การเล่นแร่แปรธาตุ - ศาสตร์ลี้ลับ

ภาพจาก : sahavicha.com

การเล่นแร่แปรธาตุ

วิชาเล่นแร่แปรธาตุ หรือการเล่นแร่แปรธาตุ หรือ รสายนเวท เป็นศาสตร์ที่มีมาแต่สมัยกรีกโบราณ โดยอริสโตเติลเป็นผู้วางรากฐานศาสตร์นี้ไว้จำนวนมาก นักเล่นแร่แปรธาตุเชื่อว่า ทุกอย่างในโลกประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ หากเปลี่ยนแปลงปริมาณของธาตุสี่ในวัตถุหนึ่งวัตถุใดได้แล้ว ย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงวัตถุนั้นให้กลายเป็นวัตถุตามที่พึงประสงค์ได้ (เช่น เปลี่ยนตะกั่วให้เป็นทองคำ)

สิ่งที่นักเล่นแร่แปรธาตุต้องการค้นพบ คือ อลิเซีย วิตา หรือยาอายุวัฒนะที่จะช่วยให้มีอายุยืนนาน และ ศิลานักปราชญ์ ซึ่งจะเปลี่ยนสสารใดๆให้กลายเป็นทองคำได้ รวมถึงการสร้างมนุษย์เทียมในหลอดแก้ว

การเล่นแร่แปรธาตุแม้จะล้มเหลวแต่ก็เป็นรากฐานสำคัญให้กับศาสตร์หลายสาขาในกาลปัจจุบัน

กล่าวสำหรับเมืองไทย เราอาจเคยได้ยินมาว่าคนไทยสมัยก่อนนิยมการเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งการเล่นแร่แปรธาตุนั้น หมายถึงการนำโลหะหลายชนิดใส่ลงในเบ้าหลอม แล้วนำไปใส่ในกองไฟ ซึ่งก่อขึ้นด้วยฟืนหรือถ่าน และจะต้องคอยเติมฟืนหรือถ่านเข้าไปในกองไฟให้สม่ำเสมอทั้งกลางวันกลางคืน ไฟนี้จะดับลงไม่ได้เลย ระหว่างนั้นต้องบริกรรมคาถาต่าง ๆ รวมถึงวิธีการทำต่าง ๆ มากมายด้วยกัน บางตำราผู้ทำพิธีเล่นแร่แปรธาตุต้องรับประทานอาหารมังสวิรัติก็มี บางตำราก็ว่าต้องสาธยายคาถา สาธยายมนต์ต่าง ๆ ก็มี ในปัจจุบัน ยังไม่ปรากฏว่ามีการเล่นแร่แปรธาตุในเมืองไทย แต่ที่ประเทศสหภาพพม่ายังมีการเล่นแร่แปรธาตุอยู่ อาจจะแปรเหล็กให้เป็นทองคำได้ หรืออาจจะทำให้เป็นเหล็กไหล เมื่อกลายเป็นเหล็กไหลก็เหาะเหินเดินอากาศได้ เป็นต้น

คนที่เล่นแร่แปรธาตุนั้น จะต้องมุ่งมั่นตั้งอกตั้งใจกับการเล่นแร่แปรธาตุเป็นอย่างมาก เพราะไฟที่เขาจุดในการแปรธาตุนั้นจะดับลงไม่ได้เป็นอันขาดในช่วงที่อธิษฐานจิตอยู่ อาจจะเป็น ๕ วัน ๑๐ วัน หรือ ๑ เดือน แม้ว่าเขาจะรับประทานอาหารอยู่ หรือนอนอยู่ก็ตาม จิตของเขาจะตั้งใจอยู่กับการแปรธาตุ จะฝักใฝ่อยู่กับการแปรธาตุเพื่อที่จะมุ่งมั่นให้สำเร็จตามความตั้งใจ

อ้างอิง (บางส่วน) : โพธิปักขิยธรรม ๓๗ โดย พระคันธสาราภิวงศ์ วัดท่ามะโอ จ.ลำปาง