[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
18 เมษายน 2567 07:16:43 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระฉัพพรรณรังสีที่แผ่จากพระกายพระพุทธเจ้า ๖ ประการ  (อ่าน 3275 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 2097


【ツ】ต้นไม้แห่งแสง

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Firefox 12.0 Firefox 12.0


หน้ากู
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 11 มิถุนายน 2555 13:04:36 »

พระฉัพพรรณรังสีที่แผ่จากพระกายพระพุทธเจ้า



ฉัพพรรณรังสี คือแสงสว่างที่พวยพุ่งออกจากจุดกลางเป็นรัศมี ๖ ประการ ซึ่งเปล่งออกจากพระสรีรกายของพระพุทธเจ้า คือ

     ๑. นีละ          เขียวเหมือนดอกอัญชัน
     ๒. ปีตะ          เหลืองเหมือนหรดาลทอง
     ๓. โลหิตตะ    ขาวเหมือนแผ่นเงิน
     ๕. มัญเชฏฐะ  สีหงสบาทเหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่
     ๖. ปภัสสระ     เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก

สีทั้ง ๖ นี้ไม่ได้พุ่งออกเป็นสี ๆ ดังที่แยกไว้นี้ แต่แผ่ออกมาพร้อมกันในหนังสือปฐมสมโพธิกถา ฉบับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส กล่าวถึงพระฉัพพรรณรังสีที่แผ่ซ่านออกจากพระกายพระพุทธเจ้า ไว้ดังนี้

"ในลำดับนั้น พระฉัพพรรณรังสีก็โอภาสแผ่ออกจากพระสริรกาย อันว่านิลประภาก็เขียวสดเสมอด้วยสีแห่งดอกอัญชัน มิฉะนั้นดุจพื้นแห่งเมฆแลดอกนิลุบลแลปีกแห่งแมลงภู่ ผุดออกจากอังคาพยพในที่อันเขียวแล่นไปจับเอาราวป่า แลพระรัศมีที่เหลืองนั้นมีครุวนา ดุจสีหรดารทองแลดอกกรรณิการ์แลกาญจนปัฏอันแผ่ไว้ พระรัศมีออกจากพระสริรประเทศในที่อันเหลืองแล้ว แล่นไปสู่ทิศานุทิศต่าง ๆ พระรัศมีที่แดงอย่างพาลทิพากรแลแก้วประพาฬ แลกุมุทปทุมกุสุมชาติ โอภาสออกจากพระสริรอินทรีย์ในที่อันแดงแล้วแล่นฉวัดเฉวียนไปในประเทศที่ทั้งปวง พระรัศมีมีที่ขาวก็ขาวดุจดวงรัชนิกร แลแก้วมณี แลสีสังข์ แลแผ่นเงิน แลดวงดาวพกาพฤกษ์ พุ่งออกจากพระสริรประเทศในที่อันขาวแล้วแล่นไปในทิศโดยรอบ พระรัศมีหงสสิบาทก็พิลาสเล่ห์ดุจสีดอกเซ่ง แลดอกชบา แลดอกหงอนไก่ออกจากรัชกายรุ่งเรืองจำรัส พระรัศมีประภัสสรประภาครุนาดุจสีแก้วพลึกแลแก้วไพฑูริย์เลื่อมประพระฉัพพรรณรังสีทั้ง ๖ ประการแผ่ไพศาลแวดล้อมไปโดยรอบพระสกลกายยินทรีย์ กำหนดที่ ๑๒ ศอก โดยประมาณ อันว่าศศิสุริยประภาแลดาราก็วิกลวิการอันแสง เศร้าสีดุจหิ่งห้อยเหือดสิ้นสูญ มิได้จำรูญไพโรจโชติชัชวาล"

รัศมีเฉกเช่นฉัพพรรณรังสีนี้มีเฉพาะพระพุทธเจ้าและเทวดาเท่านั้น นอกจากนี้ก็เกิดแต่ธรรมชาติเช่นสีรุ้งที่เรียกกันเป็นสามัญว่ารุ้งกินน้ำ หรือ พระจันทร์ พระอาทิตย์ทรงกลด ที่ออกจากเทวดานั้นจะเห็นได้ดังที่พรรณนาไว้ในพระสูตรต่าง ๆ ในเวลาที่เทวดามาเฝ้าพระพุทธเจ้าดังนี้

มีเทวดาตนหนึ่งมีรัศมีสว่างจ้าเข้ามายังพระเชตวัน ทำพระเชตวันให้สว่างไสวไปทั่วบริเวณ เข้าเผ้าพระทุทธเจ้าที่ประทับความสว่างของรัศมีนั้น ไม่เหมือนแสงเดือนแสงตะวัน หรือไม่เหมือนแสงไฟ เป็นแสงสว่างที่เสมอกันทั้งหมด และเป็นแสงสว่างที่ไม่มีเงาเหมือนแสงอื่นเป็นแสงที่แผ่ไปติดอยู่ทั่วบริเวณ

มีข้อความในปฐมสมโพธกถา ปริเฉทที่ ๑๓ ธรรมจักรปริวรรตว่าดังนี้

"ฝ่ายอุปกาชีวเดินมาโดยทุราคมวิถีทางไกล หว่าง คยาประเทศเขตเมืองราชคฤห์กับมหาโพธิญาณ ติดต่อกัน แลเห็นไพสณฑ์สถานอันโอฬารไพโรจน์พรรณราย ด้วยข่ายฉัพพรรณรังสีโสณิวิลาส ปรากฏโดยทิวาทัศนาการทั้งพสุธารแลอากาศโอภาสด้วยพระรัศมีมีพรรณแห่งละ ๖ อย่าง ทั่วทั้งทิศล่างและทิศบน มาสัมผัสกายตนประหลาดมหัศจรรย์ไม่เคยได้พบเห็นเป็นเช่นนี้มาแต่ก่อน ถ้าจะเป็นเพลิง ไฉนกายอาตมาจึงไม่ร้อนกระวนกระวายแม้จะเป็นน้ำ ไฉนกายอาตมาจะไม่ชุ่มชื้นเย็นนี่จะเป็นสิ่งอันใดยิ่งสงสัยสนเท่ห์จิต จึงเพ่งพิศไปข้างโน้นข้างนี้ ก็เห็นองค์พระผู้ทรงสวัสดิ์ภาคย์เสด็จบทจรมา รุ่งเรืองด้วยพระสิดิฉันธมหาหว่างติสสุระ ลักษณะแลพระพยามประภาโอภาสเบื้องบน พระสุริย ก็ช่วงโชติด้วยพระเกตุมาลา ครุนาดุจทองทั้งแท่งประดับด้วยฉัพพรรณรังสี รังสีแสงไพโรจน์จำรัส"


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

เราช่วยกันนำต้นรักที่เพาะได้
   ส่งไปตาม บ้านที่ต้องการ
       อยากจะได้...
   หรืออยากจะเติม
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5433


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 20.0.1132.47 Chrome 20.0.1132.47


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 11 กรกฎาคม 2555 11:29:12 »

.

ฉัพพรรณรังสี

คนทั่วไปเมื่อเพียรพยายามทำสิ่งใดแล้ว ได้รับผลตามที่ตั้งใจไว้ อาจแสดงออกได้หลายลักษณะเช่น ยิ้ม หัวเราะ น้ำตาไหลด้วยความปลื้มปีติ  แต่หากเป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะเกิดเป็นฉัพพรรณรังสีออกมาจากพระวรกายของพระองค์
 
ฉัพพรรณรังสี หรือ ฉัพพรรณรัศมี คือ รัศมีที่เปล่งออกมาจากพระวรกายของพระพุทธเจ้าในโอกาสต่าง ๆ มี ๖ สี คือ

๑. นีลรัศมี  รัศมีสีนิลเหมือนดอกอัญชัน  เปล่งออกจากพระเกศา  พระมัสสุ และจากดวงพระเนตรส่วนที่เป็นสีนิล
๒. ปีตรัศมี รัศมีเหลืองเหมือนหรดาลทอง   เปล่งออกจากพระฉวี และจากดวงพระเนตรส่วนที่เป็นสีเหลือง
๓. โลหิตรัศมี   รัศมีสีแดงเหมือนตะวันอ่อน เปล่งออกจากพระมังสะ พระโลหิต และจากดวงพระเนตรส่วนที่เป็นสีแดง
๔. โอทาตรัศมี   รัศมีสีขาวเหมือนแผ่นเงิน เปล่งออกจากพระอัฐิ พระทนต์ และดวงพระเนตร ส่วนที่เป็นสีขาว
๕. มัญเชฐรัศมี รัศมีสีหงสบาทเหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่  เปล่งออกจากส่วนต่าง ๆ ของพระวรกาย
๖. ประภัสสรรัศมี  รัศมีเลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก เปล่งออกจากส่วนต่าง ๆ ของพระวรกาย

พระพุทธเจ้าทรงเปล่งพระรัศมีนี้เป็นครั้งแรก  ขณะประทับอยู่ที่โคนต้นโพธิ์หลังตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว   ตามหลักฐานในคัมภีร์พระพุทธศาสนาระบุว่า พระรัศมีเกิดมาจากการที่พระองค์ทรงเกิดปีติโสมนัสในการพิจารณาธรรมที่ได้ตรัสรู้ ทำให้เกิดมีพระรัศมี ๖ สี  เปล่งออกจากพระวรกาย เกิดเป็นอัศจรรย์ส่งผลให้เทวดาในหมื่นโลกธาตุทราบว่า พระองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว  ต่อมาจากนั้นก็มีระบุถึงว่า พระพุทธเจ้าทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีในโอกาสสำคัญต่าง ๆ อาทิ เมื่อคราวเสด็จไปรอรับพราหมณ์กัสสปะแห่งแคว้นมคธและพระเจ้ากัปปินะแห่งเมืองกุกกุฎวดีที่เดินทางมาขอบวชกับพระองค์  พระพุทธเจ้าประทับเปล่งฉัพพรรณรังสีรออยู่ใต้ต้นไม้ข้างทางผ่าน เพื่อให้ทั้ง ๒ ท่านได้รู้ว่าพระองค์คือพระศาสดาที่ตนกำลังต้องการพบ

ฉัพพรรณรังสีนี้เกิดแก่สมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีแก่พระสาวก.


อ้างอิง :
๑. คอลัมน์ “องค์ความรู้ภาษาไทย”  หน้า ๒๒ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
๒. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕





ขออนุญาตบันทึกสาระดังกล่าวในกระทู้นี้ค่ะ เพราะเห็นว่ามีความเกี่ยวพันเนื่องกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 กรกฎาคม 2555 11:30:58 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น: ฉัพพรรณรังสี แผ่ พระกาย พระพุทธเจ้า ความรู้ ศาสนา เกร็ดศาสนา 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.244 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 13 เมษายน 2567 12:16:11