[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
02 ธันวาคม 2567 20:43:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงพ่อผู้เปี่ยมด้วยเมตตา  (อ่าน 4716 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 21 มิถุนายน 2553 17:33:37 »


<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 64px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-shockwave-flash" src="http://www.flash-mp3-player.net/medias/player_mp3_maxi.swf?mp3=http://www.fungdham.com/download/song/sec1/1/sound002.mp3&amp;width=250&amp;showstop=1&amp;showinfo=1&amp;showvolume=1&amp;volumewidth=35&amp;sliderovercolor=ff0000&amp;buttonovercolor=ff0000" width="800px" height="64px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" autoplay="false" autostart="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.fungdham.com/download/song/sec1/1/sound002.mp3" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.fungdham.com/download/song/sec1/1/sound002.mp3</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>



ครอบครัว ของดิฉันเป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่สามารถใช้เป็นอุทาหรณ์ สอนทุกครอบครัวได้เป็นอย่างดี ถึงโทษของการพนัน สุรา และ อบายมุขทั้งปวง เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นภาพที่ชัดเจน ว่ามันนำพาความหายนะมาให้กับเราได้อย่างไร



ดิฉันขอย้อนกลับไปเล่าตั้งแต่ดิฉันเริ่มแต่งงานกับสามี คุณประยงค์ ยิ้มรักษา เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ หลังแต่งงาน สามีซึ่งเคยเป็นลูกจ้าง
โรงปูนผลิตเสาซีเมนต์ โอ่งซีเมนต์ ได้ลาออกมาเปิดกิจการของตนเองที่อำเภอตะกั่วป่า จ.พังงา เป็นกิจการขนาดเล็ก สามีเป็นทั้งเจ้าของและลูกจ้าง สามีเป็นคนมีฝีมือในการปั้นโอ่งซีเมนต์ ซึ่งสมัยนั้นนิยมใช้สำหรับใส่น้ำฝนไว้ดื่มกิน ดำเนินการอยู่ที่จังหวัดพังงาได้ปีกว่า ๆ การค้าไม่ค่อยดี ฝนตกชุกตลอดปี พอดีมีญาติคนหนึ่งชวนให้ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดิฉัน สามี และ ลูกจึงได้อพยพครอบครัวมาอยู่ที่ตำบลไร่เก่า กิ่งอำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ยังไม่ใช่ที่อยู่ปัจจุบัน ตอนแรกที่ย้ายมา บ้านไม่ได้อยู่ติดถนนเพชรเกษม เราปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ ข้างฝาบ้านก็ยังไม่มี สามีและดิฉันช่วยกันค้าขาย มีลูกจ้าง ๑ คน กิจการดำเนินไปด้วยดี เราพอมีเงินขยับขยายออกมาซื้อที่ซื้อทางปลูกบ้านติดถนนเป็นบ้านชั้นเดียว ตอนนี้กิจการดีมาก ลูกค้าให้ความไว้วางใจ จะปลูกบ้านต้องมาซื้อเสาปูนที่ร้านเพราะคุณภาพดีแข็งแรงทนมาก สามีเป็นคนทำงานที่เน้นคุณภาพ ไม่เอาเปรียบลูกค้า เราเริ่มมีลูกจ้าง ๕ – ๑๐ คน ดิฉันลืมเล่าไปว่า สามีของดิฉันเป็นคนดื่มสุราทุกวันเป็นนิสัย หลังเลิกงานจะดื่มจนเมา บางทีเมาแล้วยังออกไปเล่นสนุกเกอร์บ้าง การพนันบ้าง เล็ก ๆ น้อย ๆ พอกลับบ้านก็หลับยาวถึงสายยังลุกไม่ขึ้น ดิฉันต้องให้ลูกสาวตักข้าวต้มไปให้ทานถึงที่นอน พอสายหน่อยก็ฟื้นมาทำงาน ตกเย็นก็ดื่มเป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน ในขณะที่กิจการดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่อัตคัดขัดสนเหมือนเมื่อก่อน และสามียังประมูลงานก่อสร้างโรงพยาบาลได้อีก ๑ โรง แต่เป็นงานที่ทำแล้วไม่ได้กำไร แค่พ่อเสมอตัว แต่เราได้ไม้แบบมากมาย ทำให้มีความคิดที่จะปลูกบ้านหลังใหม่ คราวนี้สามีตัดสินใจปลูกเป็นบ้านตึก ๓ ชั้น ๒ คูหา ใช้เวลาปลูก ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ เราได้ย้ายเข้าอยู่บ้านหลังใหม่ ชาวบ้านในละแวกนั้น เริ่มคิดว่าทำไม ตายงค์ขี้เมา ฉายาที่ชาวบ้านเรียกสามี ใช้เวลาในการนร้างตัว ๑๐ โดยประมาณ จากบ้านที่ไม่มีข้างฝามาอยู่บ้านไม้ชั้นเดียว และล่าสุดได้อยู่บ้านตึก กิจการคงจะดี จึงมีคนเปิดโรงปูนค้าวัสดุก่อสร้างขึ้นอีกหลายโรง มีผลกระทบกระเทือนบ้าง ลูกค้าลดลงไปบ้าง แต่เราก็ยังขายดี รถบรรทุก ๖ ล้อ ๒ คันที่ใช้ส่งสินค้าให้ลูกค้าต้องออกส่งวันละหลายเที่ยว แต่ตอนนั้นดิฉันและสามีได้ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ดิฉันเริ่มเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน เป็นการเล่นกันสนุก ๆ ในหมู่เพื่อน แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นการพนัน ไม่นานดิฉันก็ติดและหยุดเล่นไม่ได้ เริ่มออกเล่นนอกบ้าน สามีเริ่มไม่พอใจ จากที่ดื่มอยู่แล้วก็ประชดดื่มให้มากขึ้นอีก ตอนกลางวัน

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มิถุนายน 2553 18:06:06 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 21 มิถุนายน 2553 17:35:24 »




ก็ดื่มด้วยดิฉันก็ไม่สนใจมันติดไปแล้ว ไม่มีสติที่จะยับยั้งชั่งใจ ยังเล่นต่อไป ในเมื่อสามีไม่พอใจที่ดิฉันทิ้งร้านออกไปเล่นข้างนอก ดิฉันจึงขออนุญาตชวนเพื่อน ๆ มาเล่นที่บ้าน ซึ่งสามีเห็นว่ายังดีกว่าไปเล่นข้างนอกจึงอนุญาต และมีบางครั้งที่แกล้งประชดเล่นด้วย และ แกล้งเล่นให้เสียเงิน สามีบอกว่าช่วย ๆ กันเล่นจะได้เจ๊งเร็ว ๆ ท่านอาจจะสงสัยว่าแล้วใครดูแลร้าน พอดีช่วงนั้นมีลูกน้องคนหนึ่งเป็นพนักงานขับรถ ทำงานดี ลูกค้าชอบอัธยาศัย มาซื้อของที่ร้าน และ จะถามหาคน ๆ นี้ จึงมอบหมายให้เขาดูแลจัดการทุกอย่าง ทั้งเขียนบิล ส่งของ เก็บเงินไว้ใจทุกเรื่องจนมาทราบในภายหลังว่า ลูกน้องคนนี้ยักยอกเงินไปหมุนใช้เอง และใช้วิธีแต่งบิลให้เราทราบ ตอนนั้น หมดเงินไปมากพอสมควรแต่ก็ยังไม่มีสติอีก สามียังคงดื่มสุรา ดิฉันยังคงเล่นการพนัน ตอนนั้น ลูก ๆ ยังเรียนไม่จบ กิจการหน้าร้าน หลานชายเป็นคนช่วยดูแลทุกอย่าง หลานคนนี้เป็นคนเก่ง ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๙ เศรษฐกิจเริ่มทรุด บัญชีกระแสรายวันที่มีใช้อยู่เต็มวงเงิน ไม่สามารถเบิกเกินบัญชีได้อีก บางวันขายได้น้อยจนแทบไม่มีเงินซื้อกับข้าว ดิฉันและสามีจึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดี พอดีขณะนั้นพี่ชายของดิฉันซึ่งเป็นเจ้าของบริษัททัวร์สายใต้ ได้แนะนำให้ดิฉันทำร้านอาหาร พี่ชายจะนำทัวร์มาลงให้ ตอนนั้นเหมือนทางตัน ดิฉันจึงตัดสินใจทำร้านอาหาร ก่อนเปิดร้าน สามีขอร้องดิฉันอย่างหนึ่งว่า ถ้าดิฉันเลิกเล่นการพนันได้ อยู่บ้านดูแลกิจการจึงสมควรเปิด แต่ถ้าทำไม่ได้ไม่ต้องเปิด ดิฉันบอกว่าทำได้ จึงเปิดร้านอาหารขึ้น กิจการร้านอาหารมีเงินหมุนทุกวัน ขายดีมีแขกมาก ดิฉันไม่ได้เล่นการพนันสามีหยุดดื่มสุรา แต่อบายมุขก็คืออบายมุข ไม่นานดิฉันก็เริ่มเล่นการพนันอีก ทิ้งร้านให้หลานชายดูแลกับลูก ๆ สามีเมื่อเห็นดิฉันเริ่มเล่น ก็หันกลับ
มาดื่มสุรา ประชดอีก ครอบครัวดิฉันชอบใช้วิธีประชดใส่กัน การค้าที่ขาดการดูแลจากเจ้าของกิจการ ปล่อยให้ลูกน้องทำกันไปตามลำพัง ก็ค่อย ๆ แย่ลงโดยที่เราไม่รู้ตัว บัญชีกระแสรายวันที่เริ่มกระเตื้องขึ้น เพราะนำหลักทรัพย์คือ ที่ดินไปขอกู้เพิ่มก็เต็มขึ้นมาอีกคราวหนึ่ง ต้องเล่นแชร์ ต้องกู้จากนอกระบบ เพื่อนำมาปิดบัญชีให้ลงตัวไม่เกินวงเงิน ส่วนทางด้านลูกชายคนโตก็ฝักใฝ่กับการพนันอีกคน ชอบตีกอล์ฟ คบเพื่อนมีฐานะ ใช้เงินเกินตัว ลูกชายคนนี้เรียนไม่จบปริญญา เพราะดิฉันให้ออกมาดูแลร้านอาหาร แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ออกจากบ้านไปเล่นการพนันบ้าง ตีกอล์ฟบ้างกลับบ้านค่ำ ๆ ทุกวัน เป็นแบบนี้มาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งล้มป่วย บ่นว่าปวดหัว สามีพาไปโรงพยาบาล ผลการตรวจออกมาทำให้ดิฉันและสามี รวมทั้งพี่น้องทุกคนหัวใจสลาย หมอบอกว่าติดเชื้อเอดส์ ดิฉันคิดไม่ถึงเลยว่า โรคบ้า ๆ นี้จะมาเกิดขึ้นในครอบครัวของดิฉัน ตอนนั้นอาการลูกชายหนักมากเป็นตายเท่ากัน แต่โชคดีได้หมอเก่ง สามารถผ่านวิกฤตมาได้ แต่ตั้งแต่นั้นมาต้องใช้เงินซื้อยาประมาณเดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาททุกเดือน ลูกชายเมื่อหายแล้วก็ยังทำตัวเหมือนเดิม อาจแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะก่อนป่วยไม่ดื่มสุรา ตอนนี้เริ่มดื่มสุรา สูบบุหรี่ การพนันทุกอย่าง เพราะจิตใจคงไม่มีความหวังอีกแล้ว แต่ยังไม่มีสติที่จะคิดทำบุญทำกุศล ยังคงใช้ชีวิตอย่างประมาทอยู่อย่างนั้น ยาทีคุณหมอให้ทานก็ทานบ้าง ไม่ทานบ้าง สร้างความทุกข์ใจให้กับพ่อแม่มาก ด้วยความเป็นห่วงลูก จากที่ทุกข์เรื่องธุรกิจอย่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มิถุนายน 2553 17:52:34 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 21 มิถุนายน 2553 17:37:05 »

http://img717.imageshack.us/img717/2184/2580911.jpg
หลวงพ่อผู้เปี่ยมด้วยเมตตา



เดียวก็มากพออยู่แล้ว ยังมาทุกข์เรื่องลูกอีก หนี้สินก็มากมาย มองไปทางไหนมีแต่เจ้าหนี้ แต่ดิฉันและสามีไม่ได้มีสติปัญญาในการแก้ปัญหาเลย สามีดื่มสุราเมาทั้งกลางวันกลางคืน ดิฉันเล่นการพนันมากขึ้น กลับบ้านค่ำมืดดึกดื่นเพราะเครียด ชีวิตนี้ไม่มีทางไหนที่จะทำให้ได้เงินมากเท่ากับการเสี่ยงโชคแบบนี้อีกแล้ว ยิ่งอยากได้ก็ยิ่งไม่ได้ แถมเข้าเนื้อไปทุกวัน ในที่สุดเมื่อถึงยุค IMF ดิฉันแทบบ้า ธนาคารไม่ปล่อยบัญชีกระแสรายวัน การค้าไม่มีเงินหมุนอีกต่อไป แชร์ที่เล่นไว้ต้องส่งทุกเดือน เดือนละหลายแสน แล้วยังดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบอีกที่ต้องส่ง จนตอนหลังแม้แต่ดอกเบี้ยก็ไม่มีส่งไปตลาดจ่ายกับข้าว เจ้าหนี้ทวงต้องร้องไห้น้ำตาตกใน กลับบ้านทุกวันกลุ้มใจอยากคิดฆ่าตัวตายก็หลายครั้ง ติดที่เป็นคนไม่กล้า ถ้าใจเด็ดซักนิด ดิฉันคงไม่มีวันนี้ และคงต้องตกนรกไปอีกนานบุญกุศลแต่ชาติ ปางก่อน ยังพอมีอยู่บ้าง วันหนึ่งขณะที่ดิฉันอยู่บ้านมีสองสามีภรรยาที่ดิฉัน ไม่อาจจะลืมบุญคุณได้เลย คือ คุณพาณิชย์ และคุณถวัลย์ สมาบุตร มาหาดิฉันที่บ้าน ดิฉันแปลกใจมากเพราะขาดการติดต่อกันไปหลายปี อยู่ ๆ ก็มาหาและบอกว่า คิดถึงพี่สุจีนมาก และใจคิดว่า พี่สุจีนกำลังลำบากมีความทุกข์ อยากจะมาชวนไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน วัดนี้ถ้าใครได้ไปแล้วจะไม่ทุกข์ จะมีสติแก้ไขปัญหาชีวิตได้ดี ดิฉันฟังแล้วก็มิได้ปฏิเสธหรือไม่เชื่อ แต่ขอผลัดเขาว่าวันหน้าจะไปตอนนี้ไม่ว่าง เพราะกำลังเปิดร้านหมูย่างเกาหลี ต้องจ่ายตลาดเอง บริหารงานบริหารเงิน รับหน้าเจ้านี้เองคนเดียว เพราะอำนาจการตัดสินใจอยู่ทีดิฉัน จึงเป็นเหตุให้ดิฉันไม่สามารถไปปฏิบัติธรรมได้ คุณพาณิชย์แนะนำให้ดิฉันคิดว่า ตัวเองได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ถ้าเราตายแล้วคนอื่นก็จะรับผิดชอบแทนเราเอง แต่ดิฉันยังขอเวลาคิดอีก ๑ คืน ดิฉันคงยังพอมีบุญที่จะได้ปฏิบัติธรรม และ ปวารณาตนเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญ เมื่อดิฉันบอกกับสามีและลูก ๆ ว่า จะไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ๗ วัน ทุกคนยินดีให้ดิฉันไป และ บอกว่าจะดูแลงานแทนเอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มิถุนายน 2553 18:03:17 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 21 มิถุนายน 2553 17:38:14 »




วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๔๑ ดิฉันจึงไปปฏิบัติธรรม ครั้งแรกที่ไปไม่ประสบความสำเร็จนัก ดิฉันเพียงแค่ทำตามที่ครูสอน แต่จิตใจยังไม่ซาบซึ้งในการปฏิบัติมากนัก เมื่อกลับมาบ้านดิฉันยังได้ออกไปเล่นการพนันอีก ๑ ครั้ง โดยที่ไม่ทราบเลยว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เดือนตุลาคม คุณพาณิชย์มารับดิฉันไปวัดอัมพวันอีกเช่นเคย ทุกครั้งที่ไปปฏิบัติธรรม เราจะไปกราบหลวงพ่อที่กุฏิ เพื่อรับฟังโอวาทและร่วมทำบุญกับหลวงพ่อก่อน วันนั้นเป็นจุดพลิกผันชีวิตและจิตใจของดิฉัน ต่อหน้าหลวงพ่อและคนอื่น ๆ อีกมากมาย คุณพาณิชย์กราบนมัสการหลวงพ่อว่า ดิฉันคิดฆ่าตัวตาย เพราะมีหนี้สินมากมาย หลวงพ่อผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ได้ขอบิณฑบาตชีวิตดิฉันไว้ และพรมน้ำมนต์ให้เป็นกำลังใจ ดิฉันตั้งใจว่าต่อไปนี้จะเชื่อฟัง และปฏิบัติตามที่หลวงพ่อสอนทุกประการ หลวงพ่อสอนว่า ถ้าเจ้าหนี้มาทวง อย่าหลบหน้า ให้บอกเขวว่าไม่โกงหรอก ไม่หนีไปไหน ถ้ามีแล้วจะให้ บอกเขาไปแบบนี้ อย่าไปทุกข์ อย่าไปคิดฆ่าตัวตาย ถ้าฆ่าตัวตายจะไปเกิดเป็นเปรต กลับจากวัดครั้งนั้น ดิฉันได้มาปฏิบัติที่บ้านทุกวัน เลิกเล่นการพนันอย่างเด็ดขาด ส่วนสามียังดื่มสุราอยู่ จนกระทั่งดิฉันไปปฏิบัติธรรมทุกเดือน เดือนละ ๗ วัน ได้ประมาณ ๓ ครั้ง ได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับสามี สามีเริ่มสนใจว่า วัดนี้ทำไมทำให้คนเปลี่ยนแปลงได้มากขนาดนี้ เวลาว่างสามีเริ่มหยิบหนังสือธรรมะ เช่น สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมบ้าง กฎแห่งกรรมบ้าง มาอ่าน และรู้สึกศรัทธาหลวงพ่อตั้งแต่ยังไม่เคยพบไม่เคยรู้จัก และด้วยอานิสงส์ของการปฏิบัติของข้าพเจ้า สามีสามารถเลิกดื่มสุราได้เด็ดขาดจนถึงทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่ดื่มมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๔๐ ปี โดยที่ไม่ต้องบังคับใจตนเอง สามีบอกดิฉันว่ารู้สึกไม่อยากดื่มอีกแล้ว ปกติสามีดิฉันไม่ศรัทธาอะไรง่าย ๆ เป็นคนเชื่อคนยาก ต้องเห็นว่าดีจริงจึงจะเชื่อ แต่ด้วยบารมีหลวงพ่อ เพียงได้อ่านจากในหนังสือก็สามารถโน้มน้าวจิตใจสามีให้ไปปฏิบัติที่วัดได้ ๗ วัน หลังจากกลับจากวัด สามีมิได้ปฏิบัติกรรมฐาน แต่สวดมนต์พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหาการุณิโก จบด้วยพุทธคุณ ๑๐๘ จบ ทุกวันอย่างเคร่งครัด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มิถุนายน 2553 17:57:56 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 21 มิถุนายน 2553 17:40:47 »




ดิฉันตั้งสัจจะ ว่าจะไปปฏิบัติที่วัดอัมพวันทุกเดือน เดือนละ ๗ วัน เป็นเวลา ๑ ปี การได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัด ทำให้ดิฉันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นในทุก ๆ ด้านดิฉันมีสติในการบริหารงาน บริหารเงิน บริหารหนี้สิน ยามว่างที่เคยออกนอกบ้าน ก็ทำงานบ้าน ซักผ้า รีดผ้า อ่านหนังสือธรรมะ ฟังเทปธรรมะ ซึ่งจะมีติดรถตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปทางไหน ใกล้ไกลจะมีหลวงพ่อไปด้วยตลอด การปฏิบัติบวกกับการอ่าน การฟัง ที่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทำให้จิตใจเข้มแข็ง มีสติในการต่อสู้กับปัญหาต่าง ๆ ขลาดกลัวกับการทำผิดศีล อานิสงส์จากการสวดมนต์และปฏิบัติธรรม ไม่ได้ช่วยดิฉันเฉพาะด้านเศรษฐกิจการเงินเท่านั้น ยังช่วยให้ลูกชายของดิฉันรอดตายราวปาฏิหาริย์ด้วย ประมาณเดือนธันวาคม ๒๕๔๒ ลูกชายคนเดิมเริ่มป่วยอีกครั้ง โดยครั้งนี้ไม่ปวดหัวเหมือนครั้งก่อน แต่เริ่มทานอาหารไม่ได้ และผ่ายผอมลงอย่างรวดเร็ว ดิฉันและสามีพาลูกไปรักษาที่โรง พยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี  แต่อาการไม่ดีขึ้นเลย จึงได้ขอรถพยาบาลย้ายลูกชายไปโรงพยาบาลจุฬา ตามคำแนะนำของเพื่อน แต่เมื่อตรวจแล้วเป็นโรคหลายอย่างในช่องท้องอาการหนัก บวกกับเตียงของโรงพยาบาลไม่ว่าง คุณหมอแนะนำให้กลับบ้าน และ ให้ยามารับประทานพร้อมทั้งนัดให้มารับผลตรวจเลือดในอาทิตย์ถัดไป ระหว่างนอนรักษาอยู่ที่บ้าน ลูกชายไม่สามารถทานอะไรได้เลย โชคดีอยู่หน่อยที่ทานยาได้ สามีคอยดูแลให้ยาทุกวันตามที่หมอสั่ง ๑ อาทิตย์ ผ่านไปด้วยความทรมาน เพราะสามีต้องดูแลลูกอยู่คนเดียว ต้องทนเห็นสภาพลูกที่ผอมลงทุกวันจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เหมือนนอนรอความตาย ส่วนดิฉันทุกข์ใจ ไม่ทราบจะทำอย่างไรแล้ว จึงตัดสินใจทิ้งลูกที่นอนป่วยอยู่ ไปปฏิบัติธรรมที่วัดเพื่อหวังที่จะแผ่เมตตาให้บุญกุศลช่วยลูก ดิฉันตั้งจิตถึงหลวงพ่อว่า ถ้าลูกชายของดิฉันจะต้องตาย ขอให้ตายเลยอย่าทรมาน และขอให้หลวงพ่อแผ่เมตตาให้ลูกไปดี แต่ถ้ายังไม่ถึงคราวตาย ขอให้หลวงพ่อช่วยแผ่เมตตาให้หายด้วย นอกจากอธิษฐานจิตแล้วยังได้กราบนมัสการหลวงพ่อด้วย
วาจาด้วย หลวงพ่อรับปากที่จะช่วยแผ่เมตตาให้ ด้านสามีเมื่อครบกำหนดได้พาลูกชายไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจเลือดใหม่อีกครั้ง ผลการตรวจออกมาครั้งนี้ คุณหมอรับลูกชายเป็นผู้ป่วยใน ให้นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล อาการดีขึ้นตามลำดับ เริ่มทานอาหารได้ ๒-๓ คำ อาเจียนออกบ้างเป็นบางครั้ง รักษาที่โรงพยาบาลไม่กี่วัน ลูกชายขอกลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน เพราะไม่มีเทคนิคอื่นใดในการรักษา นอกจากทานยากับเจาะเลือด เมื่อไปตรวจครั้งหลัง ๆ คุณหมอบอกว่าอาการดีขึ้นมากแล้ว ใช้เวลารักษาประมาณ ๓ เดือน ก็จะหายเป็นปกติ ระหว่างนั้นลูกชายยังบ่นว่า เจ็บแปลบ ๆ ที่บริเวณหน้าอก เวลาหายใจก็เจ็บ ขยับตัวก็เจ็บ ทรมานแทบไม่อยากหายใจ ดิฉันและสามีได้รับความเมตตาจากหลวงพ่ออีกครั้ง เมื่อไปกราบนมัสการหลวงพ่อตามปกติที่เคยปฏิบัติ แต่ครั้งนี้หลวงพ่อได้ให้ยามารับประทาน บอกว่าให้รับประทานกันทั้ง ๒ ครอบครัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มิถุนายน 2553 17:58:38 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 21 มิถุนายน 2553 17:47:42 »

http://img717.imageshack.us/img717/2184/2580911.jpg
หลวงพ่อผู้เปี่ยมด้วยเมตตา



คือ ครอบครัวของคุณพาณิชย์ด้วย เป็นยาอายุวัฒนะของพระร่วงเจ้าแห่งสุโขทัย พร้อมทั้งบอกตำรายาด้วยว่า มีเกลือ ๓ ถ้วย มะขามเปียก ๗ ด้วย บอระเพ็ดหั่นละเอียด ๕ ถ้วย ตำบอระเพ็ดกับเกลือให้ละเอียด แล้วนำมะขามเปียก ลงตำผสม จากนั้นนำมาผสมกับน้ำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอน รับประทานเช้าและก่อนนอนเมื่อกลับจากวัด สามีได้นำยามาปั้นให้ลูกชายรับประทาน ปกติลูกรับประทานยายากแต่พอบอกว่าเป็นยาของหลวงพ่อ ซึ่งเขา
ศรัทธาอยู่แล้ว จึงยอมรับประทานแต่โดยดี และขอรับประทานทุกมื้อที่หลวงพ่อบอกรับประทานไปได้เพียง ๓ - ๔ วัน เท่านั้น อาการเจ็บแปลบข้างในหน้าอกหายไป จนตอนนี้ไม่มีอาการนั้นอีกแล้ว ทานอาหารเก่ง น้ำหนักขึ้นจากเดิมมากจนเกือบเป็นปกติแล้ว
ครอบครัวของ ดิฉันซาบซึ้งในทุกสิ่งทุกอย่าง ที่หลวงพ่อเมตตากับครอบครัวของดิฉัน จนยากจะบรรยายได้หมด เพราะเรื่องทุกข์ของดิฉันนั้นมันมากมาย จนไม่คิดว่าชีวิตนี้จะแก้ไขอะไรให้ดีได้ และด้วยเมตตาบารมี และคำสั่งสอนของหลวงพ่อที่ดิฉันและทุกคนในครอบครัวยึดถือปฏิบัติ สามารถพลิกผันชีวิตได้มากขนาดนี้ ชาตินี้ไม่สามารถตอบแทนพระคุณหลวงพ่อได้หมด มีเพียงทางเดียว คือ จะตั้งจิตตั้งใจปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ในศีลในธรรม สร้างความดีถวายแด่หลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวันไปตลอด จนกว่าชีวิตจะหาไม่



..................................... (:LOVE:)คาถาเมตตา ..............................รัก


เมื่อหลวงพ่อ เดิมให้ คาถาเมตตา มาอาตมาก็ท่องไปเรื่อย ๆ และในที่สุดก็ไม่ได้ใช้ เพราะไม่ได้สึก พอมาเรียนพระกรรมฐานและ

สติปัฏฐานสี่ในตอนหลังนี้ ก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่า คาถาที่หลวงพ่อให้ไม่ใช่คาถาเมตตาที่ไหนเลย แต่เป็นคำสอนของพระบรมศาสดาทั้งนั้น เช่น

ให้ระมัดระวัง ศีรษะ ให้รู้จักน้อมคารวะผู้มีคุณธรรม

หน้าผาก ก็ให้ผ่าเผยด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม

ดวงตา ให้สำรวมระวังในการมองดู เพราะนั่นเป็นทางเกิดกิเลสต่าง ๆ

ดังนั้น คาถาเมตตาของหลวงพ่อเดิม จึงรวมเอาคำสอนของพระบรมศาสดา เรื่องการสำรวมระวังอินทรีย์ทั้งนั้น แต่เมื่อคนเกิดไปภาวนาด้วยความมั่นใจ

แล้วก็ทำให้ขลังได้เหมือนกัน




.........................................โดยคุณ สุจิน ยิ้มรักษา..........................................



ที่มา.............................................http://www.jarun.org/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มิถุนายน 2553 18:02:04 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
คำค้น: เหตุ ต้น ผล กรรม กฏ ชะตา บางครั้ง ส่ง อดีต ชาติ ภพ อื่น ๆ ชีวิต 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.28 วินาที กับ 27 คำสั่ง

Google visited last this page 29 กันยายน 2567 08:34:25