[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 07:59:12 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อุบลชาติ  (อ่าน 18381 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 1014


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.10 Firefox 3.0.10


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 24 มิถุนายน 2553 12:34:35 »



เล่าเรื่องอุบลชาติ

ดอกบัวสัญลักษณ์แห่งความรู้สึก สงบ.. เย็น..
ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์แห่งความงดงาม ที่คอยแต่งแต้มให้โลกใบนี้มีสีสัน
ดอกบัวสัญลักษณ์แห่งความงดงามล้ำค่ายิ่ง แม้จะไม่ฉูดฉาด สะดุดตา
ความงามของดอกบัวดูเพียงเผินๆสามารถมองหาความงามได้โดยง่ายดาย
ดอกบัว คือ ดอกไม้ที่คนไทย นำมาใช้บูชาพระ และผูกพันกับวิถีไทยมาช้านาน
โดยเฉพาะถวายเป็นพุทธบูชาให้กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสดาของพุทธศาสนา
และดอกบัวเป็นดอกไม้ของผู้เกิดเดือนกรกฏาคมด้วยค่ะ



ดอกบัวมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Lotus กับ Water Lily
ซึ่งทำให้เกิดการเข้าใจว่าเป็นดอกบัวเหมือนกันแต่ต่างชนิดกัน
จริงๆแล้วเป็นชนิดเดียวกันค่ะ โดยทั่วไปคำว่า โลตัส จะใช้ในอินเดีย
และทางตะวันออกหรือทางเอเซียเราจะใช้ตำว่า โลตัส เหมือนกับอินเดียเหมือนกัน
เพราะว่าจะเป็นคำที่ใช้ในเรื่องทางศาสนา วรรณคดีคลาสสิคและงานศิลปะชั้นสูงเท่านั้น
ในขณะเดียวกันคำว่า วอเตอร์ ลิลลี่ พวกนักธรรมชาติวิทยาหรือนักวิทยาศาสตร์จะใช้คำนี้
 (หนังสือWorld Book ได้ให้นิยามของดอกบัวไว้แบบนี้ค่ะ)
ในเอเชียเราพูดถึงดอกบัวเราจะนึกถึงดอกบัวสีขาวกับดอกบัวสีชมพูที่เราใช้บูชาพระ
กันเท่านั้น ว่ากันว่าเมื่อหลายพันปีก่อน ในหนังสือโบราณทางศาสนาพุทธของเราได้กล่าวถึงดอกบัว
ถึงเจ็ดชนิดค่ะร่วมทั้งดอกบัวสีนํ้าเงินกับดอกบัวสีเหลืองรวมอยู่ด้วย            
(ที่ประเทศอียิปต์เป็นต้นกำเนิดของBlue Lotusดอกบัวสีนํ้าเงินตามลุ่มแม่นํ้าไนล์)                      

http://i205.photobucket.com/albums/bb141/suri2497/p2.jpg
อุบลชาติ

 
ส่วนดอกบัวสีเหลืองต้นกำเนิดอยู่ที่อเมริกาเหนือ
โน่น แน่ะค่ะทางประเทศกรีกมีเรื่องตำนานเกี่ยวกับดอกบัวเหมือนกัน
แต่ในภาษาของเขาใช้คำว่า วอเตอร์ลิลลี่ไม่ใช่โลตัส water lilly อยู่ในตระกูล นิมฟาร์ เจนุส ค่ะ
Nympha genus ในภาษากรีก nympha แปลว่า นางพรายนํ้านาง พรายนี้เป็นคนดูแลรักษาแหล่งนํ้า ต้นไม้
และในยุโรบถือว่าเป็นดอกบัวสีขาวธรรมดาๆที่มีอยู่ทั่วไปตามแหล่งนํ้า ยกตัวอย่างจิตรกรวาดภาพชื่อดังคือMonet's water lilly                            
โมเน่ต์ Monetที่วาดรูปดอกบัวที่มีชื่อเสียงมากภาพหนึ่ง
ดอกบัวนั้นอยู่ในสกุลชื่อว่า นิมฟาร์ อัลบา(nymha alba) แต่ทางอเมริกาเหนือจะ
คุ้นเคยกับชื่อว่า นูฟาร์ ลูเทีย ส่วนดอกบัวสีเหลืองจะมีชื่อว่า สปัตเตอร์ด็อก หรือ คาว ลิลลี่
(spatterdock or cow lilly / cow ที่แปลว่าวัวค่ะ) ส่วนทางอังกฤษมีชื่อของดอกบัวที่แปลก
และน่าขำคือดอกบัวพันธ์ เหล้าบรั่นดี เพราะว่าดอกบัวชนิดนี้มีกลิ่นแรงคล้ายเหล้าที่ชื่อว่า stale wine
และ แมลงวันชอบมาตอมดอกบัวชนิดนี้มาก
(stale wine ไปลองค้นดูแปลว่าเหล้าองุ่นที่เก็บไว้นานเกินและบรรจุในภาชนะขนาดใหญ่ที่ อากาศเข้าไปทำลายรสชาติและกลิ่นของไวน์)
                                

      
ดอกบัวเป็นดอกไม้ที่ชาวจีนนิยมมากค่ะ เราคงเคยเห็นภาพวาดแบบจีน
ที่เป็นรูปเด็กผู้ชายร่างกายแข็งแรงอ้วนท้วนสมบูรณ์ถือไบบัวหรือดอกบัวไว้ในมือ
ภาพแบบนี้จะเป็นที่นิยมเพราะหมายความว่าครอบครัวนั้นจะมีลูกหลานเป็นชายไว้สืบสกุล
แบบไม่ขาดสาย และภาพวาดที่มีปลาทองว่ายนํ้าไต้กอบัวที่มีใบใหญ่ไว้ป้องกันอันตรายแก่ปลาทอง
ภาพแบบนี้ถือว่าเป็นภาพมงคลให้ความหมายดีหมายถึงความมั่งคั่งรํ่ารวยตลอดไปไม่มียากจน
 ชาวอียิปต์รู้จักดอกบัวก่อนอินเดียอีกค่ะเพราะมีหลักฐานว่าได้พบดอกบัวมากมาย
(ซากดอกบัวแห้งๆ)ที่หลุมศพหรือที่ปิรามิดของ พระเจ้าตูตังคามุน เมื่อ1361ก่อนพระเยซูประสูต
ดอกบัวในความหมายของอยิปต์คือการเกิดไหม่และใช้ในงานพิธีฝั่งศพในอียิปต์
คน ที่เศร้าเสียใจจะถือดอกบัวในมือเป็นเคล็ดว่าบางที่ผู้ที่จากไปแล้วอาจกลับมาเกิดไหม่อีกครั้งก็เป็นได้
ชาวอินเดียนแดงยังมีเรื่องตำนานเกี่ยวกับดอกบัว เหมือนกัน เขาเล่าว่า
อเมริกาเหนือเป็นต้นกำเนิดของดอกบัวสีเหลืองค่ะ ตำนานของอินเดียนแดงเผ่า ดาโกต้า
เล่าว่ามีนางฟ้า ได้ลงมาจากสวรรค์และต้องการจะอาศัยอยู่กับอินเดียนเผ่านี้
หัวหน้าเผ่าชื่อว่า เรดสตรอว์เบอรี่ (Chief Red Strawberry) ส่งลูกชายกับนางฟ้าองค์นี้ นั่งเรือคานู
ข้ามทะเลสาปไปขอคำปรึกษาจากผู้รู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ขณะที่นั่งเรือไปตอนกลางคืน
ท่ามกลางความมืดนั่นเรือได้ชนเข้ากับก้อนหินค่ะ เรือล่มนางฟ้าองค์นี้หล่นหายไปในนํ้า
ในตอนเช้ามีดอกไม้สีเหลืองปรากฏขึ้นในบริเวณที่เรือจม

http://i205.photobucket.com/albums/bb141/suri2497/p3.jpg
อุบลชาติ

    
สมัยก่อนเชื่อว่าตั้งแต่มีดอกบัวสีขาวกำเนิดมาในโลก
นี้มีส่วนทำให้มนุษย์มีความสุขความสงบมากขึ้น มีชีวิตที่ดีขึ้น นี่เป็นความเชื่อของคนจีนในสมัยราชวงศ์หมิง
อาจจะหมายถึงการที่คนจีนได้มีความเชื่อและนับถือศาสนาพุทธก็เป็นได้
เพราะดอกบัวในแถวเอเชียบ้านเรามักจะเกี่ยวโยงกับศาสนาพุทธนะคะ
นอกจากสาสนาพุทธแล้วยังมีเรื่องเกี่ยวดอกบัวกับศาสนาอื่น
เช่นเรื่องดังมีหลักฐานที่เกี่ยวกับดอกบัวอีก
คือได้มีการค้นพบรูปเกี่ยวกับทางศาสนาเป็นรูปปั้นที่ทำจากดินเหนียวสีแดงเป็นรูปเทพเจ้าหญิงที่มีลักษณะของความอุดมสมบูรณ์ค่ะ
คือ มีตะโพกใหญ่ ทรวงอกที่อวบอิ่มสมบูรณ์ มือทั้งสองช้อนที่ทรวงอกทั้งสองข้าง มีดอกบัวประดับที่ศีรษะ

เชื่อว่าเป็นพระแม่ธรณีที่ประทานความอุดมสมบูรณ์แก่โลกมนุษย์
รูปปั้นนี้พบที่โมเฮนโดจาโร(Mohenjo-Daro) ได้พิสูจน์แล้วว่ารูปปั้นนี้มีอายุก่อนที่จะ
มีการบันทำเรื่องราวเป็นลายลักษณ์อักษรเสียอีกหมายความว่าก่อนที่มนุษย์เรา
จะประดิษฐตัวหนังสือเพื่อบันทึกเรื่องราวเสียอีกค่ะ
                                                      
พระลักษมีที่เป็นเทพเจ้าของศาสนาฮินดูก็มีชื่อหลายชื่อนะคะ
ที่มีความหมายถึงดอกบัวเช่น ปัทมา กมลักษณา(อาจจะเขียนผิดก็ได้นะคะ
เพราะไม่แน่ใจว่าภาษาไทยจะใช้ว่าอะใร Padma, Kamalasana)
การกำเนิดของพระนางลักษมีก็ถือกำเนิดโดยออกมาจากดอกบัว
ซึ่งดอกบัวนี่ได้ผุดออกมาจากหน้าผากหรือพระนลาฎของพระวิษณุค่ะ
ทางอินเดียถือว่าดอกบัวเป็นเครื่องหมายของการเกิดหรือการกำเนิด
 ส่วนทางศาสนาพุทธของเราพระพุทธเจ้าเมื่อทรงประสูติ
พระองค์ได้ก้าวพระบาทไปเจ็ดก้าวและทุกก้าวก็มีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ
เรามักจะเห็นพระพุทธเจ้าประทับบนดอกบัวเสมอค่ะ ในจีนความเชื่อทางศาสนาพุทธ
จะถือว่าดอกบัวหมายคือความบริสุทธฺ์ สะอาดค่ะ
เชื่อว่าการอาบนํ้าในแหล่งนํ้าที่สะอาดบริสุทธิ์ที่มีดอกบัวขึ้นอยู่
จะได้รับพลังความบริสุทธ์สะอาดของดอกบัวที่หยั่งรากลึกลงไปในดิน
นั่นหมายถึงการมีอยู่ของคุณความดีหรือความชั่วนั้นที่จะเกิดขึ้นหรือมีอยู่
นั้นเกิดได้ทุกแห่งเปรียบเหมือนดอกบัวนั้นไม่ได้เกิดบนขุนเขาสูงไกล้ท้องฟ้า
หรือสรวงสวรรค์แต่ดอกบัวนั้นเกิดจากโคลนตมคือรากบัวหยั่งลึก
ไปในโคลนเลนสกปรกแต่เมื่อออกดอกแล้วดอกบัวจะชูดอกขึ้นเหนือนํ้า
ความดีความชั่วนั้นมักจะอยู่คู่กันเสมอ



        

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 กรกฎาคม 2554 22:04:09 โดย ขม..ค่ะึึ » บันทึกการเข้า

"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 1014


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.10 Firefox 3.0.10


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2553 13:48:33 »

http://i365.photobucket.com/albums/oo92/wawatchari/Lotus-0-1000-OK.jpg
อุบลชาติ

"อุบลชาติ..ราชินีแห่งไม้น้ำ"

" บัวยังบาน ....กาลเวลาพาเปลี่ยนไป
อันใดฤาจะฝืนไว้ ...เห็นหรือไม่ในวงวัฏ--ฏสงสาร
สงบจิตสงบคำสว่างนาน...รำลึกคำพระธรรมขาน
จะชื่นบาน....จะอิ่มใจเหมือนใบบัว "


บัวจัดเป็นพันธุ์ไม้น้ำที่ถือเป็นสัญญลักษณ์ของคุณงามความดี
บัวหลวงชอบขึ้นในน้ำจืดออกดอกตลอดปี ชอบน้ำสะอาด อยู่ในน้ำลึกพอสมควร
ถิ่นกำเนิดของบัวอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จะเริ่มบานตั้งแต่ตอนเช้า ก้านดอกยาวมีหนาม
เหมือนก้านใบชูดอกเหนือน้ำ และชูสูงกว่าใบเล็กน้อย กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ สีขาวอมเขียว
หรือสีเทาชมพู ร่วงง่ายกลีบดอกจำนวนมากเรียงซ้อนหลายชั้น เกสรตัวผู้มีจำนวนหลายสี

บัว เป็นพืชน้ำล้มลุก ลักษณะลำต้นมีทั้งที่เป็นเหง้า ไหล หรือหัว
ใบเป็นใบเดี่ยว เจริญขึ้นจากลำต้น โดยมีก้านใบส่งขึ้นมาเจริญที่ใต้น้ำ ผิวน้ำหรือเหนือน้ำ
รูปร่างของใบส่วนใหญ่กลมมีหลายแบบ บางชนิดมีก้านใบบัว

บัวมีมาตั้งแต่ สมัยพุทธกาล ซึ่งมีตำนานกล่าวว่า หมอชีวกโกมารภัจจ์
ได้ปรุงยาจากดอกบัว ถวายแด่ องค์สมเด็จพระพุทธเจ้า แก้อาการอ่อนเพลีย ถือว่าดอกบัวเป็น
ดอกไม้ประจำศาสนาพุทธ ตามพุทธประวัติพบว่า บัวมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่
เมื่อพระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพาน

ครั้งเมื่อที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสรู้แล้ว แต่เนื่องจากพระธรรม
ที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้
เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก
บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัว 4 เหล่า ได้แก่

พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้
และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบาน
ทันที (อุคฆฏิตัญญู)

พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตาม
และได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า
เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป (วิปจิตัญญู)

พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตาม
และได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า
เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป (วิปจิตัญญู)

พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมาย
หรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร
เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา
ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน (ปทปรมะ)

คนไทยส่วนใหญ่มักจะใช้ดอกบัว ในการบูชาพระอยู่เสมอ
แต่บัวที่เรานิยมปลูกไว้ภายในบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล คือ บัวหลวง
บัวผัน บัวฝรั่ง บัวสาย และบัวกระด้ง

ความเชื่อในทางพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยโบราณว่า ดอกบัวก็เหมือนกับคนเรานี้เอง
ดอกบัวที่ชูดอกพ้นจากผิวน้ำขึ้นมารับแสงสว่างได้นั้น ก็เหมือนกับ
ผู้ที่หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง กลายเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
ซึ่งถือเป็นความหมายอันลึกซึ้ง และเป็นมงคลยิ่งนัก

คนโบราณจึงมึความเชื่อว่า ครอบครัวใดที่ปลูกบัวเอาไว้ประจำบ้าน
ก็จะช่วยให้คนครอบครัวนั้น มีจิตใจที่บริสุทธิ์ สะอาด และเบิกบานแจ่มใส เช่นเดียวกับดอกบัว
และยังเชื่ออีกว่า สายใยของบัวที่ยืดยาวนั้น คือสายสัมพันธ์ของครอบครัว
จะทำให้ทุกคนมีความห่วงใยรักใคร่ และผูกพันต่อกันอย่างแนบแน่น ครอบครัวนั้น
ก็จะมีแต่ความสุข เพราะความรักใคร่ปรองดองของคนในครอบครัวทุกคน

ควรปลูกต้นบัวในวันพุธ เพราะวันพุธนั้น เหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้ที่ให้ดอกสวยงาม
ต้นบัวที่ปลูกในวันพุธ จะทำให้บัวผลิดอกบานสะพรั่งงดงามไปทั่วทั้งสระ
ผู้ที่เหมาะที่จะปลูกบัวมากที่สุด คือ ผู้ที่เกิดปีจอ เพราะต้นบัวนั้น
เป็นต้นไม้ประจำปีของคนเกิดปีจอ หากผู้ที่เกิดปีจอเป็นผู้ปลูก และมีผู้ที่เกิดปีเดียวกัน
อาศัยอยู่ภายในบ้าน ก็จะช่วยเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
(ถ้าไม่มีผู้ที่เกิดปีจอ ก็ควรให้หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้ปลูกก็ได้)
ปลูกบัวทางทิศตะวันตก เจริญงอกงามมากกว่าการปลูกบัวทางทิศอื่นๆ



บัวหลวงชมพูหน้าบ้าน
ไม่ว่าจะเป็นบัวพันธุ์ไหน แม้จะถูกยกย่องว่าเป็นไม้ดอกที่ดูสูงศักดิ์สูงค่า...
แต่ฉันมองว่า บัวงามเหล่านี้ก็เติบโต ต่างก็เติบโตมาจากดินโคลนสาปเลนที่มีเบื้องหลัง
ที่ไม่ค่อยจะดีนัก บัวงามเหล่านี้ก็พยายามที่ชูช่อ หนีความสกปรกโสมมของโคลนดิน
ทุกอย่างล้วนอนิจจัง .....อยู่ที่มุมมองของคน ของน่ารังเกียจแค่ไหน ถ้าใจชอบก็บอกว่ารัก
หากใจไม่รักไม่พึงปรารถนา...มันก็ย่อมเป็นสิ่งน่ารังเกียจ....ในสายตาอยู่ดี



สุภาษิต-คำพังเพย...เกี่ยวกับบัว

น้ำกลิ้ง...บนใบบัว (บอน) ปลิ้นปล้อน เชื่อถือไม่ได้

บัวไม่ให้ช้ำ ...น้ำไม่ให้ขุ่น.

บัวตูม บัวบาน รุ่นแล้วรุ่นเล่า เก่าไปใหม่มา

ชะเง้อชะงอยบัวชูช่อ...หยิ่งทรนงว่าสูงศักดิ์

บัวบังใบ ใบบังบัว
เปรียบเสมือนชีวิตคนเรา ที่ต้องพึ่งพาอาศัยใบบุญคนอื่น

บัว 4 เหล่า



ฯลฯ..ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org
บันทึกการเข้า

"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 1014


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.10 Firefox 3.0.10


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2553 13:56:01 »



นอกจากจะใช้ในพิธีทางศาสนาแล้ว ทุกส่วนของดอกบัวถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสิ้น
เม็ดบัวใช้ทำขนม ทำของกินเล่น ผสมกับข้าวต้ม ทำขนมไหว้พระจันทร์ กลีบบัวตากแห้งใช้ผสม
ในยาสูบก็หอมดี เกสรบัวใช้ทำยาหอมมีบางส่วนใช้ปนกับใบชา ใบใช้ห่ออาหารแบบใบตอง
 ส่วนรากบัวต้มทานแก้ร้อนใน เชื่อม ทำสลัด อบทำอาหาร พวกฝรั่งก็ใช้บัวเป็นยาพื้นบ้านเหมือนกัน
เช่นนาย ไมเคิ้ล มัวร์ใช้เม็ดบัวตากแห้ง รากบัวตากแห้ง ผสมกับชาร้อน
ทานแก้โรคที่เกิดกับระบบทางเดินปัสสาวะ รากบัวสดๆดีต่อระบบสืบพันธ์ นายมัวร์เน้นเป็นพิเศษว่า
รากบัวนั้นใช้ลอความร้อนในร่างกาย แก้การอักเสบของอวัยวะภายในช่วยการไหลเวียนของ
ของเหลวในร่างกายได้อย่างวิเศษบางแห่งใช้รากบัวผสมกับสมุนไพรอย่างอื่นแก้อักเสบตามข้อได้ด้วยค่ะ



แต่น้อยคนนักที่รับรู้ความจริงว่า ดอกบัวสายพันธุ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสายพันธุ์ไทยแท้
ใกล้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยเต็มที หากไม่มีการอนุรักษ์รักษาไว้
โชคดีที่ในวันนี้ มีพิพิธภัณฑ์บัว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อำเภอธัญบุรี ปทุมธานี
เป็นแหล่งสำคัญรวบรวมพันธุ์บัว ปลูกรักษา ศึกษาการใช้ประโยชน์
และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุ์บัวทั้งไทยและต่าง ประเทศไว้

มารู้จักสายพันธุ์ดอกบัวกันหน่อยนะค่่ะ

บัวมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีหลายสี ชนิดพันธุ์ของบัวจำแนกสายพันธุ์ได้ดังนี้

1. ปทุมชาติ หรือ บัวหลวง ( Lotus ) จัดอยู่ในสกุล Nelumbo มีแหล่งกำเหนิดในทวีปเอเซีย
มีไหลอยู่ใต้ดิน ใบมีขนาดใหญ่ ดอกมีทั้งดอกซ้อนและไม่ซ้อน ใบและดอกชูขึ้นเหนือน้ำ
ในประเทศไทยมีอยู่ 4 พันธ์
1-1.....บุณฑริก
1-2.....บัวหลวงราชินี ( พันธุ์ใหม่ )
1-3.....บัวหลวงสัตตบุษย์
1-4.....สัตตบงกช

2. อุบลชาติ ( Water-lily ) จัดอยู่ในสกุล Nymphaea มีแหล่งกำเหนิดในทวีปเอเซีย
มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ใบลอยแตะผิวน้ำ รูปร่างใบมีหลายแบบ ก้านใบไม่มีหนาม กลีบดอกมีทั้งดอกซ้อน
แบ่งเป็น 2 ประเภท

2.1 อุบลชาติยืนต้น ( Hardy water-lily ) มีถิ่นกำเหนิดในเขตอบอุ่น และเขตหนาว หรือที่เรียกว่า บัวฝรั่ง
มีเหง้าเลื้อยไปตามผิวดิน แตกหน่อง่าย ติดเมล็ดยาก พักตัวในฤดูหนาว ขอบใบเรียบ
ดอกลอยแตะผิวน้ำหรือชูเหนือน้ำเล็กน้อย ดอกมีหลายสี กลีบดอกซ้อนสวยงามมาก
มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามลักษณะดอก และสีตามที่ผู้พัฒนาพันธุ์คิดขึ้น ได้แก่

..........บัวฝรั่ง.............ซีรีอุส.............ฟาบิโอล่า..............ยิปซี่................มังคลอุบล ( มัง คะ ละ อุบล )

2.2 อุบลชาติล้มลุก ( Tropical water-lily ) มีถิ่นกำเหนิดในเขตร้อน ไม่พักตัวในฤดูหนาว
มีเหง้าเจริญเติบโตในแนวดิ่ง ดอกมีหลายสี ใบลอยแตะผิวน้ำ ดอกชูขึ้นเหนือผิวน้ำ ขอบใบจักมน หรือ แหลม
แบ่งออกเป็น 4 ชนิด

2.2.1 บัวผันและบัวเผื่อน ( บานกลางวัน ) รูปภาพดอก มีกลิ่นหอมมาก
บานตอนเช้าหุบตอนเย็น ก้านและใบไม่มีขน ดอกมีหลายสี ติดเมล็ดง่าย
ผสมพันธุ์ข้ามระหว่างสีต่างๆ ได้ง่ายทั้งโดยแมลงในธรรมชาติ และโดยฝีมือมนุษย์
บัวชนิดนี้จึงเกิดสีสันต่างๆ มากมาย เป็นที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับกันมาก
ขยายพันธุ์ง่าย ดูแลง่าย ดอกก็หอมมาก

2.2.2 บัวสาย (บานกลางคืน) บัวที่ชาวบ้านนิยมเก็บสายบัวมาประกอบอาหาร บานตอนใกล้ค่ำและหุบตอนเช้า
บางชนิดไม่หอม บางชนิดหอมอ่อนๆ บัวชนิดนี้มีก้านใบและก้านดอกยาวสามารถขึ้นอยู่ได้ในระดับน้ำลึกๆ ได้
พบเห็นได้ทั่วไปตามหนองบึงและในแหล่งน้ำธรรมชาติตามชนบท แตกกอง่ายและมีหัวอยู่ใต้ดิน
ในฤดูแล้งที่น้ำแล้งก็โทรมไปแต่หัวยังฝังอยู่ในดิน เมื่อฤดูฝนมีน้ำมาก็จะแตกใบขึ้นมาใหม่เต็มหนองบึง
ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาจนเกิดสีสันและพันธุ์ใหม่ขึ้นมาอีกหลายชนิด และยังจะมีพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ
เศวตอุบล หรือ โกมุท ชมพูซีลอน ปริมลาภ มิชซิสจีซีฮิทธ์คอด ธัญกาฬ สัตตบรรณ หรือ บัวแดง

2.2.3 จงกลนี บัวพันธุ์ใหม่ที่พบในธรรมชาติ คาดว่าเกิดจากการแปลงพันธุ์ในธรรมชาติ
ใบเหมือนบัวตระกูลบัวผัน บัวเผื่อน แต่ดอกซ้อนเหมือนบัวฝรั่ง
มีเหง้าใต้ดิน เหง้าเจริญในแนวดิ่ง ต้นอ่อนจะเกิดจากเหง้าใต้ดินเจริญเติบโตขึ้นมาจากโคนต้นแม่
ใบลอยลอยแตะผิวน้ำ ดอกลอยแตะผิวน้ำเล็กน้อย ก้อนใบก้านดอกยาวและอ่อนควรปลูกในที่ระดับน้ำลึก
ดอกบานแล้วบานเลยจะไม่หุบจนกว่าจะโรยไป ประมาณ 3 วัน
จงกลนีเป็นบัวที่มีกลีบดอกเยอะ แต่สีสันยังไม่สวยและที่กลีบดอกมีสีเขียวดูเปรอะ กลีบดอกเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ

3. บัวกระด้ง หรือ บัววิคตอเรีย  ( Royal water-lily, Victoria )
บัวใบใหญยักษ์ ขอบใบยกตัวขึ้นคล้ายกระด้ง ลอยบนผิวน้ำ ใบ ก้านใบ ก้านดอกมีหนามแหลมอยู่ทั่ว
ดอกสีขาว และ สีชมพู ดอกมีกลิ่นหอมแรง บานตอนกลางคืนและหุบในตอนเช้า
เป็นบัวที่ต้องใช้พื้นที่ปลูกมาก และมีปัญหากอบัวหลุดลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ หากระดับน้ำที่ปลูกมีการเปลี่ยนขึ้นอย่างกระทันหัน


บันทึกการเข้า

"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.453 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 16 เมษายน 2567 04:41:16