[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 04:01:11 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อาบัติปาราชิกยังพอแก้ไขได้  (อ่าน 2985 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 11.0 Firefox 11.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 10 เมษายน 2555 13:46:06 »





อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอกธัมมาทิบาลี
อัจฉราสังฆาตวรรคที่ ๖
อรรถกถาอัจฉราสังฆาตวรรคที่ ๖

วันนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำรงอยู่ในกิจนี้นี่แหละ ทรงตรวจดูสัตว์โลก ก็ได้ทรงเห็นเหตุนี้ว่า เมื่อเราจาริกไปในมหาโกสลรัฐ แสดงสูตรหนึ่งเปรียบเทียบด้วยกองเพลิง ภิกษุ ๖๐ รูปจักบรรลุพระอรหัต ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปจักรากเลือด ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปจักสึกเป็นคฤหัสถ์. บรรดาภิกษุเหล่านั้น พวกภิกษุผู้จักบรรลุพระอรหัตได้ฟังพระธรรมเทศนาอย่างใดอย่างหนึ่ง จักบรรลุได้ทีเดียว. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระประสงค์จะเสด็จจาริกไปเพื่อสงเคราะห์ภิกษุนอกจากนี้ จึงตรัสว่า อานนท์ เธอจงบอกแก่ภิกษุทั้งหลาย.

พระเถระไปตามบริเวณแล้วกล่าวว่า ผู้มีอายุ พระศาสดามีพระประสงค์จะเสด็จจาริกเพื่อสงเคราะห์มหาชน ผู้ประสงค์จะไปตามเสด็จก็จงพากันมาเถิด. ภิกษุทั้งหลายมีใจยินดีเหมือนได้ลาภใหญ่ คิดว่า เราจักได้ชมพระสรีระมีวรรณเพียงดังทองคำ ได้ฟังธรรมกถาอันไพเราะของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้แสดงธรรมแก่มหาชน ผู้ที่มีผมขึ้นยาวก็ปลงผม มีบาตรถูกสนิมจับก็จับระบมบาตร มีจีวรหมองก็ซักจีวร ต่างเตรียมจะตามเสด็จ.
พระศาสดาแวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์ที่กำหนดจำนวนไม่ได้ ออกจาริกไปยังโกศลรัฐ วันหนึ่งๆ เสด็จจาริกไป ๑ คาวุต ๒ คาวุต ๓ คาวุตและโยชน์หนึ่งเป็นอย่างยิ่ง ตามลำดับแห่งคามและนิคม ทอดพระเนตรเห็นต้นไม้มีโพรงต้นใหญ่แห่งหนึ่งถูกไฟไหม้ลุกโพลง ทรงดำริว่า เราจะทำต้นไม้นี้แลให้เป็นวัตถุเหตุตั้งเรื่อง แสดงธรรมกถาประคับด้วยองค์ ๗ จึงงดการเสด็จ เสด็จเข้าไปยังโคนไม้ต้นหนึ่ง ทรงแสดงอาการจะประทับนั่ง.

พระอานนทเถระทราบพระประสงค์ของพระศาสดา คิดว่า ชะรอยว่าจักมีเหตุแน่นอน พระตถาคตไม่เสด็จต่อไปแล้วจะหยุดประทับนั่งเสียโดยเหตุอันไม่สมควรหามิได้ จึงปูลาดสังฆาฏิ ๔ ชั้น.
พระศาสดาประทับนั่งแล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูกองไฟใหญ่โน้น แล้วทรงแสดงอัคคิขันโธปมสูตร. ก็เมื่อตรัสไวยากรณ์นี้อยู่ ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปรากเลือด. ภิกษุประมาณ ๖๐ ลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์. ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปมีจิตไม่ยึดมั่นก็หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย.

ก็เพราะได้ฟังไวยากรณ์นั้น นามกายของภิกษุประมาณ ๖๐ รูปก็กลัดกลุ้ม เมื่อนามกายกลัดกลุ้ม กรัชกายก็รุ่มร้อน เมื่อกรัชกายรุ่มร้อน โลหิตอุ่นที่คั่งก็พุ่งออกจากปาก. ภิกษุ (อีก) ประมาณ ๖๐ รูปคิดว่าการประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ตลอดชีวิตในพระพุทธศาสนา ทำได้ยากหนอ แล้วพากันลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์. ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปส่งญาณมุ่งตรงต่อเทศนาของพระศาสดา ก็บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา.
บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่าใดรากเลือด ภิกษุเหล่านั้นต้องอาบัติปาราชิก ภิกษุเหล่าใดสึกเป็นคฤหัสถ์ ภิกษุเหล่านั้นพากันย่ำยีสิกขาบทเล็กน้อย. ภิกษุเหล่าใดบรรลุพระอรหัต ภิกษุเหล่านั้นเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์แล.

พระธรรมเทศนาของพระศาสดา เกิดมีผลแม้แก่ภิกษุ ๓ จำพวกดังกล่าวนี้.
ถามว่า พระธรรมเทศนาเกิดมีผลแก่ภิกษุผู้บรรลุพระอรหัตยกไว้ก่อน อย่างไรจึงเกิดมีผลแก่ภิกษุนอกนี้?

แก้ว่า ก็ภิกษุแม้เหล่านั้น ถ้าไม่ได้ฟังธรรมเทศนากัณฑ์นี้ไซร้ เป็นผู้ประมาท ไม่พึงอาจละฐานะได้ แต่นั้นบาปของภิกษุเหล่านั้นกำเริบขึ้น จะพึงทำเธอให้จมลงในอบายถ่ายเดียว แต่ฟังเทศนากัณฑ์นี้แล้ว เกิดความสังเวช ละฐานะ ตั้งอยู่ในภูมิแห่งสามเณร บำเพ็ญศีล ๑๐ ประกอบขวนขวายในโยนิโสมนสิการ บางพวกเป็นพระโสดาบัน บางพวกเป็นพระสกทาคามี บางพวกเป็นอนาคามี บางพวกบังเกิดในเทวโลก. พระธรรมเทศนาได้มีผลแม้แก่ภิกษุผู้ต้องอาบัติปาราชิกด้วยอาการอย่างนี้. ฝ่ายภิกษุนอกนี้ ถ้าไม่พึงได้ฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้ไซร้ เมื่อกาลล่วงไปๆ ก็จะพึงต้องอาบัติสังฆาฑิเสสบ้าง ปาราชิกบ้าง

ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้แล้ว คิดว่า พระพุทธศาสนาช่างขัดเกลาจริงหนอ พวกเราไม่สามารถจะบำเพ็ญข้อปฏิบัตินี้ตลอดชีวิตได้ จำเราจักลาสิกขา บำเพ็ญอุบาสกธรรม จักพ้นจากทุกข์ได้ ดังนี้แล้ว จึงพากันสึกไปเป็นคฤหัสถ์. ชนเหล่านั้นตั้งอยู่ในสรณะ ๓ รักษาศีล ๕ บำเพ็ญอุบาสกธรรม บางพวกเป็นพระโสดาบัน บางพวกเป็นสกทาคามี บางพวกเป็นอนาคามี บางพวกบังเกิดในเทวโลกแล. พระธรรมเทศนาได้มีผลแม้แก่ภิกษุเหล่านั้น ด้วยอาการอย่างนี้. อนึ่ง หมู่เทพได้ฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้แล้ว ได้เที่ยวไปบอกแก่ภิกษุทั้งหลายผู้ไม่ได้ฟังทุกรูปทีเดียว. ภิกษุทั้งหลายฟังแล้วคิดว่า ท่านผู้เจริญ การประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ตลอดชีวิตในพระพุทธศาสนาทำได้ยาก. ภิกษุ ๑๐ รูปบ้าง ๒๐ รูปบ้าง ๖๐ รูปบ้าง ๑๐๐ รูปบ้างบอกลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์ไปทันที.


พระพุทธเจ้าท่านรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าท่านเทศน์ ภิกษุ ๖๐ จะต้องอ้วกเป็นเลือด อีก ๖๐ จะต้องสึก อีก ๖๐ จะพ้นทุกข์ ท่านรู้ว่ามีภิกษุที่ต้องอ้วกเป็นเลือด แต่ท่านก็ยังไปเทศน์ เพราะว่ามีภิกษุที่จะพ้นทุกข์รอท่านอยู่ นี่ก็เรียกว่าการร่อน ร่อนเอาคนดีไปนิพพาน ใครมีสาระจึงจะทนอยู่ในธรรมวินัยได้

เหมือนตอนที่มหาพรหมอาราธนาพระพุทธเจ้าว่า สัตว์ที่มีธุลีในตาน้อยก็มี มิได้ทูลว่าโปรดเที่ยวสั่งสอนสัตว์รื้อสัตว์ทั้งหมดเถิด พระพุทธเจ้าก็พิจารณาถึงบัวสี่เหล่า แต่ท่านเอาแค่สามเหล่า อันสุดท้ายท่านทิ้งเพราะเอาไม่ไหวมันมืดบอดเกินไป ท่านทั้งหลายก็จงอย่าคิดว่าจะให้คนมาฟังตามพระศาสดาบัญญัติมากนักเลย เพราะว่าบัวเหล่าที่สี่นั้นมี รอให้เขาสร้างอินทรีย์บารมีให้แก่กล้าก่อนจึงจะไปได้

สำหรับพวกที่อาบัติปาราชิก ถ้าบวชเป็นสามเณร ก็บรรลุมรรคผลได้

สำหรับพวกที่ชอบย่ำยีสิกขาบทเล็กน้อย ถ้าไม่คิดแก้ไขให้ดีขึ้นในการรักษาสิกขาบท ก็ให้สึกออกมาแล้วรักษาศีล ก็ได้บรรลุมรรคผลเช่นเดียวกัน
เมื่อผู้ใดรู้แล้วหรือเทพองค์ใดได้ยิน ให้รีบนำสูตรนี้ไปบอกภิกษุทั้งหลายด้วย.


http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=41712&p=290927#p290927

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5444


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 10 เมษายน 2555 14:56:39 »





เป็นคนหนึ่งที่ชอบฟังธรรมของพระอาจารย์สุรศักดิ์  เขมรํสี  หรือพระครูเกษมธรรมทัต แห่งสำนักวิปัสสนากรรมฐาน วัดมเหยงคณ์  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  คือฟังเกือบทุกเช้า ระหว่างเตรียมอาหารใส่บาตร  (เป็นคนตื่นแต่ตี 4 จนเป็นนิสัย)   ท่านพูดโดยสรุปได้ว่าพระสงฆ์ที่ต้องอาบัตินั้น หากได้ปลงอาบัติแล้ว ศีลบริสุทธิ์ขึ้นมาใหม่ได้ แต่บาปนั้นยังติดตัวพระรูปนั้นอยู่ การปลงอาบัติไม่สามารถลบล้างบาปกรรมที่พระสงฆ์รูปนั้นได้กระทำไว้ได้.....แต่ในเรื่องของปาราชิกไม่ทราบมาก่อนค่ะ


 


กรรม12 หลวงพ่อสุรศักดิ์





.
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 18.0.1025.152 Chrome 18.0.1025.152


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 11 เมษายน 2555 23:07:53 »

สาธุ ๆ
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.304 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 05:41:03