เรื่องลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๓ (จบ)เรื่องสวนพระยาภาสกรวงศ์ เรียบเรียง ----------------------------
ที่แผ่นดินทั้งปวง จึงได้แยกย้ายอยู่ในเจ้าพนักงานต่าง ๆ ทั้งผู้ที่รับอำนาจไปหวงห้ามที่จะทำที่ดินนั้นได้โดยความได้รับอนุญาตด้วยสิ่งสำคัญ คือมีโฉนดตราสารเป็นต้น ประชุมชนผู้รับที่แผ่นดินไปทำให้เกิดผลนั้น เจ้าพนักงานผู้รักษาก็ต้องขอแบ่งผลนั้นมาเป็นพระราชทรัพย์ เพื่อการปกครองประชุมชนและชาติให้ได้ความเกษมสำราญ เพราะว่าการที่ปกครองรักษาความสงบให้ได้ความเกษมสำราญนี้ พระเจ้าแผ่นดินผู้รับปกครองต้องเลือกคัดเอาหมู่ประชุมชนนั้นเป็นเสวกให้ทำการแทนพระองค์ตามราโชบาย การที่มีผู้ทำการแทนนี้ ต้องใช้ทรัพย์สมบัติจำแนกให้ปันแก่ผู้ทำการแทน และใช้ไนการอื่น ๆ ประกอบความปกครองนั้นมาก จึงเกิดเป็นส่วยสาอากรและค่านาค่าที่ขึ้น เฉลี่ยในผู้ที่ทำประโยชน์ในที่แผ่นดิน ซึ่งรับไปหวงห้ามทำให้เกิดผลนั้น ทรัพย์เหล่านี้ซึ่งเป็นส่วนได้มาจากที่แผ่นดินก็ใช้ในการปกครองแผ่นดิน เพื่อให้หมู่ประชุมชนได้ความเกษมสำราญนั้นเอง
ที่แผ่นดินซึ่งข้าพเจ้ากล่าวว่า มีประเภทแยกย้ายกันอยู่โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานนั้น และที่ได้ส่วนผลประโยชน์จากที่แผ่นดินเป็นค่าเช่าค่าถือมาเจือจานใช้ในการปกครองนั้นคือ
๑ ที่แผ่นดินซึ่งขุดร่องยกเป็นคัน เรียกว่าสวนใหญ่ใน ๑๑ หัวเมืองดังกล่าวมาแล้วอย่าง ๑ ซึ่งเจ้าพนักงานกรมพระคลังสวนเป็นเจ้าหน้าที่แผ่นดินที่เป็นสวนอย่างนี้ เอกชนผู้รับไปทำในที่แผ่นดินให้เกิดผลนั้น แบ่งส่วนผลที่จะได้อย่างน้อยที่สุดรับโฉนดตราสารไปฉะบับ ๑ อยู่ในปีละ ๓ สลึงนั้น ก็มีแต่มากขึ้นไปตามผลที่จะได้มากและน้อย คงแบ่งเป็นส่วนตามพิกัดอัตรา
๒ ที่แผ่นดินซึ่งโก่นสร้างหรือหักร้างถางพง ยกขึ้นเป็นคันเรียกว่าที่นานั้น ผู้ที่หวงห้ามทำประโยชน์ให้เกิดในที่นาเหล่านี้ ต้องรับโฉนดตราสารเป็นสำคัญ โฉนดตราสารนั้นเป็น ๒ ชะนิด คือโฉนดตราแดงอย่าง ๑ ซึ่งมีเจ้าพนักงานเป็นข้าหลวงแปดนายออกไปเดิรรังวัด ออกโฉนดตราสารให้เป็นครั้งเป็นคราวอย่าง ๑ เรียกว่าโฉนดตราจอง เจ้าพนักงานผู้ออกสำรวจและเก็บค่านาเรียกว่าข้าหลวงเสนา พร้อมด้วยกรมการผู้กำกับและกำนันท้องที่ ออกโฉนดตราจองให้ทุกปีตามแต่ผู้ที่ต้องการ ผู้ทำผลประโยชน์ในที่แผ่นดินซึ่งเรียกว่าที่นานั้น ถ้ามิได้รับโฉนดตราแดงหรือตราจองแล้ว จะหวงห้ามในที่ซึ่งทำอยู่ ว่าตัวเคยทำอยู่ไม่ได้ ที่นั้นตกเป็นหลวง ที่ซึ่งเรียกว่านานั้น มีประเภทจัดไว้เป็นสองอย่าง ในการที่จะเสียค่าเช่าถือในที่นั้น อย่าง ๑ เรียกว่านาคู่โคหรือนาตราแดงก็เรียกมีอยู่ ๔ หัวเมือง คือกรุงเก่า อ่างทอง ลพบุรี สุพรรณบุรี นาคู่โคนี้ต้องมีโฉนดตราสารเป็นสำคัญ ผู้ที่มีอำนาจหวงห้ามที่เหล่านี้ไว้ได้ ก็เสียค่าเช่าค่าถือ คือค่านาอยู่เสมอทุกปี ถึงจะทำก็ดีไม่ทำก็ดี มีพิกัดที่จะเสียค่านาโดยกำหนดเขตต์วัดเป็นตรางเส้น คือเส้น ๔ เหลี่ยมเรียกว่าไร่ ๑ เสียค่านาปีละสลึง ที่นาคู่โคนี้ผู้ที่หวงห้าม มีทุนรอนที่จะเสียค่านาอยู่เป็นนิจแล้ว อำนาจที่หวงห้ามที่ไว้ได้ก็ตกอยู่แก่ตนตลอดไปจนบุตร์และหลาน ซึ่งสามารถจะมีทุนรอนเสียค่านาอยู่แล้ว หรือจะส่งต่อแก่ผู้ซึ่งเรียกว่าซื้อขายกันก็ได้ ผู้ที่รับซื้อรับขายนั้นสามารถที่จะเสียค่านาให้ตามพิกัดแล้ว การที่ส่งต่อรับต่อแก่กันซึ่งสามัญเรียกว่าซื้อขายนี้ ที่แท้มิได้ซื้อขายที่แผ่นดินสิ่งไรเลย ด้วยเป็นที่แผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่งต่อรับต่อกันโดยอำนาจที่ผู้รับโฉนดตราสาร มาจากเจ้าพนักงานเป็นสำคัญ คือขายโฉนดตราสาร ที่รับอำนาจไปหวงห้ามที่แผ่นดินซึ่งเป็นนา ตามที่กำหนดไว้ในโฉนดตราสารเท่านั้น ที่นาชะนิดนี้เมื่อผู้หวงห้ามไม่สามารถที่จะเสียค่านาอยู่ตามกำหนดประจำปีเมื่อไร ก็ต้องนำโฉนดตราสารนั้นมามอบเวนคืนยังเจ้าพนักงาน จึงขาดอำนาจความหวงห้ามไม่ต้องเสียค่าเช่าค่าถือต่อไป
ที่นาอีกอย่างหนึ่ง เรียกว่านาฟางลอย มีอยู่ทั่วไปทุกเมือง ผู้ที่จะหวงห้ามที่นี้ไว้ได้ ก็ต้องรับโฉนตตราแดงตราจองต่อเจ้าพนักงานจึงจะหวงห้ามที่นั้นไว้ได้ตามกำหนดเขตต์ ที่มีอยู่ในโฉนดตราสารนั้น ผู้ที่หวงห้ามต้องประกอบโดยความอุตสาหะด้วย ไม่ฉะเพาะแต่โฉนดตราสารอย่างเดียว ที่ซึ่งหวงห้ามไว้นี้ ถ้าทอดทิ้งไม่ทำ ๓ ปีไปแล้วก็ขาดอำนาจความหวงห้าม ผู้หนึ่งผู้ใดจะเข้ารับทำต่อก็ได้ เป็นแต่บอกให้เจ้าพนักงานทราบไว้ เพราะที่ว่านาชะนิดนี้ เสียค่าเช่าค่าถือมิได้ทั่วไป จำเพาะแต่ทำได้ผลที่มีฟางเป็นตอซังได้เท่าไร ต้องเสียค่าเช่าถือแต่เท่านั้น โดยกำหนดเขตต์ไร่ละสลึงเฟื้อง มากกว่านาคู่โคอยู่เฟื้อง ๑ เพราะว่าที่นาซึ่งทำไม่ได้ผล หรือไม่ได้ทำก็ไม่ต้องเสีย จึงได้เป็นการผิดกันอยู่ มีเจ้าพนักงานไปประเมินเก็บทุกปี นาฟางลอยเช่นนี้มีประเภทตามชื่อในสถานที่เพาะปลูกทำอยู่นั้นหลายอย่าง คือ นาน้ำฝน นาฟาง นาทุ่ง นาป่า นาไร่ นาเข้าหางม้า นาเข้าเรื้อ นาในท้องร่องสวน นาอกร่องสวน นาท้องมาบ นาชายเลน นาริมน้ำ นาปรัง เป็นต้น นาที่มีประเภทต่าง ๆ เหล่านี้ มักเรียกตามภูมิ์ที่ซึ่งทำนั้น แต่ก็ลงเป็นอย่างนาฟางลอย ตามที่ต้องเสียค่านาแต่จำเพาะที่จะทำได้ผล ๚
----------------------------
โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร
ถนนราชบพิธ พระนคร
๑๙/๑๐/๗๕
-----------------------------------------
๑ เมื่อเวลาแต่งหนังสือเรื่องนี้ยังไม่มีเรือไฟไปมาเสมอ และยังไม่มีรถไฟ
๒ พ.ศ. ๒๔๒๕-๒๔๒๖
ขอขอบคุณ หอสมุดวัชรญาณ (ที่มา)