[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 เมษายน 2567 16:41:16 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ป่าช้าวัดดอน-สุดท้ายต้องไป "สุสาน"  (อ่าน 6325 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 5.0.375.70 Chrome 5.0.375.70


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 24 มิถุนายน 2553 23:00:07 »

[ โดย อ.มด บอร์ดเก่า ]






ป่าช้าวัดดอนวันนี้กลายเป็นสวนสวย ขึ้นชื่อว่า "ผี" แม้บางคนจะไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัส แต่พูดถึงทีไรก็เป็นต้องขนหัวลุก ไม่ขอพบขอเจอหรือญาติดีกับผีไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม ฉันเองแม้รู้ว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องกลายเป็นผีในสักวันหนึ่ง แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่อยากจะทำความคุ้นเคยกับผีสักเท่าไร
 
แต่ในเมื่ออีกไม่กี่วันนี้จะเป็นวันฮัลโลวีน (31 ตุลาคม) หรือวันปล่อยผีของพวกฝรั่งเขา ก็เลยต้องเข้ากระแส ขอพาไปชมสถานที่อยู่ของผี ที่ "สุสาน" กัน
 


หลุมศพนับหมื่นในป่าช้าวัดดอน สุสานหรือป่าช้าที่ใครๆก็ยกนิ้วให้ในเรื่องของความเฮี้ยนนั้น ก็ต้องนึกถึง "ป่าช้าวัดดอน" สุสานขนาดใหญ่ มีพื้นที่มากกว่า 150 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตสาทร บริเวณซอยเจริญกรุง 57 เชื่อมต่อจนถึงเซ็นต์หลุยส์ ซอย 3ที่มีเรื่องผีหลอกวิญญาณหลอนมาเล่าให้ได้ยินอยู่หลายเรื่องด้วยกัน อย่างเรื่องที่มักมีคนเล่าว่าหากใครขับรถผ่านเข้ามาบริเวณนี้ก็มักจะมีคนเห็นว่า เข้ามาคนเดียว แต่ขากลับออกไปสองคน หรือมากกว่าสองคน แล้วแต่ละคนก็สภาพกะรุ่งกะริ่งไม่ค่อยจะสมบูรณ์เท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อก่อนเวลาใครโบกแท็กซี่ให้เข้ามาส่งแถวๆ นี้โชเฟอร์ก็มักจะส่ายหัวกันเป็นแถวๆ
 
สาเหตุของความเฮี้ยนก็เพราะว่าป่าช้าวัดดอนนั้นเป็นสุสานแห่งนี้อยู่ในความดูแลของ 3 องค์กร คือ สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย มูลนิธิปอเต็กตึ้ง และสมาคมไหหลำด่านเกเต้ มีศพถูกฝังอยู่บริเวณนี้มากกว่าหมื่นศพ ทั้งศพที่ฝังในลักษณะของฮวงซุ้ย ศพที่บรรจุเฉพาะอัฐิ รวมไปถึงศพที่ไม่มีญาติบรรจุรวมกันไว้
 


ผู้คนวิ่งออกกำลังกายข้างหลุมศพ แต่ส่วนที่ว่าเฮี้ยนนักเฮี้ยนหนาก็คือในส่วนของมูลนิธิปอเต็กตึ้งที่มีพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ นั้น ถูกเช่าเป็นที่ฝังศพไม่มีญาติ ศพที่ตายเพราะอุบัติเหตุ หรือโรคร้ายแรงต่างๆ สรุปก็คือศพเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นการตายที่ไม่ปกติ ความเฮี้ยนที่ร่ำลือกันจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก
 
พื้นที่อันกว้างใหญ่ของป่าช้าวัดดอนนั้น แต่ก่อนนี้มีรั้วรอบขอบชิดไม่เปิดให้ใครได้เข้าไป แต่จะเข้าได้ก็เฉพาะช่วงเทศกาลเชงเม้ง หรือวันที่ชาวจีนจะไปไหว้บรรพบุรุษกัน ทำให้ในช่วงเวลาอื่นๆนั้นป่าช้าวัดดอนจะเงียบสงบ มีบรรยากาศวังเวงสมเป็นป่าช้าโดยแท้
 


รูปปั้นเทพของชาวจีนในสุสานแต้จิ๋ว แต่มาปัจจุบันนี้เรื่องราวความเฮี้ยนเริ่มลดน้อยลงไป อย่างหนึ่งเพราะมีการล้างป่าช้าทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณเหล่านั้นไปหลายครั้ง และอีกอย่างหนึ่งคือการขยายของเมืองเริ่มมากขึ้น บริเวณใกล้เคียงกับป่าช้ามีทางด่วนตัดผ่านและเป็นจุดขึ้นลงทางด่วนเชื่อมต่อกับถนนสาทร ถนนจันทน์ จึงต้องมีการปรับปรุงสภาพป่าช้าบริเวณโดยรอบ จนเป็นที่มาของโครงการ "สวนสวยในป่าช้า" หรือ "สวนสวยสมาคมแต้จิ๋ว" โดยได้มีการปรับปรุงป่าช้าวัดดอนบางส่วนเพื่อใช้เป็นสวนสาธารณะให้คนได้เข้าไปออกกำลังกาย ผนวกกับปัจจุบันนี้ไม่มีการนำศพเข้ามาฝังในป่าช้าวัดดอนอีกแล้ว ทำให้บรรยากาศความเงียบสงัดที่ชวนให้ขนหัวลุกก็ลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน
 
แม้ป่าช้าวัดดอนบางส่วนจะกลายเป็นสวนสาธารณะไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ทิ้งบรรยากาศของป่าช้าเดิม ซึ่งก็ทำให้ที่นี่ถือเป็นสวนสาธารณะที่แปลกไม่ซ้ำใคร เพราะขณะที่คนมาวิ่งหรือเดินออกกำลัง ก็จะได้ชมทิวทัศน์ข้างทางเป็นฮวงซุ้ยที่ตั้งอยู่เรียงราย ออกกำลังไปก็จะได้ปลงเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตายไปพร้อมกันได้เลย
 


ภายในสุสานโปรเตสแตนท์ นอกจากนั้นแล้วที่นี่ก็ยังมีลานกีฬา มีมุมให้อ่านหนังสือ มีพื้นที่สงบให้คนมานั่งพักผ่อนอ่านหนังสือ และส่วนของสนามเด็กเล่น ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ อีกทั้งยังมีศาลเจ้าเก่า และด้านหน้าศาลเจ้าเก่าก็มีรูปปั้นเทพของชาวจีนสีทองขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางบ่อน้ำอย่างสวยงาม ลบภาพความน่าสะพรึงกลัวของป่าช้าไปเกือบหมดสิ้น
 
ไม่ไกลจากป่าช้าวัดดอนเท่าไรนัก บริเวณนี้ก็ยังมีสุสานอีกแห่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคย เพราะไม่ได้เปิดให้คนเข้าออกเป็นพื้นที่สาธารณะ แต่ที่นี่เป็นสุสานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก นั่นก็คือ "สุสานโปรเตสแตนท์" ที่ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับวัดราชสิงขรนั่นเอง
 


หลุมศพหลากหลายสไตล์ในสุสานโปรเตสแตนท์ สุสานแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยในช่วงเวลานั้นได้มีชาวต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งบางคนได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยจนถึงบั้นปลายของชีวิต จึงจำเป็นต้องมีสุสานสำหรับฝังศพตามขนบธรรมเนียมประเพณี แต่ในขณะนั้นยังไม่มีสถานที่ที่จะใช้เป็นสุสาน ฝรั่งชาวโปรเตสแตนท์จึงต้องมีความยุ่งยากไม่น้อย โดยในหนังสือพิมพ์เก่าชื่อ "วชิรญาณวิเศษ" ได้กล่าวถึงประวัติของสุสานแห่งนี้ไว้ว่า
 
"เดิมเมื่อฝรั่งนิกายโปรเตสแตนท์ถึงแก่กรรมลงต้องได้รับความลำบากมาก ด้วยไม่มีที่ฝังศพเช่นฝ่ายโรมันคาทอลิก เมื่อจะฝังต้องไปอาศัยฝังที่บ้านจีนที่เป็นคนชอบกันบ้าง ดูน่าสังเวชนัก ภายหลังท่านบัตเตอเวิด ผู้สำเร็จราชการเมืองสิงคโปร์ ปีนัง ซึ่งคุ้นเคยกับรัชกาลที่ 4 มาแต่ก่อน จึงมีหนังสือขอพระราชทานที่มา และที่สุดก็ทรงยินดีอุดหนุนกิจ ได้ทรงซื้อที่พระราชทานให้ตามขอ เป็นจำนวนถึง 10 ชั่ง ทำให้ชาวโปรเตสแตนท์รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นยิ่งนัก"
 


หินเหนือหลุมศพในสุสานโปรเตสแตนท์เป็นรูปเทวดาน้อยๆ ภายในสุสานนี้ได้เป็นสถานที่ฝังร่างไร้ชีวิตของฝรั่งหลายเชื้อชาติที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ ซึ่งก็เป็นทั้งพ่อค้า มิชชันนารี และผู้ที่เข้ามารับราชการในประเทศไทย ซึ่งหลายท่านเป็นผู้ที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหมอบรัดเลย์ ชาวอเมริกันผู้บุกเบิกการแพทย์สมัยใหม่และการพิมพ์ ผู้ออกหนังสือพิมพ์ฉบับแรกของเมืองไทย คือบางกอกรีคอร์ดเดอร์ เมื่อ พ.ศ.2387
 
และยังเป็นสถานที่ฝังนายเฮนรี่ อลาบาสเตอร์ ชาวอังกฤษ ต้นสกุลเศวตศิลา ผู้เป็นที่ปรึกษาของรัชกาลที่ 5 เป็นผู้วางแนวถนนเจริญกรุง ผู้ตกแต่งจัดสวนสราญรมย์ ผู้ริเริ่มงานไปรษณีย์ไทย เป็นผู้สอนวิชาแผนที่ และเป็นผู้จัดการพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของไทยที่หอคองคอเดียอีกด้วย นอกจากนั้นก็ยังเป็นที่ฝังกัปตันจอห์น บุช กัปตันเรือชาวอังกฤษผู้วางรากฐานงานเจ้าท่าในสมัยรัชกาลที่ 5 ให้มีมาตรฐานสากล จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาวิสูตรสาครดิษฐ์ มีสุสานของตระกูลแมคฟาร์แลนด์ ผู้ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดไทย และเป็นอาจารย์แพทย์รุ่นแรกๆ
 



หินเหนือหลุมศพแกะเป็นรูปนางฟ้า มีสุสานของจอห์น เทเลอร์ โจนส์ ชาวอเมริกันผู้ทำพจนานุกรมแปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษรุ่นแรกๆ ใน พ.ศ.2389 ต้นฉบับยังอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติ แต่ยังไม่เคยตีพิมพ์ และเป็นสถานที่ฝังร่างของนายแฮมิลตัน คิง อัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 5-6 ผู้เก็บหนังสือพิมพ์บางกอกรีคอร์ดเดอร์ฉบับแรกของไทยที่ออกเมื่อปี พ.ศ.2387-2388 ของหมอบรัดเลย์ไว้ และทายาทของท่านได้นำมามอบไว้ที่สำนักข่าวสารอเมริกัน กรุงเทพฯ
 
ปัจจุบันสุสานโปรเตสแตนท์นี้อยู่ในความดูแลของสถานทูตอังกฤษ บรรยากาศของสุสานฝรั่งนี้ดูน่าสนใจไม่น้อย เพราะหินเหนือหลุมฝังศพในสุสานบางชิ้นเป็นศิลปกรรมตะวันตกแบบบาร็อก ส่วนมากแล้วจะทำเป็นหินรูปไม้กางเขนแบบเรียบๆ แต่บางหลุมศพทำเป็นรูปแกะสลักสวยงาม เป็นรูปนางฟ้าบ้าง หรือเทวดาตัวน้อยๆ ดูหน้าตาเศร้าสร้อย บ้างก็ทำสุสานสวยงามคล้ายปราสาทหลังย่อมๆ
 


หลุมศพของหมอบรัดเลย์ และนี่ก็เป็นสองสุสานในกรุงเทพฯที่มีความน่าสนใจ ส่วนเรื่องจะเฮี้ยนหรือไม่นั้นฉันไม่ขอพิสูจน์ดีกว่า
 
 
 
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000128261





Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 5.0.375.70 Chrome 5.0.375.70


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2553 23:00:26 »

ป่าช้าวัดดอน จาก 'สุสาน' สู่ 'สวนสวย'

 
 
จากเรื่องราวความน่ากลัวที่ถูกกล่าวขานมาเนิ่นนาน บัดนี้ ‘ป่าช้าวัดดอน'กลายเป็นเพียงตำนานที่ต้องเก็บไว้เล่าให้ลูกหลานฟังเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะมองไปบริเวณไหน จะเห็นเพียงความร่มรื่นของไม้ยืนต้นที่แผ่ขยายร่มเงาให้ผู้ไปเยือนได้พักพิง สนามหญ้าเขียวชะอุ่ม ลู่วิ่งและลานออกกำลังกายที่รองรับคนรักสุขภาพตั้งแต่เช้า จรดเย็น และฮวงซุ้ยเดิมที่แฝง อยู่กับลานกิจกรรมเป็นภาพแบคกราวน์ เพิ่มความเงียบสงบยิ่งขึ้น อาจขนานนามได้ว่า ‘สวนสวยในป่าช้า' แห่งนี้ เป็นสุสานเพื่อออกกำลังกายแห่งเดียวในประเทศไทย


 
ย้อนอดีตป่าช้าวัดดอน

 
 
ในอดีต ‘ป่าช้าวัดดอน' เคยเป็นสุสานขนาดใหญ่ มี พื้นที่มากกว่า 150 ไร่ เป็นที่ฝังศพนับหมื่น ป่าช้าแห่งนี้ อยู่ในความดูแลของ 3 องค์กร ได้แก่ สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้งของสวนสวยในป่าช้าแห่งนี้ มูลนิธิปอเต็กตึ้ง และสมาคมไหหลำด่านเกเต้
 
อาณาบริเวณของป่าช้าแห่งนี้ ครอบคลุมตั้งแต่ซอย เจริญกรุง 57 เชื่อมต่อไปจนถึงเซ็นต์หลุยส์ ซอย 3 อยู่ในพื้นที่แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาธร กทม. โดยสุสานใน ส่วนของสมาคมแต้จิ๋วฯ มีพื้นที่ประมาณ 87 ไร่ ตั้งอยู่ บริเวณด้านหลังของสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย และมีรั้วรอบขอบชิด
 
ที่ผ่านมาป่าช้าวัดดอนมีศพที่ฝังในลักษณะฮวงซุ้ย ถึง 7,961 ศพ ศพที่บรรจุเฉพาะอัฐิอีก 1,800 กว่าศพ และศพที่ไม่มีญาติบรรจุรวมกันไว้อีกมากกว่าหมื่นศพ เมื่อก่อนบริเวณนี้ ได้เปิดให้ประชาชนเข้าไปในสุสานได้ เฉพาะในเทศกาลเช็งเม้ง (เทศกาลไหว้บรรพบุรุของชาว จีน)เท่านั้น จึงทำให้พื้นที่ดูรกร้าง แถมยังมีสัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยู่มากมาย ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก
 
และยิ่งนอกรั้วบริเวณสุสานแต้จิ๋ว เคยเป็นสถานที่ ชำรุดทรุดโทรม มีน้ำท่วมขัง และขาดการดูแล ถึงขนาด มีศพไร้ญาตินอนแช่น้ำอย่างน่าเอนจอนาถ อีกทั้งชาวบ้านยังนำเอาขยะ เศษหิน เศษปูน มาทิ้งทับถม เพิ่มความสกปรก วังเวง และน่ากลัวยิ่งขึ้น
 
ส่วนพื้นที่ของมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง มีบริเวณกว่า 30 ไร่ เป็นจุดที่น่ากลัวยิ่งกว่าบริเวณอื่นๆ เพราะเป็นที่สำหรับฝังศพไม่มีญาติ ศพที่ตายด้วยอุบัติเหตุ สามารถฝังได้กว่า 4,000 ศพ และถูกล้างป่าช้า เพื่อนำศพใหม่มา ฝังอยู่ตลอดเวลา ทำให้บริเวณนี้ถูกกล่าวขวัญในเรื่อง ความน่ากลัวมากที่สุด
 
ไม่เพียงแค่ความน่ากลัวจากเรื่องเล่าอาถรรพ์จาก ดวงวิญญาณในสุสานวัดดอนเท่านั้น แต่เพราะความ เงียบ น่ากลัว ที่นำไปสู่ความวิเวก ไร้ผู้คนสัญจร ทำให้บริเวณป่าช้าวัดดอน ขึ้นชื่อเรื่องการปล้นจี้อีกด้วย
 
ปรับโฉมป่าช้าเป็นสวนสาธารณะ
 
ความน่ากลัวถูกเปลี่ยนแปลงสู่ความร่มรื่น เมื่อสำนักงานเขตสาทร จัดยุทธศาสตร์ การทำเมืองน่าอยู่ (Healthy City) การพัฒนาป่าช้าวัดดอนให้เป็นป่าช้าน่าอยู่ จึงเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ ที่จะทำให้เขตสาทรเป็นเมืองน่าอยู่ และลบภาพความน่ากลัวในอดีตไปเสียสิ้น
 
จรูญ มีธนาถาวร ผู้อำนวยการเขตสาธร กล่าวถึง ที่มาของการเปลี่ยนป่าช้าให้เป็นสวนสาธารณะว่า "ทางเขตสาธรมีโครงการสวนสวยในป่าช้า ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2539 โดยทางผู้อำนวยการเขต สาธรในขณะนั้น ได้ไปบุกเบิกนำต้นไม้ไปปลูกในป่าช้า วัดดอน บริเวณที่ในกรรมสิทธิ์ของสมาคมแต้จิ๋ว และทางเขตฯ ก็เข้าไปร่วมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นแหล่งออกกำลังกายแห่งใหม่ในเขตสาธร โดยได้รับการอนุญาตจากทางสมาคมฯ ทำลู่วิ่ง ทำลานกีฬาประเภทA ของกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งปัจจุบันมีชมรมมากมายในสวยสวยแห่งนี้ ตั้งแต่เด็กๆ ไปจนถึง ผู้ใหญ่อายุ 80 ปี และมีผู้มาออกกำลังกายและพักผ่อน ราว 1,000 คนต่อวัน"
 
นอกจากการเกิดโครงการสวนสวยในป่าช้าแล้ว บริเวณใกล้เคียง ได้มีการตัดถนนสายเหนือ-ใต้ ใต้ทาง ด่วนขั้นที่ 1 ส่วน B และระบบทางด่วนในบริเวณนี้ เป็นทางขึ้นลง เชื่อมต่อกับถนนสาธร ถนนจันทน์ ทำให้ พื้นที่รกๆ และน่ากลัว ถูกปรับปรับปรุงให้สวยงามยิ่งขึ้นตามไปด้วย
 
ลักษณะของป่าช้าวัดดอนในปัจจุบัน เป็นสุสานปิด ไม่มีการนำศพมาฝังหรือเผาเพิ่ม ชาวจีนที่เคยนำศพ มาฝังบริเวณนี้ ก็นำศพไปฝังที่จังหวัดสระบุรี หรือชลบุรีแทน ในบริเวณป่าช้าของมูลนิธิปอเต็กตึ้งก็ไม่มีการนำศพมาฝังหรือมาเผา ทิ้งไว้เพียงที่ร้างว่างเปล่า รอการพัฒนาเท่านั้น แม้แต่ที่วัดดอนเองก็ยังไม่มีการเผาศพอีกต่อไป และที่ผ่านมา ทางเขตก็ได้ดำเนิน การล้างป่าช้าไปแล้วถึง 2 ครั้ง ทำให้ความน่ากลัวในบริเวณนี้หมดไปโดยสิ้นเชิง
 
สำหรับสวนสวยในป่าช้าแต้จิ๋ว 100 กว่าไร่ ถูกจัดสรรปันส่วนให้เป็นสถานที่ออกกำลังกาย สถานที่ พักผ่อน และยังคงเป็นที่ตั้งของฮวงซุ้ยเดิมของคนจีน มีมุมของบ้านหนังสือของกรุงเทพฯ ส่วนของลานกีฬา คนเมือง ส่วนของลานนาบุญอันเป็นสวนสงบ เปิดให้ผู้คนมานั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ บริเวณของสวนสนุก เพื่อให้เด็กๆ มาเล่นชิงช้า ม้าโยก ภายใต้บรรยากาศอันร่มรื่น ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม
 
เตรียมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว
 
ผู้อำนวยการเขตฯ กล่าวว่า "ทุกอย่างในสุสานแห่งนี้ เกิดจากความร่วมมือของทางภาครัฐและเอกชน ทางเขตฯ จะดูแลความเรียบร้อย ความสะอาด ซ่อมถนน ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในบริเวณสวน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาออกำลังกาย ในขณะที่ประชาชน ก็ ร่วมกันบริจาคสิ่งของจำเป็น เช่น เสาไฟฟ้า ก็ได้จากการร่วมมือของชาวบ้าน คนนั้นมาบริจาคหนึ่งต้น คนนี้บริจาคอีกหนึ่งต้น และที่สำคัญทางสมาคมแต้จิ๋วก็อนุญาตให้ทางเขตฯ เข้าไปพัฒนา ซึ่งในส่วนของลานกีฬาก็ได้บรรดาชมรมต่างๆ ร่วมกันรักษาความสะอาด บริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ เพื่อบำรุงสวนสวยในป่าช้า"
 
ส่วนผู้ที่เข้ามาออกกำลังกายในสวนสวยแห่งนี้ ทางผู้อำนวยการเขตฯ ยืนยันว่า ไม่มีในลักษณะมั่วสุม หรือ เป็นแหล่งของยาเสพติด "คนที่เข้ามาค่อนข้างมีฐานะ และดูแลกันเอง เราห้ามไม่ให้วัยรุ่นมาเตะฟุตบอล และก่อความวุ่นวาย เนื่องจากยังมีบริเวณฮวงซุ้ยเดิมตั้งอยู่ อาจก่อให้เกิดความเสียหาย" ผู้อำนวยการเขตฯ กล่าว
 
เนื่องจากในเขตสาธร ยังไม่มีสวนสาธารณะเปิดให้ บริการแก่ประชาชน ที่มีอยู่ก็เป็นเพียงบรรดาฟิตเนสของ เอกชนเท่านั้น สวนสาธารณะในสุสานแห่งนี้ จึงเปรียบเสมือนปอดของคนกรุงอีกแห่งหนึ่ง ที่เปิดบริการให้คนทั่วกรุงเทพฯ มาพักผ่อนและออกกำลังกายฟรี!!!
 
สำหรับอนาคต ทางเขตสาธร หมายมั่นปั้นมือว่า จะพัฒนาสุสานแห่งนี้ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของประเทศ เช่นเดียวกับสุสานทหารสัมพันธมิตร ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งแทนที่ประชาชนจะมาออกกำลังกายอย่างเดียว ก็สามารถมาท่องเที่ยวและสร้างรายได้ ให้ชุมชนได้อีกหนึ่งทาง
 
หลากกิจกรรมในสุสาน
 
เมื่อตำนานความน่ากลัวถูกทำให้จางหาย บริเวณป่าช้าแต้จิ๋ว จึงกลายเป็นสวนสาธารณะ ที่ชาวสาธรได้ใช้ เป็นสถานที่ออกกำลังกาย และยังได้ตั้งชมรมต่างๆ กว่า 30 ชมรม เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิ ชมรมเพาะกาย ชมรมแบดมินตัน ชมรมหมากรุก ชมรมเทควันโด้ ชมรมแอโรบิก โดยมีสมาคมนักวิ่งแต้จิ๋วเป็นชมรมหลัก
 
สำหรับจุดเด่นของสวนสาธารณะแห่งนี้ เพียงขับรถ ผ่านประตูเข้าไป ก็จะเจอฮวงซุ้ยนับร้อย ตั้งเรียงราย รอต้อนรับผู้มาเยือน แต่เมื่อผ่านเข้าไปได้ไม่ไกลนัก เป็นบริเวณของลานคนเมือง ชมรมนักวิ่ง ของสมาคม แต้จิ๋ว ซึ่งมีนักกล้ามทั้งหลาย ออกกำลังกาย ฟิตกล้าม กันอย่างแข็งขัน
 
"เฮียยักษ์" เทรนเนอร์ของ ชมรมเพาะกาย ผู้บุกเบิกสุสาน แห่งนี้ ให้กลายเป็นยิมสำหรับนักเพาะกายคนแรกๆ กล่าวว่า "ผมมาเล่นที่นี่เกือบ 10 ปี แล้ว ตอนแรกที่นี่ก็น่ากลัว เพราะพื้นที่ดูรกร้าง มีสุสานที่ถูกพงหญ้าปกคลุม เมื่อพวกเราช่วยกัน
พัฒนา มีไฟ มีน้ำ ก็ดีขึ้น ตอนนี้ชินแล้ว และความรู้สึกก็กลาย เป็นความสงบ คนที่มาเล่นใหม่ๆอาจจะกลัวๆกันบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ ตี 5 ผู้คนก็มาวิ่งกันแล้ว ตอนกลางคืนก็มีแสงไฟ ดูไม่น่ากลัวเลย"
 
โดยปกติแล้วในส่วนของเพาะกายนี้ จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เนื่องจากเปิดให้บริการฟรี แถมยังมีเทรนเนอร์ คอยแนะนำอย่างใกล้ชิด ผู้ที่เข้า มาเล่นก็มีความเป็นกันเอง จนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
 
นอกจากลานเพาะกายตรงนี้แล้ว ยังมีลานโล่ง ซึ่งเป็นส่วนของสนามแบดมินตัน ที่เปิดโอกาสให้ชมรมแบดมินตัน ทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่ มาตีแบดกลางแจ้ง กันอย่างสนุกสนาน และแม้จะมีลมพัดโชย แต่ทางชมรมก็ไม่ได้คิดจะสร้างอาคารขึ้นมา เนื่องจากเป็นการทำลายบรรยากาศและทิวทัศน์ ในสุสานแห่งนี้
 
สำหรับกิจกรรมของชมรมแบดมินตันนั้น จะเริ่มตั้งแต่เช้า โดยให้เหล่าสมาชิกเข้ามาวิ่งรอบสวน จากนั้นก็ตีแบดกันตอน 8 โมงเช้า ทานข้าวเช้าร่วมกัน และมีการสังสรรค์์ถึงขนาดตั้งวงกันร้องเพลงคาราโอเกะติดกับฮวงซุ้ยที่ตั้งเรียงรายกันเลยทีเดียว กิจกรรมของชมรมแบดมินตันมีไปจนถึงเที่ยงวัน และต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
 
ชาญศักดิ์ โสภณทวีทรัพย์ หนึ่งในสมาชิกชมรมแบดมินตันเล่าถึงความเป็นมาของชมรมว่า เราตั้งชมรม กันมา 3-4 ปีแล้ว เพราะเมื่อก่อนป่าช้าแห่งนี้มีแต่ลู่วิ่ง และยังดูเวิ้งว้าง จนมีคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงได้รวมกลุ่ม กัน และรู้จักกัน จนต่างคิดว่าที่นี่เป็นบ้านหลังหนึ่ง "ผมไม่รู้สึกกลัว เพราะผมไม่ได้มาทำอะไรไม่ดี และไม่ได้ ลบหลู่ แต่เมื่อสมัยเป็นเด็กๆ ยอมรับว่ากลัว เมื่อผู้ใหญ่ พูดถึงป่าช้าวัดดอน แต่ตอนนี้เด็กๆ น่าจะกลัวคนมาก กว่านะ" ชาญศักดิ์บรรยายความรู้สึก
 
สำหรับความคิดเห็นของเหล่าผู้รักสุขภาพ ที่เลือกมาออกกำลังกายในบรรยากาศสุสานนั้น มีเพียงว่า ที่นี่ใกล้บ้าน และบริการฟรี อีกทั้งความแตกต่างที่ชัดเจนคือ ได้ความเยือกเย็น สงบ มีต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น และการได้รู้จักกันแบบครอบครัว ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แม้แต่การทำความสะอาด ที่ทางสมาชิกของแต่ละชมรม จะเป็นผู้มีส่วนร่วมในการดูแล ความเรียบร้อยและรักษาความสะอาดกันเอง เพื่อรวบรวมให้ทางเขตฯ มาเก็บไปทิ้ง
 
นอกจากกิจกรรมของประชาชนแล้ว ทางสำนักงานเขตสาธร ยังเลือกไปจัดกิจกรรมประจำปีที่สุสานแห่งนี้ทุกๆ ปี โดยได้มีการจัดโต๊ะจีนสังสรรค์ ซึ่งส่วนใหญ่ ต่างก็ไม่ได้คิดถึงความวังเวง หรือความน่ากลัว ของฮวงซุ้ยที่ตั้งเรียงรายอยู่ เปรียบเสมือนว่า คนเป็นและคนตายสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้
 
ป่าช้าวัดดอนวันนี้ จึงมิได้เนืองแน่นเฉพาะร่างของผู้ที่ไร้วิญญาณเท่านั้น แต่กลับเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินเข้าออกในยามที่ยังมีลมหายใจ เคลื่อนไหวทำกิจกรรม นานาชนิด เพื่อใช้ชีวิตขณะมีลมหายใจให้คุ้มค่าคุ้มประโยชน์มากที่สุด
 
(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 77 เม.ย. 50 โดย จรินทร์ คำชัย)
 
 
 
 
ข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: ป่าช้า วัดดอน สุสาน 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
"ในหลวง" ทรงขอบใจยื่นจดสิทธิบัตร"ยีนความหอมข้าวไทย"
สุขใจ ห้องสมุด
ไอย 0 2723 กระทู้ล่าสุด 30 ธันวาคม 2552 12:07:44
โดย ไอย
Doomsday Clock หรือ "นาฬิกาโลกาวินาศ" ถูกปรับให้เหลืออีก 5 นาที.. สู่วันสิ้นโลก
รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ 1 3435 กระทู้ล่าสุด 17 มกราคม 2553 15:49:01
โดย 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
คำเตือน !! "เซ็กส์เสื่อม" ของแถม จาก "ออฟฟิศซินโดรม" (มนุษย์บ้างานระวังให้ดี)
สุขใจ อนามัย
หมีงงในพงหญ้า 1 3747 กระทู้ล่าสุด 13 เมษายน 2553 07:47:53
โดย PETER
หนังสั้น "ราตรีสวัสดิ์" เรียกน้ำตาอีกแล้ว (Shortfile - "GoodNight")
หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
Sweet Jasmine 0 2739 กระทู้ล่าสุด 29 เมษายน 2553 14:49:08
โดย Sweet Jasmine
จาก"แอตแลนติส" สู่ "อียิปต์" : พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
หมีงงในพงหญ้า 2 9258 กระทู้ล่าสุด 10 มิถุนายน 2553 18:53:51
โดย หมีงงในพงหญ้า
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.719 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 25 กุมภาพันธ์ 2567 08:26:28