[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 เมษายน 2567 12:09:40 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฝังคนทั้งเป็นให้เป็นผีเฝ้าเมือง  (อ่าน 5801 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5462


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 24 เมษายน 2555 14:29:41 »

การสร้างเมือง "มัณฑเลย์" ตามพิธีกรรมโบราณ
โดย...กิมเล้ง : www.sookjai.com


เมืองมัณฑะเลย์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี    เป็นอดีตเมืองหลวงที่สำคัญของประเทศพม่า  สร้างโดยพระเจ้ามินดุงเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๐   ชื่อเมือง “มัณฑะเลย์”  นี้ได้มาจากชื่อภูเขาซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมือง  ภูเขานี้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์   ตามตำนานกล่าวว่าพระพุทธองค์และพระอานนท์ได้เสด็จมาประทับพักที่ภูเขานั้น   และพระพุทธองค์ได้ประทานพุทธทำนายไว้ว่า  เมื่อพระพุทธศาสนาครบ ๒,๔๐๐  ปี จักเกิดมีเมืองใหญ่เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาขึ้นที่เชิงเขาแห่งนี้    พระเจ้ามินดุงจึงทรงกระทำให้พุทธทำนายเกิดเป็นความจริง  โดยทรงย้ายราชธานีจากเมืองอมรปุระ มายังเมืองมัณฑะเลย์   เมืองนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า รัตนบูชา


แต่มีการสันนิษฐานอีกนัยหนึ่งว่า หลังจากพม่าได้ย้ายเมืองหลวงจากกรุงอังวะมาเป็นเมืองหลวงอมรปุระแล้ว ว่ากันสงครามระหว่างอังกฤษกับพม่าก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ  พม่ารบแพ้อังกฤษครั้งแล้วครั้งเล่า  เป็นสงครามที่ยืดเยื้อและดูเหมือนว่าไม่มีวันที่พม่าจะรบชนะอังกฤษได้  พระเจ้ามินดุงตัดสินพระทัยย้ายเมืองหลวงจากเมืองอมรปุระมาสู่เมืองมัณฑะเลย์ เพื่อเป็นการถือฤกษ์เอาชัยแก้เคล็ดว่าจะสามารถรบชนะกองทัพอังกฤษได้  แต่ในสุดท้ายราชวงศ์ของพม่าก็ถึงกาลอวสาน ตกเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร และสิ้นสุดการปกครองตามระบอบราชาธิปไตยของพม่า




พระเจ้ามินดง แห่งราชวงศ์อลองพญาหรือคองบอง(๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๕๑ - ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๒๑)

ภาพจาก http://th.wikipedia.org


ฝังคนทั้งเป็นให้เป็นผีเฝ้าเมือง

หลังจากเจ้าชายมินดุงเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้ามินดุง (พ.ศ. ๒๓๙๖ – ๒๔๒๑) แห่งราชวงศ์อลองพญา (Alaungpaya Dynasty) หรือราชวงศ์คองบอง (Konbaung Dynasty)  หลังแย่งชิงบัลลังก์จากพระเจ้าพุกามแมงผู้เป็นพระเชษฐาสำเร็จแล้ว ได้ทรงสร้างเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองอมรปุระ ขึ้นเป็นราชธานีเมื่อปี
พ.ศ.๒๔๐๐  ตามประวัติเมื่อแรกสร้างเมืองมัณฑเลย์นั้น  ต้องเอาคนเป็น ๆ มาฝังถึง ๕๒ คน   โดยฝังตามประตูเมืองประตูละ ๓ คน ๑๒ ประตูก็เป็น ๓๖ คน  ตามมุมเมืองอีกมุมละคน  ประตูพระราชวังและมุมกำแพงพระราชวังก็ต้องฝังคนอีก  และเฉพาะใต้พระที่นั่งสิงหาสน์อันเป็นพระที่นั่งในท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกขุนนางนั้นต้องฝังถึง ๔ คน   เมื่อพระสงฆ์พม่าได้ทราบข่าวว่าโหรพราหมณ์กราบบังคมทูลพระเจ้ามินดุงให้เอาคนเป็น ๆ มาฝังตามวิธีไสยศาสตร์ จึงได้เข้าไปถวายพระพรขอบิณฑบาตชีวิตมนุษย์เหล่านั้นไว้ แต่พระเจ้า
มินดุงไม่อาจขัดโหรพราหมณ์ได้    

คนที่ถูกฝังทั้งเป็นเพื่อให้เป็นผีคอยรักษาเมืองและพระราชวังนั้นต้องเลือกคนให้ได้ลักษณะตามที่โหรพราหมณ์กำหนด  ไม่ใช่คนโทษที่ต้องโทษประการ  แต่เป็นคนที่อยู่ในวัย
ต่าง  ๆ กัน ตั้งแต่ผู้มีอายุไปจนถึงเด็ก ๆ มีทั้งผู้ชายผู้หญิง  ทุกคนต้องมีฐานะดีเป็นที่ยกย่องในกลุ่มชน  ต้องเป็นคนที่เกิดตามวันที่โหรกำหนด  ถ้าเป็นเด็กผู้ชายต้องเป็นเด็กที่ยังไม่มีรอยสักตามตัว  ถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้องยังไม่เจาะหู
ทหารมีหน้าที่จับคนเหล่านี้มาให้ได้จนครบ

พอมีข่าวออกไปว่าจะเอาคนมาฝังทั้งเป็น ผู้คนก็หลบไปจากเมืองมัณฑเลย์เกือบหมด  ทางราชการสั่งให้มีละครให้คนดูทั้งกลางวันกลางคืนหลายวัน แต่ไม่มีใครมาดู ในที่สุดทหารต้องเที่ยวซอกซอนค้นเอาตัวมาได้จนครบ เมื่อได้ฤกษ์ก็เลี้ยงดูคนเหล่านั้นแล้วสั่งเสียให้คอยเฝ้าเมืองและรักษาพระราชวังแล้วก็เอาลงหลุม  เอาเสาประตูใส่หลุมตามลงไป  ลูกเมียญาติพี่น้องซึ่งได้รับพระราชทานรางวัลก็คงจะรับไปอย่างไม่สบายใจนัก


อนึ่ง กรุงมัณฑเลสร้างหลังกรุงรัตนโกสินทร์หลายสิบปี แต่เมื่อแรกสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ นั้น ประเพณีฝังคนได้ยกเลิกไปแล้ว



พิธีสร้างพระนครสมัยกรุงศรีอยุธยา

มีเรื่องสืบกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา  โบราณถือว่าพิธีสร้างพระนครหรือสร้างบ้าน สร้างเมือง ต้องฝังอาถรรพ์ 4 ประตูเมือง ต้องฝังเสาหลักเมือง   ซึ่งการฝังเสาหลักเมืองและเสามหาปราสาทต้องเอาคนที่มีชีวิตทั้งเป็น ลงฝังในหลุม  เพื่อให้เป็นผู้เฝ้าทวารมหาปราสาทบ้านเมือง ป้องกันอริราชศัตรูมิให้มีโรคภัย ไข้เจ็บเกิดแก่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ผู้ครองนครบ้านเมือง ในการทำพิธีกรรมดังกล่าว ต้องเอาคนที่ชื่อ อิน จัน มั่น คง มาฝังลงหลุมจึงจะศักดิ์สิทธิ์

และขณะที่นายนครวัฒเที่ยว เรียกชื่อ อิน จัน มั่ง คง ไปนั้น  ใครโชคร้ายขานรับขึ้นมาก็จะถูกนำตัวไปฝังในหลุม หลุมเสาหลักเมืองนั้น จะผูกเสาคานใหญ่ชักขึ้นเหนือหลุมนั้นในระดับสูงพอสมควร  โยงไว้ด้วยเส้นเชือกสองเส้นหัวท้ายให้เสาหรือซุงนั้นแขวนอยู่ตามทางนอนเหมือนอย่างลูกหีบ   ครั้นถึงวันกำหนดที่จะกระทำการอันทารุณนี้ ก็เลี้ยงดูผู้เคราะห์ร้ายให้อิ่มหนำสำราญ  แล้วแห่แหนนำไปที่หลุมนั้น  พระเจ้าแผ่นดินมีรับสั่งให้บุคคลทั้งสามนั้นเฝ้าประตูเมืองไว้ด้วย  และให้เร่งแจ้งข่าวให้รู้กันทั่ว เมื่อคนมาชุมนุมกันเขาก็ตัดเชือกปล่อยให้เสาหรือซุงหล่นลงมาบนศีรษะผู้เคราะห์ร้ายผู้ตกเป็นเหยื่อของการถือโชคถือลางนั้นบี้แบนอยู่ในหลุม

คนไทยเชื่อว่าผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้จะกลายสภาพเป็นอารักษ์จำพวกที่เรียกว่า ผีราษฏร คนสามัญบางคนก็กระทำการฆาตกรรมแก่ทาสของตนในทำนองเดียวกันนี้เพื่อใช้ให้เป็นผีเฝ้าขุมทรัพย์ที่ตนฝังซ่อนไว้





     
พระราชวังมัณฑะเลย์  ภาพจาก : www.tripdeedee.com

พระราชวังมัณฑะเลย์ พระราชวังที่ส่วนใหญ่ก่อสร้างด้วยไม้สักที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๔๘๘ เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรโดยกองทัพอังกฤษ ได้ทิ้งระเบิดจำนวนมากมายถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์ของพม่า ด้วยเหตุผลว่าพระราชวังนี้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของกองทัพญี่ปุ่น พระราชวังมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นพระราชวังไม้สักก็ถูกไฟไหม้ เผาราบเป็นหน้ากลอง หลงเหลือก็แต่ป้อมปราการและคูน้ำรอบพระราชวัง ที่ยังเป็นของดั่งเดิมอยู่

ปัจจุปัน พระราชวังที่เห็นอยู่เป็นพระราชวังที่รัฐบาลพม่าได้จำลองรูปแบบของพระราชวังของเก่าขึ้นมา แต่ที่เหมือนวังเก่าก็แค่เพียงโครงสร้างกับชื่อเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วยังไม่เห็นความสวยงามอย่างที่เล่าลือกันว่าเป็นวังที่สวยที่สุดหลังหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย







ข้อมูล  
-พม่าเสียเมือง  : ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช, สำนักพิมพ์ดอกหญ้า ๒๐๐๐, กรุงเทพ, ๒๕๕๒
-www. palungjit.com
-www.tripdeedee.com
http://th.wikipedia.org






.

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เมษายน 2555 15:09:02 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น: เมืองมัณฑเลย์ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.315 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 25 กุมภาพันธ์ 2567 14:15:19