[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
24 มิถุนายน 2568 18:17:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - ประวัติศาสตร์ทำงานยังไง ในสมการ ‘ความชิงชัง’ ไทย–กัมพูชา สรุป 5 เล่มเพื่อ ‘รักช  (อ่าน 62 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 18 มิถุนายน 2568 16:06:44 »

ประวัติศาสตร์ทำงานยังไง ในสมการ ‘ความชิงชัง’ ไทย–กัมพูชา สรุป 5 เล่มเพื่อ ‘รักชาติ’ แบบเท่าทัน
 


<span>ประวัติศาสตร์ทำงานยังไง ในสมการ ‘ความชิงชัง’ ไทย–กัมพูชา สรุป 5 เล่มเพื่อ ‘รักชาติ’ แบบเท่าทัน</span>

            <div class="field field--name-field-byline field--type-text-long field--label-hidden field-item"><p>เรียบเรียง: ภัททิยา โอถาวร</p><p>ภาพปก: กิตติยา อรอินทร์</p></div>
      <span><span>See Think</span></span>
<span><time datetime="2025-06-17T16:29:58+07:00" title="Tuesday, June 17, 2025 - 16:29">Tue, 2025-06-17 - 16:29</time>
</span>

            <div class="field field--name-body field--type-text-with-summary field--label-hidden field-item"><p>จากเหตุการณ์เมื่อวันที่&nbsp;28 พ.ค.&nbsp;2568 บริเวณ&nbsp;‘ช่องบก’ จังหวัดอุบลราชธานี ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต&nbsp;1 นาย อาจกล่าวได้ว่าเป็นอีกครั้งที่ไทย–กัมพูชาเกิดข้อพิพาทกันอีกครั้ง นับตั้งแต่ พ.ศ. 2502 กัมพูชาได้ยื่นฟ้องศาลโลกกรณีอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหาร ถัดมา พ.ศ.&nbsp;2554&nbsp; กัมพูชายื่นคำร้องต่อศาลโลกขอให้ตีความคำพิพากษาที่ได้ตัดสินไป ผ่านมาจนกระทั่งปลายปีที่ผ่านมา มีกระแส ‘เสียเกาะกูด’ เนื่องจากมีการรื้อฟื้น&nbsp;MOU&nbsp;44 ที่ได้เคยทำกันไว้ ประกบคู่ไปกับกระแส ‘เคลมโบเดีย’ ในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นประเด็น&nbsp;‘เคลมวัฒนธรรม’&nbsp;คำถามสำคัญก็คือ อะไรที่ทำให้ไทย–กัมพูชามีข้อพิพาทกันแทบจะตลอดเวลา และจากข้อพิพาทล่าสุด กระแสในโลกออนไลน์จำนวนมากยืนยันหนักแน่น “เราจะไม่ยอมเสียดินแดน” ทำไมประชาชนทั้งสองชาติต่างยึดมั่นกับคำ&nbsp;‘เสียดินแดน’ ประวัติศาสตร์ไทยก่อร่างสร้างเรื่องดินแดนไว้อย่างไร มองประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร และสิ่งเหล่านี้ทิ้งอะไรไว้ในปัจจุบัน</p><h2>เมื่อไร – ทำไมเราถึงต้องขีดเส้นแบ่งเขตแดน&nbsp;?</h2><p>การขีดเส้นแบ่งเขตแดนที่ชัดเจนเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าสู่การเป็นรัฐสมัยใหม่ รัฐสมัยใหม่คือ&nbsp;รัฐที่มีขอบเขตดินแดนอำนาจชัดเจน มีระบบราชการ ศูนย์กลางอำนาจ เมืองหลวงที่แน่นอน<strong> นิธิ เอียวศรีวงศ</strong>์ อุปมารัฐก่อนสมัยใหม่หรือรัฐจารีตว่าเสมือน ‘แสงเทียน’ กล่าวคือพระราชอำนาจของกษัตริย์เข้มแข็งเมื่ออาณาบริเวณนั้นอยู่ใกล้พระองค์ แต่เมื่ออาณาบริเวณห่างไกลออกไป เปลวเทียนหรือพระราชอำนาจก็ลดน้อยหรือเบาบางลงไปตามลำดับ และอาจทับซ้อนกับเทียนอีกดวงหนึ่งก็ได้ซึ่งบริเวณพื้นที่นั้นจะไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นเจ้าของ</p><p>ในหนังสือ ‘กำเนิดสยามจากแผนที่' <strong>ธงชัย วินิจจะกูล&nbsp;</strong>อธิบายถึงพื้นที่ทับซ้อนนั้นว่าเป็นสิ่งปกติในรัฐจารีต และบริเวณพื้นที่ทับซ้อนมักยอมรับอำนาจจากกษัตริย์หลายองค์ แต่การเกิดขึ้นของรัฐสมัยใหม่ไม่ยอมรับการมีพื้นที่ทับซ้อน รัฐสมัยใหม่มองว่าอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนรัฐต่างๆ ต้องแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน และไม่มีการทับซ้อน</p><p>การจัดทำแผนที่สยามครั้งแรกเกิดขึ้นภายใต้การเข้ามาของประเทศเจ้าอาณานิคมอย่าง อังกฤษและฝรั่งเศส ในทศวรรษ 2400 อังกฤษได้รุกรานดินแดนทางตอนใต้ของสยาม ขณะที่ฝรั่งเศสรุกเข้ามาทางไซง่อน ข้าราชการฝรั่งเศสที่อินโดจีนประกาศว่าจะทำให้จักรวรรดิฝรั่งเศสเป็นจริงขึ้นมา และจักรวรรดินี้ต้องแผ่ขยายจากกวางตุ้งและยูนนานไปจนถึงกรุงเทพฯ นอกจากนั้นฝรั่งเศสยังนำเอาแนวคิดแบบตะวันตกในการอ้างสิทธิ์เข้าครอบครองดินแดนโดยใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ภายใต้บริบทเช่นนี้สยามมองว่าการมีเส้นแบ่งเขตแดนที่ชัดเจนเป็นวิธีป้องกันจากชาติอาณานิคม ในปี พ.ศ. 2423 จึงว่าจ้าง&nbsp;‘เจมส์ แมคคาร์ที’ นักสำรวจจากอินเดียให้ทำแผนที่บริเวณชายแดน แผนที่ฉบับนี้ได้รับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ.&nbsp;2430 สยามมีอาณาเขตตั้งแต่สิบสองปันนาลงใต้ไปตามเทือกเขาอันนัมที่เขมร</p><h2>ข้อพิพาทดินแดนสยาม–ฝรั่งเศส บริเวณกัมพูชา ในยุคอาณานิคม</h2><p>จากหนังสือประมวลสนธิสัญญาระหว่างสยามกับประเทศเพื่อนบ้าน<strong> ชาญวิทย์&nbsp;เกษตรศิริ&nbsp;</strong>อธิบายว่า เดิมทีกัมพูชา หรือเขมรส่วนนอกต้องถวายบรรณาการให้สยามทุกๆ ปี และเวียดนาม 3 ปีต่อ&nbsp;1 ครั้ง กัมพูชาจึงเป็น ‘เมืองขึ้นสองฝั่งฟ้า’ หรือสองฝ่ายฟ้า ธงชัย วินิจจะกูลได้กล่าวถึงความหมายของคำนี้ในหนังสือ ‘กำเนิดสยามจากแผนที่’ ว่าเป็นคำคุณศัพท์ในภาษาไทยและลาวบ่งบอกถึงจำนวนบรรณาการที่ส่งให้พระเจ้าแผ่นดิน ตามคำนิยามรัฐก่อนสมัยใหม่กัมพูชาจึงถือเป็นบริเวณพื้นที่ทับซ้อนระหว่างอำนาจอธิปไตยของสยามและเวียดนาม</p><p>หนังสือประมวสนธิสัญญาฯ ยังระบุอีกว่า เมื่อฝรั่งเศสครอบครองเวียดนามใต้ (โคชินจีน) ในปี พ.ศ.2405 จึงขยายอิทธิพลเข้ามาในกัมพูชา ด้วยสถานการณ์เช่นนี้กษัตริย์กัมพูชายินยอมทำสัญญาเป็น ‘รัฐอารักขา’ ของฝรั่งเศส ทำให้กัมพูชาหลุดจากการเป็นประเทศราชของสยาม แต่ภายหลังการทำสนธิสัญญาดังกล่าว&nbsp;3 เดือนสยามได้ทำสนธิสัญญากับกัมพูชา สนธิสัญญาระบุว่า กัมพูชายังคงสถานะความเป็น&nbsp;‘ประเทศราช’ ของสยามยอมรับความเป็นใหญ่จากสยามในแง่ผลประโยชน์การค้ารวมถึงข้าหลวงจากกรุงเทพฯ ซึ่งจะถูกส่งไป ควบคู่กับการเป็นรัฐอารักขาของฝรั่งเศส สำหรับฝรั่งเศสสัญญานี้คือ ‘สัญญาลับ’ ที่ยอมรับไม่ได้ ถัดมา&nbsp;4 ปี ในปี พ.ศ. 2410 ฝรั่งเศสจึงทำสัญญากับสยามเกี่ยวกับสถานภาพของราชอาณาจักรกัมพูชา สนธิสัญญานี้ระบุให้สยามต้องปักปันเขตแดนบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ไล่ลงมาตามแม่น้ำโขง แล้ววกตามเข้ามาตามเทือกเขาพนมดงรัก ไล่ลงไปถึงชายทะเลที่จังหวัดตราดและเกาะกง อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันการปักปันอาณาเขตก็ยังไม่แล้วเสร็จ ภายใต้สนธิสัญญาฉบับนี้ระบุว่าสยามยังคงมีสิทธิ์เหนือดินแดนเขมรใน ได้แก่ พระตะบอง และเสียมราฐ</p><p>การทำสนธิสัญญาฉบับดังกล่าวไม่ได้ทำให้ข้อพิพาทดินแดนระหว่างสยาม–ฝรั่งเศสยุติลง วิกฤตการณ์ ร.ศ.&nbsp;112 เมื่อฝรั่งเศสนำเรือปืน 2 ลำเข้ามายังกรุงเทพฯ และยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลสยามให้เพิกถอนสิทธิเหนือดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง และเกาะต่างๆ ของลาวไปจนถึงพรมแดนเขมร รวมทั้งและเรียกร้องให้ไทยจ่ายค่าชดเชยความเสียหาย ในตอนแรกรัฐบาลไทยไม่ยอมรับการเพิกถอนสิทธิเหนือดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ฝรั่งเศสจึงยึดครองท่าเรือจันทบุรี วิกฤตการณ์นี้นำไปสู่สนธิสัญญากรุงสยาม–กรุงฝรั่งเศส วันที่&nbsp;3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ระบุให้สยามสละสิทธิในดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง และต้องไม่มีทหารสยามในเมืองพระตะบอง และเสียมราฐ&nbsp;โดยฝรั่งเศสจะยึดจันทบุรีไว้เป็นประกันจนกว่าสยามจะปฏิบัติครบ&nbsp;การปักปันอาณาเขตตามสนธิสัญญานี้ ได้ตัดรัฐลาวที่หลวงพระบาง เวียงจันทร์ เขมรตอนเหนือ ส่วนใหญ่ของสิบสองปันนา และสิบสองจุไท ออกจากแผนที่สยามที่แมคคาร์ทีได้วาดไว้ หลังจากนั้น&nbsp;9 ปีได้มีการเซ็นสนธิสัญญา ค.ศ.&nbsp;1902 และ ค.ศ.&nbsp;1909&nbsp;(พ.ศ.2445 และ พ.ศ. 2452) ซึ่งทำให้เขตแดนของสยามชัดเจนขึ้น ถึงแม้ก่อนหน้านั้นฝรั่งเศสได้มีจัดทำแผนที่มาตราส่วน 1 :&nbsp;200,000 ตามบริเวณที่ปักปันกันใหม่ตามสนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ซึ่งระบุว่าสยามได้ยกพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ&nbsp;ซึ่งเป็นเขมรตอนใน เพื่อแลกกับเมืองด่านซ้าย (จังหวัดเลย) และเมืองตราด โดยมีการจัดทำหลักเขตแดน 73 หลักขึ้นมาในปี ค.ศ. 1909&nbsp;</p><h2>วิกฤต ร.ศ. 112&nbsp; - ประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยม – อาณานิคมอำพราง</h2><p>งานประชุมสัมมนา เนื่องในโอกาสเกษียณอายุ อาจารย์ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ธงชัยได้บรรยายตอนหนึ่งว่าวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ส่งผลต่อแม่บทของประวัติศาสตร์ไทย จากประวัติศาสตร์การเมืองแบบพงศาวดารเรื่องของพระองค์ต่างๆ กลายเป็นเรื่องของสยามที่ถูกต่างชาติคุกคาม แต่มีวีรบุรุษแห่งชาติช่วยกอบกู้เอกราช หรือรักษาเอกราชไว้ได้เสมอ</p><p>งานทางประวัติศาสตร์ที่เกิดหลังจากวิกฤต ร.ศ. 112 คือ แสดงบรรยายพงศาวดารสยาม และพระราชนิพนธ์คำนำและคำอธิบายพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ธงชัยอธิบายเพิ่มเติมถึงโครงเรื่องประวัติศาสตร์ของพระราชนิพนธ์คำนำและคำอธิบายพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ในหนังสือ ‘ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย’ ว่า ‘ชาติ’ กำเนิดเป็นราชอาณาจักรด้วยการต่อสู้อำนาจจากผู้อื่น แต่ต้องเจอกับภัยคุกคามจากต่างชาติ บางครั้งเสียหายรุนแรงถึงขั้นเสียเอกราช ทว่าก็สามารถกอบกู้เอกราชและรักษาความเป็นชาติไว้ได้ งานทั้งสองชิ้นเป็นผลงานของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งธงชัยสรุปว่าวิกฤต ร.ศ. 112 ได้ให้กำเนิดความรู้ประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยม และยังคงครอบงำอุดมการณ์ประวัติศาสตร์ของไทย&nbsp;</p><p>ประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมถือเอา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นแก่นในการอธิบายประวัติศาสตร์ สำหรับวิกฤต ร.ศ.&nbsp;112 ประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมให้ภาพฝรั่งเศสเป็นหมาป่าที่รังแกลูกแกะซึ่งก็คือสยาม และมักมองข้ามการที่สยามเป็นหมาป่าตัวเล็ก และฝรั่งเศสเป็นหมาป่าตัวใหญ่ แย่งกันครอบครองกัมพูชา ประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมมองว่าการผนวกดินแดนเช่นนี้เป็นการรักษาเอกราชของสยาม แต่วิธีการที่สยามใช้ในการผนวกดินแดนคล้ายกับวิธีการที่เจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษใช้ปกครองอินเดียและเนเธอร์แลนด์ในหมู่เกาะอินเดียตะวันออก (อินโดนีเซีย) กล่าวคือ&nbsp; สยามเข้าไปควบคุมหัวเมืองเหล่านั้น ส่งกองทัพและคนของตนเข้าไป ซึ่งระยะแรกจะให้ความร่วมมือกับเจ้าท้องถิ่น อนุโลมให้ใช้ระบบเดิมของตน และจากนั้นค่อยดึงอำนาจเข้ามาที่ศูนย์กลาง การที่สยามได้รับอิทธิพลจากเจ้าอาณานิคมแต่กลับไม่มองว่าตนไม่เคยเสียเอกราชจึงถูกเรียกว่า ‘อาณานิคมอำพราง’ ธงชัย กล่าวในงานสัมมนา</p><h2>ประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมในช่วงเวลาที่สมบูรณาญาสิทธิราชย์เสื่อมถอย<strong>&nbsp;</strong></h2><p>ประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมเริ่มเป็นรูปเป็นร่างช่วงต้นรัชกาลที่ 6 เป็นเวลาเดียวกับที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ถูกท้าทาย แต่ประวัติศาสตร์แบบราชาตินิยมไม่ถูกท้าทาย&nbsp;</p><p>“ความทรงจำร่วมของสังคมที่มีต่อพระปิยมหาราชซึ่งเป็นเสาเข็มเสาหลักของประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมไม่ถูกท้าทาย”&nbsp;ธงชัยกล่าวพร้อมทั้งระบุว่&nbsp;ในทางกลับกันกลุ่มผู้ต่อต้านรับเอารัชกาลที่ 5 มาเป็นบรรทัดฐานผู้นำในประวัติศาสตร์จนผู้นำพระองค์ถัดมาไม่สามารถเทียบได้</p><p>ธงชัยยังกล่าวว่า ภายหลังการอภิวัฒน์สยามในปี พ.ศ.2475 ประวัติศาสตร์ชาตินิยมช่วงนั้นไม่ได้ท้าทายประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมอย่างถึงราก เพียงแต่พยายามเสนอให้ ‘ชาติ’ เป็นจุดหมายของประวัติศาสตร์ซึ่งกษัตริย์ในอดีตเชิดชูรับใช้ แต่ไม่ได้สร้างแม่บทฉบับใหม่เพื่อผลักไสความคิดเรื่องการโดนคุกคามจากชาติตะวันตกและการรักษาเอกราชของสยามออกไป มากไปกว่านั้นการรักษาเอกราช การกอบกู้ชาติ ซึ่งเป็นแก่นของราชาชาตินิยมกลับได้รับการตกทอดมาอยู่ในมือผู้นำแห่งชาติ ภารกิจเหล่านั้นดำเนินผ่านการเรียกร้องดินแดนที่เสียไปในวิกฤต ร.ศ. 112 คืน</p><h2>กระแสการเรียกร้องดินแดนที่เสียไปคืน</h2><p>การเสียดินแดนได้กลายเป็นประเด็นแห่งชาติช่วงคริสตทศวรรษ 1930 ท่ามกลางกระแสฟาสซิสม์ของโลก จอมพล ป. พิบูลสงครามได้ปลุกแนวคิดชาตินิยมเข้มข้นผ่านการเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น ‘ไทย’ แนวคิดชาตินิยมถูกเผยแพร่ภายใต้แนวทางที่รัฐบาลกำหนด ในทางการเมืองรัฐบาลได้โฆษณาชวนเชื่อเรื่องความยิ่งใหญ่ของเชื้อชาติไทย และความเป็นพี่น้องระหว่างคนเผ่าไทในภาคพื้นอุษาคเนย์ ยิ่งไปกว่านั้นยังผลักดันให้เกิดขบวนการเรียกร้องดินแดนคืน ในช่วงนี้เองหลวงวิจิตรวาทการได้ปาฐกถาเรื่องการเสียดินแดนไทยให้แก่ฝรั่งเศส&nbsp;ตอนหนึ่งว่า&nbsp; “ถ้าหากเราได้ดินแดนที่เสียไปนั้นคืนมา เรามีหวังจะเป็นมหาประเทศ”</p><p>ท่ามกลางกระแสการเรียกร้องดินแดนคืนยังมีการตีพิมพ์&nbsp;‘แผนที่ประวัติอาณาเขตไทย’ ซึ่งเสนอว่า เส้นเขตแดนที่ชัดเจนก่อนการเสียดินแดนคืออาณาเขตของสยาม และค่อยๆ ลดขนาดลง ธงชัยตั้งคำถามต่อเรื่องนี้ว่า “นักประวัติศาสตร์ใช้วิธีการอะไรมาบอกว่าอาณาเขตอันชอบธรรมของสยามก่อนช่วงศตวรรษที่ 19 มีอยู่แค่ไหน” ธงชัยมองว่าแผนที่นี้ทำให้ความเจ็บปวดถูกแปรเป็นรูปธรรม มองเห็นได้ วัดขนาดได้ ส่งต่อได้ง่าย และมองว่าแผนที่นี้ปฏิเสธว่าสยามถูกกำหนดเขตแดนโดยชาติตะวันตก เขตแดนที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ดำรงอยู่มาช้านานแล้ว คำนวณความสูญเสียมาเป็นตารางกิโลเมตรได้ ใน พ.ศ. 2483 แผนที่นี้ถูกแจกจ่ายไปตามโรงเรียนและสถานที่ราชการ</p><p>บุคคลสำคัญในการผลิตงานเชิงวัฒนธรรมชาตินิยมออกมาคือ&nbsp;‘หลวงวิจิตรวาทการ’ ผู้เขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์จำนวนมาก โดยแก่นเรื่องของบทละคร หลวงวิจิตรฯ มักพูดถึงถิ่นกำเนิดของคนไทย การต่อสู้เพื่อเอกราช สงครามต่อต้านศัตรูต่างชาติ และการรวมชาติ โดยมีโครงเรื่องคือ ชาติที่รักสงบถูกคุกคามโดยศัตรูต่างชาติ ธงชัยได้ยกตัวอย่างละครประวัติศาสตร์ของหลวงวิจิตรฯ เรื่อง&nbsp;‘พระนเรศวรประกาศอิสรภาพ’ หลังจากอยุธยาพ่ายแพ้แก่พม่า เพื่อเป็นการแก้แค้นจึงมองหาโอกาสที่จะฟื้นฟูอิสรภาพของประเทศและเรียกร้องดินแดนคืน “‘เราต้องกู้อิสรภาพของพวกเราพะยะค่ะ อิสรภาพคือชีวิตจิตต์ใจ ประเทศใดไร้อิสรภาพ พลเมืองของประเทศ นั้นก็เหมือนไม่ใช่มนุษย์พะยะค่ะ’&nbsp;ในฉากสุดท้ายของเรื่อง ชาวไทยและมอญภายใต้การนำของสมเด็จพระนเรศวรกำลังข้ามแม่น้ำกลับมายังฝั่งไทยหลังบุกตีหงสาวดีโดยไม่มีใครเสียชีวิต ขณะที่กองทัพพม่าที่ไล่ตามมานั้น พระนเรศวรได้ยิงปืนข้ามแม่น้ำไปหนึ่งนัดส่งผลให้แม่ทัพพม่าเสียชีวิตทันที ธงชัยอธิบายว่า นอกเหนือจากโครงเรื่องของบทละคร ประวัติศาสตร์นิพนธ์ (การเขียนประวัติศาสตร์) และแผนที่ มีความคล้ายคลึงกันชัดเจน เรื่องราวมักมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างสยามกับศัตรูต่างชาติ ธงชัยมองว่าหลวงวิจิตรฯ ให้ภาพการปฏิรูปการปกครองระบอบเทศาภิบาลว่าคือความสำเร็จของบรรดาเจ้านายผู้บริหารประเทศ สำหรับเรื่องการเสียดินแดนในวิกฤต ร.ศ. 112 ทำให้รำลึกถึงความยากลำบาก การเสียสละ ความรักชาติ และความสามัคคี อย่างไรก็ดี ในปี พ.ศ.&nbsp;2484 จอมพล ป. ได้ส่งทหารไปยึดครองบางส่วนของกัมพูชาที่ฝรั่งเศสถือครอง ผลของการปะทะไม่ชัดเจนว่าฝ่ายใดชนะ แต่รัฐบาลจอมพล ป. ชิงประกาศว่า&nbsp;‘ไทยชนะ’ ญี่ปุ่นเข้ามาช่วยในฐานะตัวกลางในการเจรจา ท้ายที่สุดประเทศไทยได้รับ พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ มาครอบครอง แต่เป็นการครอบครองชั่วคราวจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ</p><p>ธงชัยกล่าวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาตินิยมหลัง&nbsp;2475 ที่ไม่ได้สร้างแม่บทฉบับใหม่นี้ว่า การเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชาตินิยมสู่สาธารณชน กลายเป็นความทรงจำในหมู่ประชาชนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ทรงสร้างแม่บทของประวัติศาสตร์แห่งชาติ แต่ฝ่ายตรงข้ามกับพระองค์กลับเป็นผู้ เผยแพร่ให้กว้างขวาง”</p><h2>กัมพูชาในหน้าประวัติศาสตร์ไทย</h2><p>บทที่&nbsp;5 ของหนังสือคนไทย/คนอื่น เรื่อง ‘ภาพรวมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศไทย’ ธงชัยระบุว่า ไทยมักเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในการมองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม่บทของประวัติศาสตร์ไทยมีรากฐานอยู่ที่ความรับรู้ของเจ้าสยามที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้านซึ่งถูกทำให้กลายเป็นสำนึกทางประวัติศาสตร์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 วิกฤต ร.ศ.&nbsp;112 ให้ภาพว่าสยามที่สงบสุขถูกต่างชาติคุกคาม แต่สามารถรักษาเอกราชรอดพ้นมาได้ด้วยปรีชาสามารถของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบันเมื่อไทยต้องปะทะสังสรรค์กับประเทศเพื่อนบ้าน ภาพพจน์นี้กลายเป็นสื่อสร้างความรู้เกี่ยวกับความ ‘เป็นอื่น’&nbsp;ของแบบเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันการที่ไทยมองตัวเองเป็นศูนย์กลาง ทำให้ไทยหรือราชสำนักสยามมองว่าตนเป็นอธิราชมาหลายศตวรรษ ส่งผลให้ประเทศเพื่อนบ้านกลายเป็นอธิราชคู่แข่ง หรือไม่ก็เป็นประเทศราชที่ด้อยกว่า</p><p>สำหรับกัมพูชา สำนวนภาษาไทยจำนวนมากสื่อถึงเพื่อนบ้านที่ด้อยกว่าและไม่น่าไว้วางใจ เช่น สำนวน ‘เขมรแปรพักต์’ และ ‘ขอมดำดิน’ ในสายนักประวัติศาสตร์ชาตินิยมสมัยใหม่มองว่ากษัตริย์กัมพูชา ไม่จงรักภักดีต่อกษัตริย์อยุธยา มักเปลี่ยนข้างมาโจมตีสยามเมื่อสยามมีปัญหา พงศาวดารอยุธยาบันทึกว่าหลังจากกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ.&nbsp;2112&nbsp; กษัตริย์กัมพูชาได้ฉวยโอกาสปล้นสะดมเมืองชายแดนและเมืองขึ้นเล็กๆ ที่อยู่ติดกัมพูชา พงศาวดารยังบันทึกอีกว่าพระนเรศวรไม่พอใจการกระทำเช่นนี้ ทำให้ในปี พ.ศ.&nbsp;2137 พระนเรศวยกทัพไปตีกรุงละแวกและจับกษัตริย์กัมพูชากลับมา พงศาวดารอยุธยาระบุว่ากษัตริย์กัมพูชาถูกลงโทษด้วยพิธีกรรมที่เรียกว่าปฐมกรรม หลังจากประหารได้นำเลือดของเขามาล้างเท้าของพระนเรศวร อย่างไรก็ดีเรื่องเล่าชุดนี้ไม่ปรากฏในพงศาวดารใดๆ แหล่งข้อมูลร่วมสมัยของกัมพูชาบอกว่ากษัตริย์กัมพูชาสามารถหลบหนีไปยังเมืองแถลงและเสียชีวิตที่นั้น ธงชัยกล่าวว่า “ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม เรื่องตอนนี้และสัญลักษณ์ของพิธีกรรมก็ดูจะจับจุดสำคัญของจิตนาการที่สมัยใหม่มีต่อกัมพูชาได้ชัดเจน”</p><p><strong>บรรณานุกรม</strong></p><ul><li>คริสเบเคอร์ และผาสุก พงษ์ไพจิตร.&nbsp;(2566).&nbsp;ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย. (พิมพ์ครั้งที่ 15) มติชน.</li><li>จารุวรรณ สุขุมาลพงษ์. วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112.&nbsp;สถาบันพระปกเกล้า. https://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=วิกฤตการณ์_ร.ศ._112</li><li>ชัยพงษ์ สำเนียง.ราชาชาตินิยมกับการเขียนประวัติศาสตร์ชาติไทย และประวัติศาสตร์กระแสอื่นในฐานะเชิงอรรถ. ประชาไท. https://prachatai.com/journal/2020/02/86456</li><li>ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (2554).&nbsp;ประมวลสนธิสัญญา อนุสัญญา ความตกลง บันทึกความเข้าใจและแผนที่ ระหว่างสยามประเทศไทยกับประเทศอาเซียนเพื่อนบ้าน กัมพูชา-ลาว-พม่า-มาเลเซีย.&nbsp;มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์.</li><li>ธงชัย วินิจจะกูล. (2562).&nbsp;ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย. ฟ้าเดียวกัน.</li><li>ธงชัย วินิจจะกูล. (2560). คนไทย/คนอื่น. ฟ้าเดียวกัน.</li><li>ธงชัย วินิจจะกูล. (2556). กำเนิดสยามจากแผ่นที่.อ่าน.</li><li>ธงชัย วินิจจะกูล. (2544). ประวัติศาสตร์ไทยแบบราชาชาตินิยม จากยุคอาณานิคมอำพรางสู่ราชาชาตินิยมใหม่หรือลัทธิเสด็จพ่อของกระฎุมพีไทยในปัจจุบัน. ศิลปวัฒนธรรม, 23(1), 57-65.</li><li>นครินทร์ เมฆไตรรัตน์.&nbsp;รัฐสมัยใหม่. สถาบันพระปกเกล้า.&nbsp;https://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=รัฐสมัยใหม่&amp;action=history</li><li>นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2550). คาบสมุทรไทย ในราชอาณาจักรสยาม. ประวัติศาสตร์ตัวตนของภาคใต้สมัยอยุธยาถึงต้นรัตนโกสินทร์. นาคร.&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</li></ul></div>
      <div class="node-taxonomy-container">
    <ul class="taxonomy-terms">
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" hreflang="th">ข่าhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" hreflang="th">การเมือhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2" hreflang="th">การศึกษhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8" hreflang="th">ต่างประเทhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2" hreflang="th">กัมพูชhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2" hreflang="th">ข้อพิพาทไทย-กัมพูชhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C" hreflang="th">ประวัติศาสตรhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1" hreflang="th">ประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B4-%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C" hreflang="th">นิธิ เอียวศรีวงศhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%98%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5" hreflang="th">ธงชัย วินิจจะกูhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4" hreflang="th">ชาญวิทย์ เกษตรศิรhttp://prachatai.com/journal/2025/06/113341
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.115 วินาที กับ 27 คำสั่ง

Google visited last this page 23 ชั่วโมงที่แล้ว