นกเขาชวา ความเชื่อว่าเป็นนกมงคล

นกเขาชวา ซื้อจากกรงที่เขาวางขายเพื่อนำไปปล่อยเพราะเหตุจากความสงสาร มีจำนวน ๓ ตัว
ก่อนปล่อยนำขังไว้ในกรงสองคืนเพื่อให้ชินกับสภาพแวดล้อม หลังปล่อยไปแล้วเขาน่าจะหากินลำบาก บินหายไปหนึ่งคืน
แล้วหวลบินกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านมาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน และคาดว่าคงอาศัยอยู่อย่างถาวร

นกเขาชวา

ชื่อภาษาไทย : นกเขาชวา หรือ นกเขาแขก
ชื่อภาษาอังกฤษ : Zebra Dove, Barred Ground Dove, Peaceful Dove
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Geopelia striata

นกเขาชวา เป็นนกขนาดเล็กชนิดหนึ่ง ในวงศ์นกพิราบและนกเขา มีรูปร่างเหมือนกับนกชนิดอื่น ๆ ในวงศ์เดียวกันนี้ทั่วไป มีขนปกคลุมตัวสีน้ำตาลหัวสีเทา หรือมีสีที่หัวเป็นสีน้ำเงิน ด้านข้างคอมีแถบสีดำสลับกับแถบขาวเป็นลายตามขวาง ด้านหลังสีเข้มมีขีดขวาง คล้ายกับลายของม้าลายในต่างประเทศ อันเป็นที่มาของชื่อสามัญในภาษาอังกฤษ (zebra dove) ด้านท้องสีจาง ใต้ลำตัวเป็นสีขาวมีขีดขวางเล็ก ขอบท้ายของขนหางสีขาว ขนาดเมื่อโตเต็มที่ไม่เกิน ๘-๙ นิ้ว

นกเขาชวามีพฤติกรรมชอบอาศัยอยู่ตามป่าโปร่ง ป่าละเมาะ ชายทุ่ง และบริเวณที่ทำการเพาะปลูก ชอบอยู่กันเป็นคู่หรือลำพังเพียงตัวเดียว แต่ไม่ชอบหากินอยู่เป็นฝูงใหญ่ มักร้องบ่อย ๆ ในเวลาเช้าและเวลาเย็น มีถิ่นกระจายพันธุ์ในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย จนถึงมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

นกตัวผู้จะมีลักษณะทั่วไปใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อย หัวใหญ่ค่อนข้างยาว มีสีขาวที่หน้าผากสีขาวมากยาวถึงกลางหัว ขณะที่ตัวเมียหัวกลมเล็กและสีขาวที่ส่วนหัวจะไม่ยาวเท่า และมีรายละเอียดต่างกันเล็กน้อย เช่น หางที่ตัวเมียจะยกแอ่นกว่าตัวผู้ และเกล็ดที่ข้อเท้าจะละเอียดเล็กกว่าตัวผู้

พฤติกรรม : หากินในตอนกลางวัน มักอยู่โดดเดี่ยว เป็นคู่ พบน้อยที่เป็นฝูง หากินตามพื้นดิน การร้องหรือการขันของนกเขาชวา เป็นการร้องขันเพื่อประกาศอาณาเขต หรือดึงดูดเพศตรงข้ามเพื่อการผสมพันธุ์

วัยเจริญพันธุ์ : ผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อนต่อฤดูฝน หรือระหว่างเดือนมีนาคม-มิถุนายน ทำรังแบบง่ายๆ ด้วยการใช้กิ่งไม้เล็กๆ และต้นหญ้ามาวางซ้อนทับกัน ตามง่ามของต้นไม้บริเวณแหล่งหากิน ไข่มีสีขาวไม่มีลายหรือขีดใดๆ ในแต่ละรังมีไข่ ๒ ฟอง ทั้ง ๒ เพศช่วยกันสร้างรัง ฟักไข่ ระยะเวลาฟักไข่ ๑๒-๑๓ วัน

ขนาดและน้ำหนัก : เป็นนกที่มีขนาดเล็ก ๒๑-๒๒ เซมติเมตร

อาหาร : กินเมล็ดธัญพืช และเมล็ดหญ้าต่างๆเป็นอาหาร

นกเขาชวาเป็นนกที่ไม่เกรงกลัวมนุษย์ ซ้ำยังมีเสียงร้องที่ไพเราะ จึงเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับฟังเสียง จนกลายเป็นวัฒนธรรมในคาบสมุทรมลายู โดยเชื่อว่ามีมาจากเกาะชวา มีการจัดแข่งขันประกวด การเพาะขยายพันธุ์ ก่อตั้งเป็นชมรมหรือสมาคมต่าง ๆ ซึ่งในตัวที่มีเสียงร้องไพเราะอาจมีราคาสูงถึงหลักล้านบาท ตลอดจนแตกแขนงกลายเป็นอาชีพอื่น ๆ ต่อด้วย เช่น ประดิษฐ์กรงนกขาย

นกเขาชวาในปัจจุบันกลายเป็นนกประจำถิ่นในพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย จากการที่ถูกนำเข้ามาในฐานสัตว์เลี้ยง และไม่จัดว่าเป็นสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองแต่ประการใด.....วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี & สวนสัตว์เปิดเขาเขียว (ข้อมูล)

ตัวนี้ตั้งชื่อว่า "จุ๊กกรู" ขันไพเราะ (สองเสียง) ขันเก่งมาก ไม่เฉพาะแต่กลางวัน กลางคืนขันอีกคืนละหลายครั้ง

ความเชื่อเกี่ยวกับการเลี้ยงนกเขาชวา

ความเชื่อเกี่ยวกับการเลี้ยงนกเขาชวา มีมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในหมู่คนไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งนกเขาชวาไม่ได้เป็นแค่นกสวยงาม แต่ยังเป็นนกมงคลที่เชื่อว่าสามารถนำโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง และความสงบสุขมาให้เจ้าของ

๑. นกเขาชวาเป็นนกนำโชค เชื่อกันว่า เสียงขันของนกเขาชวาเป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภ หากเลี้ยงแล้วนกขันบ่อยและไพเราะ เจ้าของจะมีโชคดี ทำมาค้าขายรุ่งเรือง นกที่มีเสียงขันดี มักถูกนำไปแข่งขัน ซึ่งผู้ชนะอาจได้รับเงินรางวัล ทำให้มีความเชื่อว่านกสามารถดึงดูดทรัพย์ได้
๒. เลี้ยงนกเขาชวาเพื่อเสริมบารมี คนที่มีตำแหน่งสูง เช่น ข้าราชการ นักธุรกิจ หรือเจ้าของกิจการ มักเลี้ยงนกเขาชวาเพื่อ เสริมอำนาจและบารมี เชื่อกันว่านกที่มีเสียงขันกังวานและนุ่มนวล จะช่วยให้เจ้าของมีวาจาเป็นทรัพย์ มีคนรักและเคารพ
๓. นกเขาชวาสื่อถึงความสงบและความเป็นสิริมงคล นกเขาชวามีบุคลิกอ่อนโยน เชื่อกันว่า ช่วยให้จิตใจสงบ ลดความเครียด และนำพาพลังงานดีเข้าสู่บ้าน ในบางพื้นที่มีความเชื่อว่า หากนกขันตอนเช้าหลังจากพระอาทิตย์ขึ้น จะเป็นสัญญาณของวันดี ๆ
๔. ความเชื่อเกี่ยวกับการเลือกนกเขาชวา นกที่มีลักษณะดี เช่น หัวกลม ปากแหลม ขนเป็นมัน เสียงขันมีจังหวะที่ดี มักถูกเชื่อว่าเป็น นกนำโชค บางคนเชื่อว่าการเลือกนกจากฟาร์มที่มีชื่อเสียง หรือเลือกนกจากพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่เสียงดี จะช่วยให้ได้ นกที่นำความโชคดีมาสู่เจ้าของ
๕. ตำแหน่งในการแขวนนกเขาชวา ตามหลักฮวงจุ้ย การแขวนนกเขาชวาไว้ทางทิศตะวันออก (ทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น) เชื่อว่าจะช่วยรับพลังงานที่ดีเข้าสู่บ้าน การแขวนนกไว้ในที่โปร่งโล่ง มีอากาศถ่ายเทดี จะทำให้นกมีสุขภาพดี และเสียงขันไพเราะขึ้น
๖. ความเชื่อเกี่ยวกับการขันของนก หากเลี้ยงนกแล้วนกขันถี่และดัง เชื่อกันว่า เป็นสัญญาณของโชคลาภและข่าวดี ถ้านกเงียบหรือไม่ขัน อาจหมายถึงพลังงานรอบตัวไม่ดี

สรุป การเลี้ยงนกเขาชวาไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามหรือเสียงขัน แต่ยังเป็นเรื่องของความเชื่อเรื่องโชคลาภ บารมี และพลังงานบวก .....หนังสือการเลี้ยงนกเขาชวา (ข้อมูล)

ประตูกรงจะเปิดไว้ตลอดเวลา เขาจะมีความสุขกับการลงไปนอนในกระถางดินเผาที่ใส่ทรายไว้ให้ (นกเขาเป็นนกที่ชอบกินทรายมาก)

ชอบที่จะลงไปนอนทับเมล็ดพืชที่ใส่ไว้ให้กิน