[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
02 พฤษภาคม 2567 05:18:29 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คลื่นแห่งความรัก จาก คริสตัล โบวล์ ( Crystal Bowl ) เครื่องดนตรีรัตนชาติ  (อ่าน 2072 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5076


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 17 มิถุนายน 2553 20:51:45 »


 
 
คลื่นแห่งความรัก
 
 
 
: อรการ กาคำ
 
 
หากจิตใจสงบ เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ก็เท่ากับมีดนตรีในหัวใจ ไม่จำเป็นต้องแสวงหาสรรพเสียงใดๆ นอกกายอีกแล้ว ตราบที่ใจของคุณหยั่งรู้ว่า นั่นแหละคือ ‘ดนตรีสีขาว’ ลองมารู้จักเรื่องราวของคริสตัล โบวล์
 
 
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า คริสตัล โบวล์ (Crystal Bowl : Sound of Healing) ซึ่งเป็นศาสตร์การบำบัดด้วยคลื่นเสียง จากเครื่องดนตรีรัตนชาติ ถูกบันทึกครั้งแรกโดย ‘เพลโต้’ นักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ ในช่วงอาณาจักรแอตแลนตีสกำลังเจริญรุ่งเรือง เคยมีการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และการฝึกพลังจิต สมาธิ โดยใช้คลื่นเสียงพิเศษที่กำเนิดจากผลึกคริสตัล และแร่รัตนชาติหลากหลายชนิด
 
และการสร้างคลื่นเสียงจากการเสียดสี หรือสัมผัสคริสตัลโบวล์นั้น จะสร้างแรงสั่นสะเทือนในโมเลกุลของคริสตัล จนเกิดคลื่นเสียง ที่มีคุณสมบัติเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำ สร้างความสมดุลให้กับร่างกายมนุษย์ โดยเซลล์กับคลื่นเสียง ได้สื่อสารข้อมูลระหว่างกัน ทำให้เกิดการซ่อมแซมเซลล์ที่บกพร่อง เสื่อมสภาพและปรับจูนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชีวภาพทั่วทั้งร่างกาย ให้กลับคืนสู่สภาพสมดุล สามารถบำบัดได้ทั้งอาการเจ็บป่วย ทางใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ
 
1.
 
ในยุคอาณาจักรแอตแลนตีสเจริญรุ่งเรืองเชื่อกันว่า มีการค้นพบการบำบัดรักษาโรคภัยต่างๆ ด้วยสมาธิและคลื่นเสียงพิเศษ อันเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำค่าของภูมิปัญญาแห่งมนุษยชาติ เช่นเดียวกับการค้นพบคลื่นความถี่พิเศษ ของปลาโลมาและปลาวาฬหลายสายพันธุ์ ซึ่งสามารถสั่นสะเทือนเสียงร้อง ออกมาในรูปแบบคลื่นอัลตราโซนิค (ULTRASONIC) ที่สามารถเข้ามาปรับคลื่นความถี่สมองของมนุษย์ (Brain Wave) ได้อย่างน่ามหัศจรรย์
 
นักวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ ค้นพบว่า นักคีตบำบัดในยุคโบราณ ใช้คลื่นความถี่ใกล้เคียงกับคลื่นอัลตราโซนิค ซึ่งมีอยู่ในเสียงของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างโลมาและปลาวาฬ คลื่นระดับ ULTRASONIC นี้ เป็นความถี่มหัศจรรย์ที่เข้าไปกระตุ้นการทำงานของสมอง ทำให้เกิดการผ่อนคลายได้ดีเยี่ยม
 
ใน ปี ค.ศ. 1994 กิลเมน และรอดเบลล์ นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองผู้ได้รับรางวัลโนเบล จากการค้นพบและพิสูจน์ว่า เซลล์ร่างกายมนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกันได้ โดยใช้สัญญาณ คลื่นความถี่ต่ำพิเศษประมาณ 7.8 Hz ซึ่งสัญญาณเหล่านี้ จะนำข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดเข้าไปช่วยใน กระบวนการด้านเคมีชีวภาพ และด้านฟิสิกส์ของร่างกายในค่าความถี่ต่ำ 7.8 Hz / รอบ / วินาที นี้ ก่อให้เกิดภาวะสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่สมดุลยิ่งต่อมนุษย์ ทำให้เซลล์สิ่งมีชีวิตเจริญเติบโต และพัฒนากระบวนการเมตาโบลิซึม ได้เป็นอย่างดี
 
ความเชื่อในพลังการบำบัดจากหิน ปรากฏอยู่แทบทุกวัฒนธรรมในโลก เช่นชาวจีนเชื่อและศรัทธาในหยก และการประดับสุสานของฟาโรห์ด้วยอัญมณีล้ำค่า ทฤษฎีของศาสตร์ด้านหินบำบัด (Stone Therapy) บอกไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลและในโลก มีคลื่นสนามแม่เหล็กอยู่ในตัว หินแต่ละก้อนนั้นได้รับอิทธิพลจากแรงสั่นสะเทือนของสนามแม่เหล็กจากดวงดาวต่างๆ ณ เวลาที่โลกนี้ได้ก่อกำเนิดขึ้น ลวดลายและสีสันต่างๆของหินแต่ละประเภทนั้นจึงเกิดจากแรงสั่นสะเทือนที่แตกต่างกัน ทำให้สีสันและคุณสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแตกต่างกันไปด้วย
 
เมื่อมนุษย์รู้ว่าในร่างกายมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชีวภาพ ที่มีแรงสั่นสะเทือนเช่นเดียวกับสรรพสิ่งในธรรมชาติ (จักรวาล) จึงรู้ว่าคนสมัยโบราณนั้น มีจิต และสมาธิละเอียดอ่อน พวกเขาได้ค้นพบความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันของคลื่นพลังงานระหว่างคนและสรรพสิ่ง ไม่จำกัดเฉพาะหินเท่านั้น ยังรวมไปถึงต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำ ลำธาร ท้องฟ้า ผืนแผ่นดิน
 
จึงได้เกิดปรัชญาแห่งการอาศัย ปรองดองกันอย่างสอดคล้อง สมดุลกับวิถีธรรมชาติ หากคลื่นดังกล่าวเสียสมดุล ก็จะแสดงออกถึงการเจ็บป่วย ถ้าปรับสมดุล คืนสู่หลักธรรมชาติได้แล้ว ก็จะสามารถเยียวยาชีวิตที่ขาดสมดุลนั้นได้ หมายถึงร่างกายเราก็จะไม่เจ็บป่วยนั่นเอง
 
2.
 
อาจารย์กัมปนาท บัวฮมบุรา ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาทางเลือก และได้รับการยอมรับจากแวดวงการศึกษาทางเลือกในประเทศญี่ปุ่น ตลอดจน กลุ่มศิลปิน นักปรัชญา นักคิด นักเขียนชาวญี่ปุ่น และได้รับการคัดเลือกแต่งตั้งจากองค์กร APFNPO ประเทศญี่ปุ่น ให้ทำหน้าที่ทูตสานความสัมพันธ์ไทยญี่ปุ่น ด้านการศึกษาทางเลือก เพื่อสร้างเครือข่ายความรัก ความเมตตาและความเข้าใจระหว่างประเทศ
 
ต่อมาเขามีโอกาสศึกษาศาสตร์ด้านการบำบัดแนวธรรมชาติจาก Oneness University เมืองเชนไนน์ ประเทศอินเดีย และได้ดำเนินงานด้านการบำบัดควบคู่กับงานด้านการศึกษาทางเลือกทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการใช้ศาสตร์คลื่นเสียงดนตรีบำบัด โดยใช้เครื่องดนตรีโบราณชื่อว่า Crystal Bowl โดยสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับการแพทย์สมัยใหม่ หรือการนำมาเพิ่มศักยภาพทางกาย ใจ และจิตวิญญาณ แก่ทั้งคนป่วย และคนที่ไม่ได้ป่วย ให้เรียนรู้และเข้าใจในจิตวิญญาณแห่งความรัก ภายในตนเองได้มากยิ่งขึ้น
 
อาจารย์กัมปนาท ได้ร่วมกับเพื่อนศิลปินนักดนตรีสมาธิบำบัด ทั้งในประเทศไทยและในญี่ปุ่น กว่า 10 ชีวิต เดินทางเผยแพร่ ศาสตร์การบำบัด ด้วยคลื่นเสียงดนตรีสมาธินี้ ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ชื่อ ‘คีตาทอฝัน’ ซึ่งก่อตั้งมานานกว่า 10 ปี แต่ละครั้งสามารถสร้างความสงบสุขแก่จิตใจของผู้เข้าร่วม ตลอดจน ความประทับใจ รอยยิ้ม และน้ำตา หลายครั้ง ที่ผู้เข้าร่วมฟังดนตรี สามารถทุเลาเบาบางจากอาการเจ็บป่วยได้อย่างไม่น่าเชื่อ และหลายครั้งที่ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าใจตนเองและเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดียิ่งขึ้นได้ เพียงเพราะคลื่นเสียงอันบริสุทธิ์จากเครื่องดนตรีโบราณนี้
 
เอกชัย สถาพรธนพัฒน์ นักธุรกิจ หนึ่งในผู้ศึกษา 'คริสตัลโบวล์' และผู้สนใจศาสตร์การบำบัดทางเลือกสหสาขา เช่น ธรรมชาติบำบัด การใช้ลมปราณ การใช้สมาธิบำบัด เล่าว่า คริสตัลโบวล์ ก็เป็นไปตามหลักของ Sound Therapy ก็คือใช้คลื่นเสียง ในการบำบัดอาการเจ็บป่วย หรือไม่เจ็บป่วยก็ได้ ทั้งร่างกายจิตใจ จิตวิญญาณ โดยเครื่องดนตรีที่เป็นคริสตัล และแร่รัตนชาติ มีความเสถียรของคลื่นแม่เหล็กชีวภาพภายใน
 
ศาสตร์การบำบัดนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว สืบทอดมาเรื่อยๆ หลายอารยธรรมทั้งอียิปต์ ทิเบต หลักการของการใช้คลื่นเสียงบำบัด ร่างกายมนุษย์มีพลังงานภายใน ก็คือ ลมปราณ หลักทางจีนก็เรียกว่าชี่ ถ้าเป็นวิทยาศาสตร์ก็คือพลังงานไฟฟ้าชีวภาพ
 
"ต้นเหตุการเจ็บป่วยของมนุษย์มองได้ว่าคือการบิดเบี้ยวของคลื่นชีวภาพตัวนี้ จากปัจจัยภายนอกเข้ามา ทำให้ปัจจัยภายในเช่นอารมณ์ต่างๆ ”
 
คนในยุคปัจจุบันมักใช้ชีวิตอย่างขาดสติท่ามกลางความเร่งรีบ ทำให้เกิดการบิดเบี้ยวของคลื่นชีวภาพในร่างกายได้ง่าย เอกชัย อธิบายว่า โรคภัยไข้เจ็บหลายอย่าง ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคอย่างเดียว แต่เกิดจากอารมณ์ด้านลบภายในของคุณ ซึ่งส่งผลให้เกิดความผิดปกติของฮอร์โมนภายใน คลื่นของคริสตัลเป็นคลื่นความถี่ค่อนข้างสูง
 
หลักการคือ ใช้คลื่นเสียงนี้โดยการใช้ไม้วนรอบปากชามที่ทำจากคริสตัล เหมือนกับการเล่นพิณแก้ว ไม้ก็จะเสียดสีกับเนื้อโมเลกุลของคริสตัล ส่งผลให้เกิดคลื่นชีวภาพที่สมดุลเข้ามาจูนกับคลื่นที่บิดเบี้ยวของมนุษย์ให้คืนสู่สมดุล เข้าไปทุกเซลล์ของร่างกาย เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ ฯลฯ เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายเรามีความสามารถในการสื่อสารกันอยู่ แม้กระทั่งเซลล์มะเร็ง ”
 
3.
 
ข้อควรระวังเบื้องต้น เพื่อไม่ให้คลื่นชีวภาพในกายนี้บิดเบี้ยวทำได้อย่างไร แล้วเราจะมีวิธีการป้องกันตัวเบื้องต้นไหม เพื่อไม่ให้เดินไปสู่จุดที่ต้องป่วย หรือจุดที่ทำให้คลื่นไฟฟ้าในตัวเราบิดเบี้ยว เพราะการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันยิ่งห่างไกลธรรมชาติ พบกับความเครียดต่างๆ หากต้องดำรงอยู่ในสังคมนี้ให้ได้ท่ามกลางปัจจัยเสียงต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
 
เอกชัย เสนอความคิดเห็นว่า “คนในยุคอดีตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และการแข่งขันก็น้อยกว่าเรา ไม่มีนาฬิกามาเป็นเจ้านายของชีวิต ไม่มีโทรศัพท์มือถือมาเป็นเจ้านายของตัวเอง และเขาไม่รู้สึกว่าข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่างๆ วิทยุโทรทัศน์ เป็นสิ่งสำคัญที่เขาจะต้องเสพ คนในอดีตจะมีความเป็นอยู่เรียบง่ายมีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติ ค่อนข้างดีกว่า และเคารพกฎธรรมชาติได้ดีกว่าเรา ธรรมชาติไม่ได้หมายถึงป่าเขาอย่างเดียว ในที่นี้คือการใช้ชีวิตอย่างสมดุล กินอาหาร นอนและตื่นให้ถูกเวลา และมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างมีน้ำใจไมตรี เกื้อกูลกัน ไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้นในจิตใจ
 
"ความบิดเบี้ยวของคลื่นพลังในตัวมนุษย์ส่วนหนึ่งมาจาก การใช้โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์นานๆ ก็จะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าตัวบวกเหล่านี้มาทำให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในตัวเราบิดเบี้ยว "
 
คลื่นที่บิดเบี้ยวอาจจะส่งผลไปยังเซลล์ต่างๆในร่างกายของมนุษย์ เอกชัย บอกว่าสามารถป้องกันตัวได้โดยใช้สติในการใช้ชีวิต และเคารพกฎธรรมชาติ เช่น รับประทานอาหารให้ตรงเวลาและถูกกับธาตุของตนเอง สิ่งสำคัญก็คือกินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน
 
“มีสติในการดำรงชีวิตและการทำงาน ไม่ตกเป็นทาสอารมณ์ด้านลบของตนเอง เสียงนินทา ด่าว่าต่างๆ ฟังให้เป็นแค่เสียงที่ผ่านหูได้ไหม โดยที่ไม่เอาอารมณ์เข้าไปกระทบ ถ้าเรามีภูมิคุ้มกันแบบนี้ ก็จะปกป้องคลื่นของตนเองได้ดี ในระดับหนึ่ง ”
 
เอกชัย แนะว่า ความจริงแล้วสิ่งเหล่านี้ก็คือธรรมะ ดังนั้นเวลาที่ทำเวิร์คชอป จัดคอนเสิร์ตก็จะมีเสวนาด้านธรรมะควบคู่กันไปด้วย การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือโรคเรื้อรังต่างๆ บางครั้งไม่อาจพึ่งพาวิถีทางการแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนโบราณเพียงด้านเดียว ทางด้านจิตวิญญาณ สังคม สิ่งแวดล้อม เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยบำบัดรักษาด้วย
 
“ถามว่ามนุษย์ในปัจจุบันมีกี่คนที่มีภูมิคุ้มกันตัวเองก่อน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เพิ่งรู้ตัวว่า เป็นมะเร็ง มักจะเป็นในขั้นที่สูงมากแล้ว ค่อนข้างยากที่จะควบคุมสติให้นิ่งและใจเย็น และยอมรับมันได้ ผู้ป่วยต้องสร้างภูมิคุ้มกันภายในตัวเองให้ได้ เพราะมะเร็งหรือโรคเรื้อรังทุกโรค เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่ทำงานด้อยประสิทธิภาพลง เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายมนุษย์ มีการเกิดและตายตลอดเวลาทุกวินาที
 
แม้กระทั่งตอนที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่ตรงนี้ ร่างกายสร้างทั้งเซลล์ดีและเซลล์ไม่ดี เซลล์ไม่ดีอาจถูกเซลล์ดี ซึ่งอยู่ในระบบเม็ดเลือดขาวกำจัดออกไป และปริมาณของเม็ดเลือดขาวจะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความสมดุลของร่างกายของมนุษย์แต่ละคน ชีวิตของมนุษย์ปัจจุบัน หากอยู่ในปัจจัยด้านลบมากกว่าด้านบวก ก็จะเสี่ยงต่อการลดบทบาทของเซลล์ดี อาจก่อให้เกิดเนื้อร้ายที่เรียกว่ามะเร็งได้ ดังนั้นทุกคนมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง และการเจ็บป่วยอื่นๆ”
 
4.
 
มนุษย์น่าจะมองย้อนกลับมาที่ระบบชีวิตทั้งหมดของตนเอง เวลาเกิดอาการท้องผูก ต้องคิดทบทวนว่า สัปดาห์นี้เราปฏิบัติตัวอย่างไร กินอะไรไปบ้าง มีอารมณ์แบบไหน ลบหรือบวก
 
เอกชัย อธิบายเชื่อมโยงว่า คนเราไม่ควรมีอารมณ์มากเกินไป ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจ ถ้ามากไปล้วนเป็นผลเสียต่อร่างกายมนุษย์ทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเดินบนสายกลาง และมีสติอยู่ตลอดเวลา ต้องทำจิตให้เป็นน้ำที่ไม่กระเพื่อมให้ได้ นั่นก็คือ หลักการของธรรมมะ
 
“อันตรายมากที่เราจะอินกับละครโทรทัศน์ หรือแม้แต่ข่าวร้ายๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ การร้อนรนในจิตใจ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆ ลดประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวโดยไม่รู้ตัว หากเราอยู่ใกล้ๆ คนที่มีอารมณ์ด้านลบ โกรธ ก็จะรู้สึกร้อน ไม่มีความสุขไปด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งของโลกร้อน เช่นรับทราบข่าวร้ายแล้วรู้สึกโกรธ พร้อมกันทั่วประเทศประมาณ 1 ล้านคน ส่งคลื่นความร้อนขึ้นไปพร้อมๆ กัน”
 
นั่นเป็นคำอธิบายของเขา เพื่อที่จะบอกว่า ไม่จำเป็นต้องแสวงหาคริสตัลโบวล์ เพียงแต่คุณได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อยู่กับต้นไม้ ฟังเสียงนกร้อง ไปเดินที่สนามหญ้า ฟังเสียงน้ำไหล ฟังเสียงแมลง หรือแม้กระทั่งการปิดโทรศัพท์มือถือบ้าง ฟังเสียงเงียบๆ โดยเฉพาะฟังเสียงภายในจิตใจของคุณเอง ฟังว่าจิตใจของคุณกำลังพูดเรื่องอะไร หัวใจคุณอยากจะบอกอะไรกับคุณบ้าง
 
นั่นคือการคืนสู่ความสงบที่แท้จริง คือการใช้คลื่นเสียงบำบัดอย่างถูกต้องที่สุด คริสตัส โบวล์ เป็นแค่เพียงสื่อๆ หนึ่ง ที่นำพาคุณไปสู่ความสงบของหัวใจคุณเท่านั้นเอง
 
"ถามว่า คุณจำเป็นไหมที่ต้องไปวิ่งหาโบวล์ใบหนึ่ง ไม่ใช่ถูกๆ เป็นหมื่นเป็นแสน ไม่จำเป็น เราสามารถใช้คลื่นเสียงในการบำบัดได้หลายประเภท เช่นหมั่นพูดถ้อยคำดีๆ ให้แก่กัน ถ้อยคำที่มาจากใจของความรัก ที่ตรงกับใจจริงๆ ของคุณ ไม่ใช่เสแสร้งแกล้งบอกออกมา การกล่าวขอโทษกัน การบอกรักกันทุกวัน พูดด้วยความจริงใจ พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร "
 
นั่นคือส่วนหนึ่งที่สำคัญในการใช้คลื่นเสียงบำบัด เพราะสิ่งสำคัญคือ สารที่ส่งออกไป และก็โทนของเสียง กับวิธีการสื่อสารออกไป คนบางคนพูดด้วยเจตนาที่ดี แต่โทนเสียงไม่ถูกต้อง หรือวิธีการนำเสนอไม่ถูกต้องผู้รับฟังก็เข้าใจผิดได้ง่ายๆ เหมือนกัน ความไม่เข้าใจกัน การมีปัญหากันในสังคม หลายส่วนเกิดจากการสื่อสารไม่ถูกวิธี หรือเราขาดการละเอียดอ่อนในการสื่อสารกันมากขึ้น ”
 
ไม่ต่างจากเสียงสวดมนต์ ก็เป็นคลื่นเสียงบำบัดอีกอย่างหนึ่งที่คุ้นเคยสำหรับคนไทย ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์แบบพุทธ คริสต์ การละหมาดของอิสลาม ถ้อยคำหรือสารต่างๆ ล้วนเป็นมงคลต่อชีวิต เป็นถ้อยคำด้านบวก เอกชัยย้ำว่า ต้องสวดมนต์ด้วยความเข้าใจและมีสติ รู้ว่าบทสวดมนต์นั้นมีความหมายว่าอะไร จะปรับใช้กับชีวิตเราได้อย่างไร ออกเสียงดังฟังชัด มีจังหวะที่ดี ไพเราะ
 
"ไม่ใช่สวดแบบเร่งๆ เพื่อจะรีบไปนอน หรือสวดให้เสร็จๆ ไป อาจจะเสียโอกาสที่ดีงามของชีวิตไป ผู้ป่วยมะเร็งบางคน รู้ว่าชีวิตจะอยู่ได้ไม่นาน จึงสวดมนต์ มะเร็งค่อยๆ ฝ่อลง หายและรอดตายในที่สุด"
 
นั่นคือ สิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์สามารถปรับสมดุลให้กับร่างกายของตนเองได้ จากความสงบของจิตใจ มนุษย์มียาดีอยู่ในตัวเอง เพียงแต่ไม่รู้ ลองหันมาฟังร่างกายตัวเอง แล้วคุณจะมีชีวิตที่ปราศจากโรคภัยไม่มีปัจจัยเสี่ยง ทำลายชีวิตของตน อย่าคิดว่าตัวเองยังมีชีวิตอีกนาน...คงไม่เจ็บป่วย


  หัวเราะลั่น http://www.bangkokbiznews.com/bodyheart/20080302/news.php?news=column_25902540.php

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.896 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้