[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 เมษายน 2567 11:00:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: งามวิจิตรตรึงใจ ในพุทธศิลป์ถิ่น“แม่ฮ่องสอน”  (อ่าน 2240 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 5.0.375.70 Chrome 5.0.375.70


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 24 มิถุนายน 2553 22:24:05 »

[ รูปหายนะครับ เนื่องจาก url รูปที่อ.มดโพสท์ไว้ หายไปแล้ว ไว้มีเวลาจะแก้ให้ครับ ]

[ โพสท์โดย อ.มด บอร์ดเก่า ]






พระธาตุดอยกองมู สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองแม่ฮ่องสอน


แม้“แม่ฮ่องสอน”จะถูกภาคการปกครองและภาคการท่องเที่ยวกำหนดให้เป็น 1 ในกลุ่ม จังหวัดล้านนา แต่ถ้าหากมาพิจารณาถึงอัตลักษณ์ของเมืองนี้จะพบว่า เมืองสามหมอกแม่ฮ่องสอนมีความแตกต่างจากเมืองล้านนาอื่นๆตรงวิถีแห่งความเป็น“ไทยใหญ่”หรือ“ไต”อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ สมดังจังหวัดที่มีผู้คน(เชื้อสาย)ไทยใหญ่อาศัยอยู่มากที่สุดในเมืองไทย
 
นั่นจึงทำให้แม่ฮ่องสอนอวลไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งไทยใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมิตรจิตใจอันดีงาม วิถีที่ยังแนบแน่นในพระพุทธศาสนา วัฒนธรรมประเพณีอันมีรูปแบบเฉพาะตัว อาหารการกิน รวมไปถึงงานศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ที่ปรากฏในงานพุทธศิลป์ต่างๆมากมาย
 


 ทะเลหมอกยามเช้า ในมุมมองบนพระธาตุดอยกองมู



ด้วยเหตุนี้เมื่อ“ตะลอนเที่ยว”ได้มีโอกาสขึ้นแอ่วแม่ฮ่องสอนครั้งล่าสุดเมื่อลมหนาวมาเยือน เราจึงถือโอกาสตระเวนเข้าวัดวาในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ไปไหว้พระ ทำบุญ พร้อมไม่ลืมที่จะชื่นชมงานพุทธศิลป์แบบไทยใหญ่อันเป็นเอกอุของเมืองสามหมอกแห่งนี้
 
สำหรับวัดแรกที่ไป คือ“วัดพระธาตุดอยกองมู”ที่ตั้งเด่นตระหง่านง้ำบนดอยกองมู(กองมูแปลว่าพระธาตุหรือเจดีย์) วัดแห่งนี้เดิมชื่อวัดปลายดอย มีงานพุทธศิลป์โดยรวมเป็นแบบไทยใหญ่ เป็นสถานที่ประดิษฐาน“พระธาตุดอยกองมู”พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่ว่ากันว่าใครไปแอ่วเมืองสามหมอกแล้วไม่ได้ขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยกองมูถือว่ายังไปไม่ถึง
 
พระธาตุดอยกองมู เป็นพระธาตุคู่สีขาวเด่นเคร่งขรึมขลัง พระธาตุองค์ใหญ่(องค์แรก)สร้างในปี พ.ศ.2403 โดยจองต่องสู่ ใช้เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระที่นำมาจากพม่า พระธาตุองค์เล็ก(องค์หลัง)สร้างในปี พ.ศ. 2417 โดยพระยาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก ตรงมุมทั้งสี่ของฐานพระธาตุประดับด้วยประติมากรรมรูปสิงห์ปูนปั้น ส่วนที่ฐานประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิดในต่างๆ แต่ละวันจะมีคนขึ้นมาไหว้องค์พระธาตุและพระพุทธรูปประจำวันเกิดไม่ได้ขาด
 



วัดก้ำก่อ



นอกจากความเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองแล้ว บนวัดพระธาตุดอยกองมูยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี ที่เมื่อมองลงไปจะเห็นตัวเมืองแม่ฮ่องสอนตั้งอยู่อย่างสงบงามท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อม ฝั่งหนึ่งมองเห็นหนองจองคำ-วัดจองคำ-วัดจองกลาง อีกฝั่งหนึ่งมองเห็นสนามบินที่หากใครไปถูกจังหวะเวลาก็เห็นเครื่องบิน บินขึ้น-ลง เป็นของแถมชั้นเลิศ
 
ส่วนช่วงหน้าหนาวถ้าใครขึ้นวัดนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ มีโอกาสกว่า 80 % ที่จะเห็นทะเลหมอกอันสวยงามลอยอ้อยอิ่งปกคลุมตัวเมืองและขุนเขาที่เห็นยอดแพลมอยู่ไกลๆ ดูประหนึ่งราวกับว่าวัดพระธาตุกองมูตั้งอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าที่มีเมฆลอยพลิ้วลิ่วละเรี่ย สมดังคำขึ้นต้นคำขวัญจังหวัดว่า“กองมูสูงเสียดฟ้า”อันลือลั่น
 
ลงจากพระธาตุดอยกองมู “ตะลอนเที่ยว”แวะบริเวณเชิงดอย(ทางขึ้นพระธาตุ) เพื่อไหว้พระติดกัน 3 วัดรวดที่อยู่ในละแวกเดียวกัน
 
วัดแรกคือ “วัดก้ำก่อ” (ก้ำก่อภาษาไทยใหญ่แปลว่า "ดอกบุนนาค")หนึ่งในวัดเก่าแก่คู่เมืองสามหมอก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2433 ด้านหน้าวัดโดดเด่นด้วยสิงห์คู่ศิลปะไทยใหญ่ 2 ตัวยืนขนาบซ้ายขวา ถัดไปฟากถนนเป็นเจดีย์สมส่วนขนาดย่อม ส่วนอีกฟากหนึ่งเป็นทางเดินหลังคาคลุม มีซุ้มประตูหลังคาซ้อนชั้นตกแต่งลวดลายฉลุสังกะสีอย่างวิจิตรบรรจง ทางเดินสายนี้นำเข้าสู่ศาลาอันขรึมขลัง ข้างในมีพระพุทธรูปศิลปะไทยใหญ่-พม่า อันสวยงามให้สักการะบูชา
 
ด้านข้างทางเดินเป็นศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ มีภาพแกะสลักไม้ลงสีสวยงาม เรื่องราวส่วนใหญ่เกี่ยวกับพุทธประวัติที่ทางวัดบอกว่าได้มาจากร้านขายของเก่า หางดง เชียงใหม่
 



พระนอนวัดพระนอน




ตรงข้ามกับวัดก้ำก่อเป็น“วัดพระนอน” จุดหมายลำดับต่อไป วัดแห่งนี้ประดิษฐานพระนอนยาว 12 เมตร สร้างด้วยศิลปะไทยใหญ่ มีพุทธลักษณะงดงามมาก พระพักตร์หวาน ดูอิ่มบุญ จีวรพลิ้วดูสบายตา ตามประวัติเล่าว่าสร้างโดยพระนาง เมี๊ยะ ภริยาของพระยาสิงหนาทราชา
 
ข้างๆองค์พระนอน(ฝั่งพระพักตร์)มีพระพุทธรูปศิลปะไทยใหญ่ จีวรประดับกระจกสวยงามประดิษฐานอยู่ เขยิบถัดไปอีกหน่อยเป็นพิพิธภัณฑ์ของทางวัด ข้างในมีโบราณวัตถุน่าสนใจอยู่หลากหลาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปไทยใหญ่ พม่า และพระพุทธรูปบัวเข็มที่พบมากตามวัดในแม่ฮ่องสอน เพราะชาวไทยใหญ่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก
 



เจดีย์วัดม่วยต่อ

จากวัดพระนอนเราไปแวะ“วัดม่วยต่อ” เพื่อไหว้พระ และชมเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญสีขาวเด่น บนเนินด้านหลังวัด อันเป็นจุดชวนชมสำคัญของวัด
 
ออกจากวัดม่วยต่อ “ตะลอนเที่ยว”เดินทางไปยังหนองจองคำ เพื่อเที่ยวชมวัดจองกลางและวัดจองคำ 2 วัดที่อยู่ติดกันแบบไม่มีกำแพงขวางกั้น จนหลายๆคนยกให้เป็นดังวัดคู่แฝดแห่งเมืองแม่ฮ่องสอน
 



วัดจองกลางกับเจดีย์อันโดดเด่นเป็นสง่า



สำหรับวัดจองกลางนั้น มีจุดเด่นอันเป็นความต่างจากวัดจองคำคือ มีเจดีย์องค์ใหญ่ฐานสีขาว ยอดสีทอง อันสวยงามสมส่วนตั้งอยู่ทางส่วนหน้าของวัด เจดีย์องค์นี้ตามประวัติของวัดระบุว่า เริ่มสร้างเมื่อพ.ศ.2456 แล้วเสร็จใน พ.ศ.2458 จากศรัทธาของขุนเพียร (พ่อเลี้ยงจองนุ) พิรุญกิจและแม่จองเฮือนคหบดี โดยช่างชาวไทยใหญ่ เป็นรูปทรงจุฬามณี มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมมีมุข 4 ด้าน มีสิงห์ด้านละ 1 ตัว ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่มานมัสการ
 
นอกจากองเจดีย์อันโดดเด่นแล้ว ในวิหารวัดจองกลางยังมีพระพุทธสิหิงค์จำลองให้ผู้คนได้สักการะบูชา ส่วนด้านข้างทางวัดจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงศิลปวัตถุอันหลากหลาย ที่เด่นๆก็มี บุษบก พระไม้ ไม้แกะสลักเป็นเทวทูตทั้ง 4 (เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย) ตุ๊กตาแกะสลักต่างๆ ภาพวาดบนแผ่นกระจก และข้าวของเก่าแก่อีกหลายชิ้น
 



วัดจองกลาง-จองคำ ในมุมมองผ่านหนองจองคำ



ออกจากวัดจองกลางเดินไปอีกนิดก็จะเป็น“วัดจองคำ”ที่มีข้อมูลระบุว่าชื่อวัดมาจากการที่เสาวัดประดับไปด้วยทองคำเปลว
 
วัดจองคำ สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2370 เป็นวัดแห่งแรกในเมืองแม่ฮ่องสอน มีความโดดเด่นตรงหลังคาวัดเป็นรูปปราสาทซ้อน 9 ชั้น พร้อมองค์ประกอบเป็นงานฉลุสังกะสีประดับประดาอย่างสวยงาม ตามความเชื่อที่ว่าปราสาทเป็นของสูง ผู้ประทับในปราสาทจึงควรจะเป็นพระมหากษัตริย์หรือตัวแทนพระศาสนาเท่านั้น
 



หลวงพ่อโต วัดจองคำ



วัดแห่งนี้มีสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ“หลวงพ่อโต”พระพุทธรูปองค์โต สร้างเมื่อ พ.ศ.2477 มีพุทธลักษณะงดงาม พระพักตร์หวานอมยิ้มเล็กน้อย ขนาดหน้าตักกว้าง 4.85 เมตร ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อโต ซึ่งมีลักษณะแปลกไปจากวิหารพระทั่วไปในแม่ฮ่องสอน เพราะมีตัวอาคารเป็นศิลปะตะวันตก
 
หลังไหว้หลวงพ่อโตองค์งามแล้ว เราไปต่ออารมณ์ไหว้พระงามกัน ณ วัดสุดท้ายของทริป ที่ “วัดหัวเวียง” (วัดกลางเวียง,วัดกลางเมือง) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใกล้ๆกับตลาดเช้า
 




งานประดับสังกะสีฉลุที่วัดจองคำ

วัดแห่งนี้ สร้างใน พ.ศ. 2406 เมื่อเข้าไปแล้วภาพของความงดงามในงานศิลปกรรมไทยใหญ่ก็พุ่งจับหมับเข้าดวงใจทันที ทั้งเจดีย์สีขาวยอดสีทองอันสมส่วน วิหารใหญ่หลังคาซ้อนหลายชั้น ในนั้นมีพระพุทธรูปหลายองค์ด้วยกัน มีทั้งงานฝีมือช่างพื้นบ้านและงานฝีมือช่างชั้นครูที่สร้างพระพุทธรูปได้อย่างปราณีตขรึมขลัง
 




พระเจ้าพาราละแข่ง สุดยอดพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบพม่า



ส่วนสิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์ของวัดหัวเวียง ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนมาเที่ยวชมก็คือ “พระเจ้าพาราละแข่ง”พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสามหมอก ที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารพระเจ้าพาราละแข่ง ซึ่งมีการบูรณะซ่อมแซมไปในปี พ.ศ. 2536 มีลักษณะเป็นงานศิลปกรรมรูปทรงออกแนวไทยใหญ่ประยุกต์ หลังคามุงกระเบื้องไม้ซ้อนชั้นไล่ขนาดกันขึ้นไป
 
สำหรับองค์“พระเจ้าพาราละแข่ง”นั้น ปัจจุบันทางวัดสร้างประตูเหล็กกั้นรอบองค์พระอีกที ตามประวัติเล่าว่า จำลองมาจาก“พระมหามุนี” เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า โดยลุงจองโพหย่า เดินทางไปนิมนต์มา แล้วสร้างเป็นท่อนๆ รวม 9 ท่อน ล่องแม่น้ำมา ก่อนนำมาประดิษฐานที่วัดหัวเวียง
 
พระเจ้าพาราละแข่ง เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบพม่าที่ได้รับการยกย่องว่ามีพุทธลักษณะงดงามมากที่สุดในเมืองไทย พระวรกายเพรียวงาม พระพักตร์อิ่มเอิบ ส่วนเครื่องทรงองค์ประกอบอื่นๆช่างสมัยโบราณก็สร้างอย่างสุดวิจิตรบรรจง
 
นับเป็นความงามในพลังแห่งศรัทธาปิดท้ายทริปไหว้พระในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ที่จะว่าไปบรรยากาศในตัวเมืองให้อารมณ์ทางการท่องเที่ยวค่อนข้างแตกต่างไปจากเมืองปายโดยสิ้นเชิง ยังไงๆเราก็ขอให้ชาวแม่ฮ่องสอนเก็บวิถีอันงดงามแบบนี้ให้อยู่คู่เมืองสามหมอกไปอีกตราบนานเท่านาน
 
*****************************************
สอบถามข้อมูล เส้นทางเที่ยววัดในตัวเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในแม่ฮ่องสอนเพิ่มเติมได้ที่ ททท.แม่ฮ่องสอน โทร. 0-5361-2982-3


http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000132450








Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: งาม วิจิตร ตรึงใจ พุทธศิลป์ แม่ฮ่องสอน  
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ครูบาผาผ่า ปัญญาวโร วัดผาผ่า อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 1678 กระทู้ล่าสุด 13 ธันวาคม 2560 12:13:24
โดย ใบบุญ
ครูบาผาผ่า ปัญญาวโร วัดผาผ่า อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 684 กระทู้ล่าสุด 02 มกราคม 2563 15:37:09
โดย ใบบุญ
แม่สะเรียงในอ้อมกอดธรรมชาติแห่งขุนเขา อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 1 1264 กระทู้ล่าสุด 13 กุมภาพันธ์ 2564 18:31:49
โดย Kimleng
วิธีต้มข้าวโพดดอย หรือข้าวสาลี แห่งเมืองสามหมอก จ.แม่ฮ่องสอน
เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
Kimleng 0 1234 กระทู้ล่าสุด 21 สิงหาคม 2564 17:39:11
โดย Kimleng
พระธาตุเจดีย์พุทธมิ่งมงคลศากยมุนีศรีสองเมือง (แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่)
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 0 680 กระทู้ล่าสุด 19 กันยายน 2564 16:14:17
โดย Kimleng
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.534 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 24 มีนาคม 2567 06:53:18