ว่า

“ท่านผู้เจริญ ดาบสนี้คงจะฉันตามต้องการ จึงสำเร็จการกินอย่างสบายทีเดียว แล้วเปล่งอุทานอยู่”

พระโพธิสัตว์ตรัสว่า “มหาบพิตร ดาบสนี้ เมื่อก่อน ได้เป็นพระราชาองค์หนึ่งเช่นเดียวกับพระองค์ ดาบสนี้นั้นคิดว่า เมื่อก่อนในคราวเป็นคฤหัสถ์ เสวยสิริราชสมบัติ แม้มีคนเป็นอันมากมือถืออาวุธคุ้มครองอยู่ ก็ยังไม่ได้มีความสุขดังเช่นที่มีอยู่เมื่ออกบวชเช่นนี้ จึงปรารภสุขในการบวช และสุขในฌานของตนแล้วเปล่งอุทานนี้”

พระราชาได้ทรงสดับพระธรรมเทศนาแล้วมีพระทัยยินดี บังคมแล้ว เสด็จไปยังพระราชนิเวศน์นั่นเอง ฝ่ายศิษย์นั้นก็ไหว้พระอาจารย์แล้วลากลับไปยังป่าหิมพานต์ตามเดิม ฝ่ายพระโพธิสัตว์พำนักอยู่ในพระราชอุทยานนั้น ดำรงอยู่ฌาน ครั้นสิ้นชีวิตแล้วไปบังเกิดในพรหมโลก.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า หัวหน้าศิษย์ในครั้งนั้นได้เป็น พระภัททิยเถระ ส่วนฤๅษีคือ เราเอง แล.


ที่มา วัดโพรงจระเข้ จ.ตรัง

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

[• สุขใจ บำรุงรักษาระบบ •]
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.216 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 31 ตุลาคม 2567 10:23:40