วิธีคิดเจ๋งๆ แบบคนอินเดียดช.ปัญญา เป็นเด็กที่เกิดในเมืองแต่ย้ายไปอยู่ในชนบท วันหนึ่งไปซื้อแพะจากชาวนาในราคา 1,000 บาท ซึ่งชาวนายินดีที่จะส่งมอบแพะในวันรุ่งขึ้น
พอวันรุ่งขึ้น ชาวนาก็ไปหา ดช.ปัญญาแล้วบอกว่า "ข่าวร้ายหนูเพราะแพะเพิ่งตายไปเมื่อคืนที่แล้วเอง"
ดช.ปัญญา ก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นคืนเงินให้ผมก็แล้วกัน"
"โอ เสียใจด้วยจริง ๆ แต่ฉันใช้เงินนั่นหมดไปแล้ว" ชาวนาพูดด้วยสีหน้าเศร้า ๆ
"ไม่เป็นไร ถ้างั้นเอาแพะตัวนั้นมาให้ฉัน"
"หนูจะเอาแพะตายไปทำอะไร" ชาวนาถามด้วยความฉงน
"ฉันจะเอาไปจับฉลากขาย"
"จะไปจับฉลากแพะที่ตายได้อย่างไร ใครจะไปซื้อ"
"ได้ซิ คอยดูละกัน"
จากนั้นชาวนาก็มอบแพะที่ตายให้ ดช.ปัญญา ไป
หนึ่งเดือนผ่านไป......ชาวนาพบกับดช.ปัญญาจึงถามว่าตกลงเอาแพะที่ตายไปทำอะไร
"ฉันก็ทำฉลาก 500 ใบ ขายใบละ 10 บาท แล้วบอกว่าใครดวงดีจับฉลากได้ก็ได้แพะไปเลย 1 ตัว"
"ฉันได้เงินมา 5,000 บาท ได้กำไรหลังจากหักที่จ่ายให้ลุงชาวนาไปแล้ว 3,990 บาท"
"แล้วไม่มีคนโวยวายหรือ (เพราะแพะตายแล้ว)" ชาวนาถามด้วยความสงสัย
"ก็มี มีคนเดียวคือคนที่จับฉลากได้ และฉันก็แค่คืนเงินค่าฉลากจำนวน 10 บาทให้คน ๆ นั้นไป"
ในเรื่องบอกว่า ดช.ปัญญาต่อมาเติบโตและเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างมาก......
เรื่องราวแบบนี้เป็นสิ่งที่คนอินเดียสอนกัน........ที่สำคัญก็คือการแก้ไขปัญหาและแก้ไขสถานการณ์ที่เผชิญหน้าหรือคิดคำตอบโจทย์ที่ยาก ๆ ซึ่งคนอินเดียจะเก่งในเรื่องแบบนี้มาก
คนอื่นอาจไม่ได้สังเกต แต่ผมเห็นว่าส่วนหนึ่งได้มีการถ่ายทอดความรู้แบบนี้ผ่านทางการ์ตูนพื้นบ้าน ซึ่งขายในราคาถูกมาก ทำให้เด็กไม่ว่าจะอยู่ในรัฐที่ห่างไกลหรือยากจนก็สามารถเรียนรู้วิธีคิดผ่านสื่อเหล่านี้ได้
เปรียบกับของไทยก็น่าจะได้แก่ศรีธนญชัยที่มีปัญญาและไหวพริบ ฉลาดหลักแหลม....
แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า ความเป็นศรีธนญชัยหายสาบสูญไปจากสังคมไทยนานแล้วและบางครั้งถูกมองว่าเป็นความฉลาดในด้านไม่ดีด้วยซ้ำไป
สมอง ถ้าไม่ได้ใช้ ไม่นานก็ฝ่อ
คนอินเดียจึงเป็นนักคิดนักแก้ปัญหาที่เก่งมาตั้งแต่โบราณกาลและยังสามารถสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้ ด้วยองค์ประกอบทางด้านการศึกษาและภาษา
เป็นความคิดที่ฉลาด
แต่ไม่เหมาะกับสังคมบ้านเราเท่าไร เพราะจะกลายเป็นต้มตุ๋นไปโดนปริยาย
ให้ดูเป็นแนวคิด ศึกษาไหวพริบ แต่ไม่ควรเอาอย่างนะจ๊ะ